iPad Air 5 ใหม่! ใช้เล่นเกม ตัดต่อ ถ่ายรูป ดีขึ้นยังไง
17 มี.ค. 2565
เปิดตัวกันไปเป็นที่เรียบร้อยกับ Event แรกของปี 2022 จากแบรนด์ Apple สำหรับ Tablet ยอดนิยมอันดับ 1 ของโลกอย่าง Apple iPad ที่ในงานครั้งนี้ก็เปิดตัวเจเนอเรชันใหม่ของ iPad Air อย่าง iPad Air 5 ที่แน่นอนว่าเปิดตัวใหม่ทั้งที แม้หน้าตาหรือบอดี้จะไม่ต่างจากเดิมแต่ภายในนั้นให้สเปคมาแบบจัดเต็มในระดับที่พูดได้เลยว่ายอดเยี่ยม สมการรอคอย ไม่ทำให้ผู้ใช้งานผิดหวังอย่างแน่นอน โดย iPad Air 5 ใหม่จะโดดเด่นแค่ไหน ทำอะไรได้บ้าง ใช้เล่นเกม ตัดต่อ ถ่ายรูป ดีขึ้นยังไง และน่าซื้อกว่า iPad 4 มากแค่ไหนนั้น ครั้งนี้ Mercular.com ก็ได้สรุปมาให้ในบทความนี้เรียบร้อยแล้วครับ โดยจะมีรายละเอียดอะไรบ้างนั้น เรามาดูกันเลยครับ
Apple iPad 5 “สดใส สุดพลัง”
สำหรับคำโปรยของ iPad Air 5 ในครั้งนี้คือ “สดใส สุดพลัง” ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นคำอธิบายได้ดีถึง iPad Air 5 เพราะจุดเด่นของรุ่นนี้ก็คือ สีสันใหม่ที่สดใส พร้อมสเปคภายในที่อัพเกรดจากเดิมไปอีกระดับ โดยในรุ่นนี้แม้จะมาพร้อมบอดี้เดิมที่เป็นแบบเดียวกับรุ่นที่แล้วอย่าง iPad Air 4 แต่ในรุ่นที่ 5 นี้ก็มาพร้อมสีสันใหม่ ที่มีความสดใส สวยงาม และทันสมัยยิ่งขึ้นกว่าเดิม ประกอบไปด้วย สีเทาสเปซเกรย์, สีสตาร์ไลท์, สีชมพู, สีม่วง และสีฟ้าเฉดใหม่ล่าสุด ที่เห็นในครั้งแรกก็ต้องบอกเลยว่าตกหลุมรักได้ง่ายๆ นอกจากสีสันสดใสที่เป็นเฉดสีใหม่แล้วนั้น ด้านสเปคภายในก็จัดเต็มที่ก้าวกระโดดจากรุ่นที่แล้วไปอีกขั้น โดยเฉพาะส่วนที่ต้องพูดถึงมากที่สุดในรุ่นนี้ก็คือ Chipset ภายในที่ในรุ่นนี้เลือกใช้ Chipset Apple M1 แบบเดียวกับที่ใช้ใน iPad รุ่น Top อย่าง iPad Pro เจเนอเรชันล่าสุด ทำให้พูดได้ว่าความแรงในการประมวลผลนั้นไม่น้อยหน้ารุ่นไหนๆ และยังสามารถพูดได้ว่าแรงที่สุดในวงการ หรือแรงจนเทียบเท่ากับ Laptop ก็ว่าได้
Chipset Apple M1 ความแรงในระดับเดียวกับ iPad Pro เจเนอเรชันใหม่!
ส่วนแรกที่ได้อัพเกรดมาใน iPad Air 5 ที่ต้องนึกถึงเป็นสิ่งแรกๆ เลยก็คือ Chipset ที่อัพเกรดแบบก้าวกระโดดมาเป็น Chipset Apple M1 รุ่นเรือธงของอุปกรณ์ Tablet ของ Apple ในขณะนี้ โดยชิป M1 นั้นมีประสิทธิภาพสูงมากด้วย CPU แบบ 8‑core ให้ความเร็วในการประมวลผลสูงกว่าชิปใน iPad Air 4 ถึง 60% โดยชิปตัวนี้ก็ได้มาอยู่ภายใน iPad Air 5 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทำให้ iPad Air กลายเป็นขุมพลังแห่งการสร้างผลงานจากความคิดสร้างสรรค์ได้อย่างอิสระ เหนือจินตนาการ และยังตอบโจทย์การเล่นเกมได้อย่างลื่นไหลและปรับระดับการตั้งค่า Graphic ได้สูงขึ้นกว่าเดิม รวมถึงสามารถสลับไปมาระหว่างแอปออกแบบที่กำลังทำอยู่ในขณะนั้นกับเกมที่ปรับกราฟฟิคระดับสูงได้อย่างลื่นไหลไร้รอยต่อ หมดปัญหาการต้องรันแอปใหม่เนื่องจาก CPU ประมวลผลไม่ทัน และแม้จะมีพลังการประมวลผลกราฟฟิคที่สูงขึ้นกว่าเกิมถึง 2 เท่าแต่เรื่องของแบตเตอรี่สามารถใช้งานