รับประกันโดยศูนย์ไทยระยะเวลา 2 ปี
เป็นตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ
แชทคุยกับผู้เชี่ยวชาญเพื่อเลือกสินค้าที่ใช่สำหรับคุณ
รีวิว หูฟัง B&W Pi7 S2 True Wireless
หากจะให้พูดถึงชื่อของแบรนด์สินค้าประเภท หูฟัง True Wireless ที่จัดอยู่ในหมวดของสินค้าระดับพรีเมียม Hi-End เชื่อว่าชื่อของแบรนด์ B&W หรือ Bowers & Wilkins น่าจะอยู่ในใจใครหลายๆ คนไม่มากก็น้อย ด้วยจุดเด่นของแบรนด์ที่ไม่ได้มีเพียงแค่ความพรีเมียมในตัวสินค้าทั้ง ลำโพง, หูฟัง และหูฟัง True Wireless เท่านั้น แต่ความโดดเด่นในตัวสินค้ายังมาพร้อมกับความสามารถที่พูดได้เลยว่าอัดแน่น จัดเต็ม ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีที่ทันสมัย ทั้งในด้านการใช้งาน การเชื่อมต่อ และแนวเสียงที่ยอดเยี่ยมจนได้รับการยอมรับว่าเสียงดีติดอันดับต้นๆ ของวงการเลยกันเลยทีเดียว
และในบรรดาสินค้ายอดนิยมจากทางแบรนด์ B&W ที่ได้รับความนิยมสูงมากๆ จนทางแบรนด์ต้องออกสินค้ารุ่นใหม่ออกมาให้ได้รีวิวเต็มๆ กันในครั้งนี้นอกจากรุ่นน้องอย่าง หูฟัง B&W Pi5 S2 True Wireless แล้วครั้งนี้ถึงคิวของสินค้ารุ่นพี่อย่าง หูฟัง B&W Pi7 S2 True Wireless ที่ต้องบอกเลยว่าได้รับการอัพเกรดจากในรุ่นแรกมาอย่างจัดเต็มทั้งในเรื่องการเชื่อมต่อ โดยเฉพาะฟังก์ชันเด็ดอย่างการใช้ตัวเคสเป็นอุปกรณ์ส่งสัญญาณไร้สายเมื่อใช้กับอุปกรณ์ที่ไม่รองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth ที่สามารถส่งสัญญาณได้ในระดับคุณภาพเสียง True 24-bit audio connection นอกจากนี้สเปกภายในยังคงมาแบบครบครันทั้งมาตรฐานการกันน้ำ แบตเตอรี่ และอื่นๆ รวมไปถึงฟังก์ชันการใช้งานที่ครบถ้วนตอบโจทย์ทุกความต้องการ และที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือเรื่องของแนวเสียงที่ทำได้อย่างยอดเยี่ยมสมกับความเป็น หูฟัง B&W โดยในรุ่นนี้จะโดดเด่นในเรื่องใดบ้าง รวมไปถึงจะน่าซื้อและน่าจับจองเป็นเจ้าของมากแค่ไหนนั้น เราไปดูรีวิวเต็มๆ กันเลยครับ
Key-Highlight
- หูฟัง True Wireless รูปร่างหน้าตาสุดพรีเมียม
- การออกแบบที่คำนึงถึงการสวมใส่ที่กระชับสบายหู
- น้ำหนักเบาสบายหูเพียงข้างละ 7 กรัมเท่านั้น
- รองรับการใช้งานแยกข้าง ซ้าย-ขวา อย่างอิสระ
- เชื่อมต่อ Android เพียงแตะเดียวด้วย Google Fast Pair
- รองรับ Codec Lossless สูงสุดที่ aptX Adaptive
- เคสสามารถใช้งานเป็นอุปกรณ์ส่งสัญญาณไร้สายได้
- รองรับเสียงคุณภาพสูงแบบไร้สายในระดับ True 24-bit
- ตัดเสียงรบกวนได้อย่างเงียบสนิทในทุกสถานการณ์
- Ambient Pass-Through รับเสียงภายนอกอย่างเป็นธรรมชาติ
- ไมโครโฟนภายในมากถึง 6 ตัวรับเสียงได้ชัดเจน
- เล่น-หยุด อัตโนมัติด้วยเซนเซอร์ตรวจจับการสวมใส่
- ทนทานไม่กลัวทั้งน้ำและฝุ่นด้วยมาตรฐาน IP54
- ไดรเวอร์เสียง Dynamic 9.2 มม. และ Balanced Armature
- แนวเสียงอันยอดเยี่ยมตอบโจทย์ทุกกิจกรรมการฟัง
- แบตเตอรี่ใช้งานต่อเนื่องยาวนาน 5 ชั่วโมง (ปิด ANC)
- แบตเตอรี่สามารถชาร์จเพิ่มจากเคสได้อีก 16 ชั่วโมง
- รองรับการชาร์จไวเพียง 15 นาทีใช้งานได้ 2 ชั่วโมง
- เคสสำหรับชาร์จและพกพารองรับการชาร์จไร้สาย
- รองรับการใช้งานกับแอป Bowers & Wilkins Music
การเชื่อมต่อ
- Bluetooth 5.0
- Wireless ผ่านเคส (เชื่อมต่อ AUX/3.5 mm. เข้ากับอุปกรณ์)
อุปกรณ์ภายในกล่อง
- 1 x B&W Pi7 S2 (มาพร้อมจุกไซส์ M)
- 1 x เคสสำหรับชาร์จและพกพา
- 1 x จุกซิลิโคน (ไซส์ S, L)
- 1 x สายสัญญาณ AUX/3.5 mm. to USB C
- 1 x สายชาร์จ USB C to USB C
- 1 x คู่มือการใช้งาน
ที่สุดของความพรีเมียมกับ TWS เรือธงจาก B&W ใน Gen. ที่ 2
หน้าตาสุดพรีเมียมในแบบที่คุ้นเคย
หูฟัง B&W Pi7 S2 True Wireless เป็นหูฟัง True Wireless สวมใส่แบบ In Ear มาพร้อมรูปร่างหน้าตาที่ไม่ได้แตกต่างจากในรุ่นก่อนหน้ามากนักแบบเดียวกับในรุ่น B&W Pi5 S2 โดยส่วนที่แตกต่างกันหลักๆ จะเป็นเรื่องของสีทั้งตัวหูฟังและเคสเป็นหลักที่ทำให้แยกระหว่างรุ่นที่แล้วและรุ่นใหม่ออกจากกัน โดยในเรื่องของการสวมใส่นั้นยังสามารถใส่ได้ง่าย สบาย กระชับหูและเบาสบายหูอยู่เช่นเดิม ด้วยน้ำหนักที่เบากำลังดีไม่หนักหูเพียงข้างละ 7 กรัมเท่านั้น
เชื่อมต่อไร้สายได้แม้แต่กับอุปกรณ์ที่ไม่ไร้สาย
ในส่วนของการเชื่อมต่อ หูฟัง B&W Pi7 S2 True Wireless ในรุ่นนี้ยังคงเลือกใช้เป็น Bluetooth เวอร์ชัน 5.0 อยู่เช่นเดิม โดยรองรับการเชื่อมต่อแยกข้าง ซ้าย-ขวา ได้อย่างอิสระและรองรับ Codec Lossless สูงสุดที่ aptX Adaptive รับชมภาพยนตร์และเล่นเกมออนไลน์ได้อย่างลื่นไหลไม่ดีเลย์ นอกจากนี้ยังมาพร้อมฟังก์ชันเด่นอย่างการใช้งานเคสเป็นอุปกรณ์รับส่งสัญญาณไร้สาย สำหรับการใช้งานกับอุปกรณ์ที่ไม่รองรับที่รองรับคุณภาพการส่งสัญญาณเสียงสูงถึง True 24-bit audio connection
ANC ในระดับเรือธงจาก B&W
แน่นอนว่าฟังก์ชั่นเด่นในรุ่นที่แล้วก็ถูกนำมาพัฒนาให้ยอดเยี่ยมขึ้นในรุ่นใหม่ด้วยเช่นกันกับฟังก์ชันการตัดเสียงรบกวนหรือ Adaptive ANC ที่ในครั้งนี้สามารถตัดเสียงรบกวนได้ยอดเยี่ยมและเงียบสนิทมากยิ่งขึ้น โดยแบ่งเป็นโหมดปกติและโหมด Auto ที่จะปรับระดับการตัดเสียงรบกวนอัตโนมัติตามความดังของเสียงแวดล้อมรอบข้าง รวมถึงยังมาพร้อมโหมด Pass-Through ที่จะรับเสียงจากภายนอกเข้ามาโดยไม่ต้องถอดหูฟังออกและผู้ใช้งานสามารถปรับระดับการรับเสียงได้ถึง 15 ระดับ
ไมค์ 6 ตัว และแบตเตอรี่ใช้งานได้ 5 ชั่วโมง
ด้านการสนทนาโทรศัพท์ หูฟัง B&W Pi7 S2 True Wireless มาพร้อมไมโครโฟนภายในถึงข้างละ 3 ตัวรวมเป็น 6 ตัวที่ทำหน้าที่ทั้งรับเสียงสนทนาโทรศัพท์และตัดเสียงรบกวน ในด้านการสนทนาด้วยไมโครโฟนที่มากถึง 6 ตัวทำให้สามารถรับเสียงสนทนาได้อย่างคมชัดในทุกสถานการณ์ ส่วนด้านของแบตเตอรี่นั้นสามารถใช้งานได้ต่อเนื่อง 5 ชั่วโมง (ไม่เปิด ANC) จากนั้นชาร์จจากเคสได้อีก 16 ชั่วโมง รวมแล้วใช้งานได้นาน 21 ชั่วโมง โดยรองรับการชาร์จเร็ว 15 นาทีใช้งานได้ 2 ชั่วโมงและตัวเคสรองรับการชาร์จไร้สายด้วยเช่นกัน
รีวิวการใช้งานของ หูฟัง B&W Pi7 S2 True Wireless
วัสดุและการออกแบบ
หูฟัง B&W Pi7 S2 True Wireless มาพร้อมการออกแบบที่เรียกได้ว่ารูปร่างหน้าตาภายนอกไม่ได้มีความแตกต่างจากในรุ่นแรกแต่อย่างใด ยกเว้นเพียงเรื่องสีเท่านั้น เช่นในสีขาวรุ่นที่แล้วจะเป็นการเล่นสีขาวตัดกับสีทอง ส่วนในรุ่นใหม่สีขาวจะเป็นการเล่นสีระหว่างสีขาวและสีเงินแทนครับ แต่ด้วยการที่ในรุ่นใหม่เลือกใช้เป็นรูปร่างหน้าตาแบบเดิม ทำให้ในส่วนของการสวมใส่นั้นก็ยังคงสวมใส่ได้ง่าย กระชับ ไม่หลุดหรือเคลื่อนง่ายๆ รวมถึงสวมใส่ได้สบายหูอยู่เช่นเดิมครับ
ไม่เพียงแต่ตัวหูฟังเท่านั้นที่ใช้รูปร่างหน้าตาแบบเดิม แต่ในส่วนของเคสสำหรับพกพาก็ยังมาพร้อมรูปร่างหน้าตาแบบเดิมด้วยเช่นกัน ซึ่งข้อดีก็คือเป็นรูปทรงที่มีความพรีเมียมแบบในรุ่นก่อนหน้า พกพาได้สะดวกทั้งใส่ในกระเป๋าเสื้อหรือกระเป๋าเกางเกง แต่ก็มีข้อควรระวังก็คือตัวเคสไม่สามารถวางตั้งได้นั่นเองครับ จำเป็นที่จะต้องวางเคสไว้ในแนวนอนที่ทำให้ การเปิดฝาเคสทุกครั้งผู้ใช้งานจะต้องหยิบเคสขึ้นมาเท่านั้น
ในด้านของวัสดุในรุ่นพี่ Pi7 S2 ไม่ได้ต่างจากในรุ่นน้อง Pi5 S2 เท่าไหร่ ทำให้พูดได้ว่าเมื่อเทียบกับราคาก็อาจจะผิดจากที่คาดหวังเอาไว้เล็กน้อย เพราะทั้งตัวหูฟังและตัวเคสนั้นเลือกใช้วัสดุเป็นพลาสติกแข็งพื้นผิวกึ่งด้านกึ่งเงา ในขณะเดียวกันก็ยังให้ความรู้สึกว่ามีรอยนิ้วมือติดหรือตัวหูฟังมีความมันได้ง่าย ควบคู่ไปกับวัสดุอลูมิเนียมเล็กน้อยที่ตัวหูฟังด้านบนส่วนที่รับการควบคุมด้วยระบบสัมผัส และที่เคสจะเป็นในส่วนของฝาปิดครับ จากภายนอกให้ความรู้สึกที่สวยแต่อาจจะไม่พรีเมียมมากเท่าควร ส่วนด้านงานประกอบนั้นมีความแน่นหนา แข็งแรงทนทาน แต่ด้วยความที่เป็นพลาสติกก็ให้ความรู้สึกไม่พรีเมียมเท่าที่ควรครับ
การเชื่อมต่อ
สำหรับการเชื่อมต่อก็เป็นอีกจุดที่ทางทีมงานคิดว่าจะมาพร้อมเวอร์ชัน Bluetooth ที่ใหม่กว่านี้ โดยในรุ่นนี้ก็ยังคงใช้เป็น Bluetooth เวอร์ชัน 5.0 ที่แม้จะไม่ได้รับการอัพเกรดเป็นเวอร์ชันล่าสุดแต่ก็ยังให้สัญญาณที่มีความเสถียรอยู่เช่นเดิม รองรับการใช้งานแยกข้าง ซ้าย-ขวา อย่างอิสระ และรองรับการส่งสัญญาณเสียงไร้สายในระดับ Lossless สูงสุดที่ aptX Adaptive ซึ่งการเชื่อมต่อบลูทูธก็ทำได้อย่างง่ายด้ายทั้งแบบเชื่อมต่อปกติและเชื่อมต่ออย่างรวดเร็วเข้ากับ Smartphone Android ผ่าน Google Fast Pair โดยมีวิธีการเชื่อมต่อดังนี้ครับ
การเชื่อมต่อแบบปกติ
1. ในการใช้งานครั้งแรกเมื่อเปิดฝาเคส ตัวหูฟังจะเข้าสู่โหมด Pairing โดยอัตโนมัติ
2. ส่วนการนำไปเชื่อมต่อกับเครื่องอื่นๆ หรือเชื่อมต่อแบบ Manual ให้เปิดฝาเคส และกดปุ่มบนเคสค้างไว้ 1.5 วินาที ตัวหูฟังจะเข้าสู่โหมด Pairing
3. ไปที่การตั้งค่า Bluetooth บน Smartphone
4. เลือก Pi7 S2
5. เท่านี้ก็เป็นอันเชื่อมต่อสำเร็จครับ
การเชื่อมต่อผ่าน Google Fast Pair
1. ในการใช้งานครั้งแรกเมื่อเปิดฝาเคส ตัวหูฟังจะเข้าสู่โหมด Pairing โดยอัตโนมัติ
2. ส่วนการเชื่อมต่อแบบ Manual ให้เปิดฝาเคส และกดปุ่มบนเคสค้างไว้ 1.5 วินาที ตัวหูฟังจะเข้าสู่โหมด Pairing
3. ที่ Smartphone จะมี Pop-Up การเชื่อมต่อแสดงขึ้นมา
4. แตะที่ Connect
5. เท่านี้ก็เป็นอันเชื่อมต่อสำเร็จครับ
ไม่เพียงแต่การเชื่อมต่อผ่าน Bluetooth เท่านั้นในรุ่นนี้ยังคงเอาฟังก์เด่นในรุ่นที่แล้วอย่างการใช้เคสชาร์จทำหน้าที่เป็น Audio retransmission สำหรับการใช้งานกับอุปกรณ์ที่ไม่รองรับการเชื่อมต่อแบบไร้สายอีกด้วย ซึ่งการเชื่อมต่อไร้สายผ่านระบบนี้สามารถส่งสัญญาณเสียงคุณภาพสูงได้ถึงระดับ True 24-bit audio เลยทีเดียว ให้ความละเอียดสูงไม่แตกต่างจากการฟังผ่านการเชื่อมต่อผ่านสาย ตอบโจทย์ผู้ที่ชื่นชอบการฟังเสียงแบบคุณภาพสูงหรือหูทองอย่างแน่นอน โดยมีการเชื่อมต่อดังนี้ครับ
1. เชื่อมต่อสาย AUX/3.5 mm. to USB C เข้ากับเคสและอุปกรณ์เล่นเพลง โดยใช้ AUX/3.5 mm. เชื่อมต่อเข้ากับอุปกรณ์ที่ใช้เล่นเพลง และใช้ USB C เชื่อมต่อเข้ากับเคสสำหรับชาร์จและพกพา
2. กดปุ่มที่ด้านหน้าเคสค้างไว้ 3 วินาที
3. ตัวหูฟังจะเชื่อมต่อกับเคสในทันที ผู้ใช้งานสามารถนำหูฟังมาใช้งานฟังได้ตามต้องการ
ทดสอบความหน่วงของสัญญาณ
ในส่วนของดีเลย์จากากรเชื่อมต่อบลูทูธนั้น สำหรับการรับชมภาพยนตร์ผ่านแอปต่างๆ เช่น YouTube, Netflix, Prime Video และ Disney hotstar สามารถรับชมได้อย่างลื่นไหลไม่มีอาการดีเลย์ครับ แต่ในส่วนของการเล่นเกมจะมีอาการหน่วงหรือดีเลย์อยู่เพียงเล็กน้อยหรืออยู่ที่ประมาณ 0.7 วินาทีเท่านั้น (เสี้ยววินาที) ซึ่งในแง่การเล่นเกมนั้นไม่ถือว่าดีเลย์มากนัก ยังสามารถเล่นได้ลื่นไหลในเกมบางประเภท แต่เกมบางประเภทเช่น Battle Royale หรือ FPS อาจจะต้องใช้ความเคยชินเล็กน้อยครับเพราะเสียงที่มาช้ากว่าอาจจะทำให้เสียจังหวะได้ครับ
การตัดเสียงรบกวน
จากการทดสอบโหมดการตัดเสียงรบกวนนั้นในโหมดปกติพบว่าทำได้ดีเลยทีเดียวครับ สามารถตัดเสียงรบกวนไปได้มากกว่า 85% และยิ่งถ้าใช้งานไปพร้อมการเปิดเพลงไปด้วย ก็แทบจะพูดได้เลยว่าการตัดเสียงรบกวนนั้นตัดไปได้ถึง 95% ก็ว่าได้ ไม่ว่าเสียงอะไรก็ไม่สามารถเข้ามารบกวนได้ ผู้ใช้งานจะได้ยินเพียงเสียงเพลงล้วนๆ และเสียงใกล้ตัวที่ต้องดังในระดับหนึ่งถึงจะแทรกเข้ามาได้ ส่วนในโหมด Auto ด้วยความที่ระบบจะตัดเสียงโดยอัตโนมัติตามเสียงจากรอบข้าง ทำให้ประสิทธิภาพขณะทดสอบสามารถตัดเสียงได้ราวๆ 75% เสียงจากภายนอกเข้ามาได้มากขึ้น เพราะอยู่ในออฟฟิศที่ไม่ได้มีเสียงดังรบกวนมากนัก ตัวหูฟังเลยไม่ได้ตัดเสียงมากซึ่งก็ถือว่าทำได้ดีครับ
ในส่วนของ Ambient Pass-Through หากใช้งานตอนที่เปิดเพลงอยู่ก็อาจจะไม่ได้รู้สึกว่าได้ยินเสียงจากภายนอกมากนัก เพราะผู้ใช้งานจะถูกเสียงเพลงกลบทั้งหมด แต่หากปิดเสียงเพลงแล้วก็ต้องบอกเลยว่าสามารถรับเสียงจากภายนอกมาได้ชัดเจนพอสมควรโดยเฉพาะเสียงสนทนาจากบุคคลรอบข้างจะได้ยินอย่างชัดเจน สนทนาได้รู้เรื่องทุกการติดต่อ โดยหากเปิดไว้ที่ระดับ 1 จะได้ยินเสียงจากรอบข้างประมาณ 25% แต่หากเปิดไว้ที่ระดับสูงสุดหรือ 15 ก็จะได้ยินเสียงจากรอบข้างมากกว่า 80% ครับ
ไมโครโฟน
จากการทดสอบใช้ไมโครโฟนในการสนทนาโทรศัพท์ ด้วยไมโครโฟนรวมที่มีมากถึง 6 ตัวพบว่าตัวไมค์สามารถรับเสียงพูดได้อย่างคมชัดในทุกสถานการณ์ครับ ทดสอบสนทนาขณะวิ่งพบว่าสามารถคุยโต้ตอบได้ชัดเจน คู่สนทนาได้ยินครบถ้วนทุกการติดต่อ ส่วนการใช้งานขณะอยู่บนรถมอเตอร์ไซค์ก็ยังสามารถรับเสียงได้คมชัดด้วยเช่นกัน สนทนาได้ครบถ้วนและลื่นไหลในทุกสถานการณ์ครับ
มาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น
สำหรับผู้ที่เป็นสาย Sport หรือชื่นชอบการเล่นกีฬาก็สบายใจได้เลยครับ เพราะในรุ่นนี้มาพร้อมมาตรฐาน IP54 กันเหงื่อ ละอองน้ำ และฝนได้ รวมถึงกันฝุ่นได้ด้วยเช่นกัน จากการทดสอบพรมน้ำลงไป เพียงหยิบขึ้นมาสะบัดเอาน้ำออกหรือซับน้ำออกให้แห้ง ตัวหูฟังก็ยังสามารถใช้งานได้ปกติไม่มีปัญหาใดๆ ครับ
การควบคุม
ตัวหูฟังสามารถควบคุมได้อย่างง่ายดายผ่านปลายนิ้วด้วยระบบสัมผัส สามารถควบคุมได้อย่างครบครันทั้งการควบคุมเพลง รับ/วางสายโทรศัพท์ เปิด/ปิดโหมดการตัดเสียงรบกวน และเรียกผู้ช่วยเสียง โดยจะไม่สามารถเพิ่ม/ลดเสียงได้ที่ตัวหูฟังครับ นอกจากนี้ยังมาพร้อมเซนเซอร์ตรวจจับการสวมใส่ที่จะเล่นและหยุดเล่นเพลงตามการสวมใส่ของผู้ใช้งานอีกด้วยครับ
แอป Bowers & Wilkins Music
ผู้ใช้งานสามารถดาวน์โหลดแอป Bowers & Wilkins Music มาเพื่อปลดล็อคการตั้งค่าและการใช้งานต่างๆ เพิ่มเติมได้ โดยการใช้งานภายในแอปจะมีทั้ง ตรวจสอบแบตเตอรี่คงเหลือ, เปิด/ปิดโหมดตัดเสียงรบกวน, เลือกระดับการรับเสียงของโหมด Pass-Through, เลือกสลับการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์หรือ Smartphone ที่เคยเชื่อมต่อได้, เปิด/ปิดเซนเซอร์ตรวจจับการสวมใส่, เลือกระดับความคมชัดในการ Streaming กับแอปต่างๆ ที่กำหนด, เปลี่ยนชื่อของหูฟัง และอัพเดทเฟิร์มแวร์เพื่อแก้ไขข้อผิดพลาดทางซอฟท์แวร์และปรับปรุงการใช้งาน เป็นต้น
รีวิวเสียง หูฟัง B&W Pi7 S2 True Wireless
ด้านของสเปกเสียง หูฟัง B&W Pi7 S2 True Wireless ก็อัพเกรดให้ดีขึ้นเพื่อตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลายในปัจจุบัน ทั้งการฟังเพลง, รับชมภาพยนตร์ และเล่นเกม ด้วยไดรเวอร์ Dynamic ภายในที่มีขนาดที่ใหญ่ถึงข้างละ 9.2 มิลลิเมตร และไดรเวอร์ Balanced Armature ที่จะช่วยเสริมจุดอ่อนของเสียงในแต่ละไดรเวอร์ พร้อมปรับจูนเสียงมาเป็นอย่างดีจากทางแบรนด์ Bowers & Wilkins เพื่อเสียงที่ยอดเยี่ยมตามสไตล์ของแบรนด์ โดยมีรายละเอียดเสียงดังนี้ครับ
- เสียงกลาง: ในส่วนของเสียงกลางออกไปในทางป้าน ไม่ต่างจากในรุ่น Pi5 S2 มากนัก โดยเนื้อเสียงออกใหญ่ เมีความเคลียร์และออกใสพอประมาณ โดยรวมคือเนื้อเสียงมีความอิ่มแน่นและมาพร้อมรายละเอียดเสียงต่างๆ ที่ครบถ้วน โดยเฉพาะเสียงกลองและเสียงฉาบที่ให้รายละเอียดที่เด่น สามารถฟังและจับเสียงได้อย่างง่ายดาย
- เสียงสูง: เสียงสูงทอดไปได้ไกลพอประมาณ ด้วยผลจากไดรเวอร์ Balanced Armature นั่นเอง สามารถไล่ตัวโน้ตได้ตรงไม่ผิดเพี้ยน เนื้อเสียงไม่เพียงแต่กลมและให้ความรู้สึกชุ่มเท่านั้นแต่ยังมีความหนา ทำให้ปลายเสียงไม่เพียงแต่แน่นเท่านั้นแต่ยังมีประกายเสียงอีกด้วย ภาพรวมเสียงไม่มีอาการเสียงแตก เสียงพร่า หรือเสียงแห้งจนสากหู รวมถึงปลายตัดเก็บเสียงได้ดีไม่มีแตกพร่าที่ปลายเสียง
- เสียงเบส: เสียงเบสอยู่ในระดับปานกลาง หรือก็คือเสียงแบบพอดีๆ ไม่เด่นจนเกินไปแล้วก็ไม่น้อยจนเกินไปด้วยเช่นกัน เป็นความรู้สึกของเบสที่มาในหูฟังราคาสูงที่ให้รายละเอียดครบโดยที่ไม่เร่งจนรู้สึกว่าปลอมหรือน้อยไปจนไม่รู้สึก จังหวะที่มีเบาหูฟังก็ขับเสียงเบสได้แบบนิ่มนวลกำลังดี ไม่ได้เน้นจนแก้วหูสะเทือนหรือน้อยจนไม่รู้สึก เป็นเสียงเบสที่มีความอิ่ม หัวเบสและท้ายเบสมีความชัดเจน ทำให้ฟังแล้วรู้สึกสนุกไม่มากไปและไม่น้อยไป
- เวทีเสียง: ด้านเวทีเสียงทำได้แบบพอดีๆ ครับ ไม่ถึงกับกว้างมากแต่ก็ไม่ได้แคบจนแยกไม่ออกหรือไม่รู้ว่ามีอะไรอยู่โดยรอบบ้าง ไม่ว่าจะเป็นการจัดวางเครื่องดนตรีที่ให้รายละเอียดที่ชัดเจนเครื่องดนตรีชิ้นไหนอยู่บริเวณใดของห้อง รวมถึงสามารถรับรู้ได้ทันทีว่าเป็นเครื่องดนตรีชนิดใด ด้วยจุดเด่นของการจัดวางที่ไม่ไกลจนเกินไป
แนวเพลงที่เหมะสม: Pop / Pop-Rock / Rock / EDM
สรุป หูฟัง B&W Pi7 S2 True Wireless
หูฟัง B&W Pi7 S2 True Wireless ราคา อยู่ในระดับพรีเมียม ที่เมื่อเทียบกับแนวเสียง ฟังก์ชันการใช้งานต่างๆ เทคโนโลยีภายในที่ให้มาแบบจัดเต็ม รูปร่างหน้าตาการออกแบบและวัสดุในระดับพรีเมียม ก็อาจจะพูดได้ว่าเป็นหูฟังที่มีราคาสูงเกินไปเล็กน้อยและอาจจะไม่เหมาะกับผู้ที่เริ่มต้น ผู้ที่มีงบจำกัด หรือนักเรียนนักศึกษาที่ไม่ได้มีเงินหรืองบมากมายในการซื้อหูฟัง โดย หูฟัง B&W Pi7 S2 True Wireless เหมาะกับผู้ที่มีงบเหลือๆ มีเงินที่เป็นเงินเย็น ผู้ที่เป็นแฟนของแบรนด์ B&W ที่ชื่นชอบแนวเสียงอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของทางแบรนด์ และผู้ที่กำลังมองหา หูฟังไร้สาย True Wireless สวมใส่แบบ In Ear ที่สวมใส่สบายหู ตัดเสียงรบกวนได้ เชื่อมต่อได้เสถียร รองรับ aptX Adaptive ใช้เคสเป็นตัวแปลงให้อุปกรณ์เล่นเพลงแบบมีสายสามารถส่สัญญาณแบบไร้สายได้ กันน้ำกันฝุ่น ไมค์ชัดถึง 6 ตัว แบตเตอรี่ใช้งานได้นานกำลังดี แต่หากเป็นผู้ที่คาดหวังในการเปลี่ยนแปลงหรืออัพเกรดแบบจริงจัง ในรุ่นนี้อาจจะไม่ได้ต่างจากเดิมแบบเห็นภาพชัดนักนอกจากสีของตัวหูฟังครับ
ไร้สาย
มีไมค์
บลูทูธ, AUX (3.5mm)
กันน้ำ
ระบบตัดเสียงรบกวน, ชาร์จไร้สาย
ฟังเพลง
หูฟัง True Wireless
Dynamic
AAC, aptX, aptX HD, aptX Adaptive, SBC
IP54
5 ชั่วโมง (หูฟัง) + 16 ชั่วโมง (เคส)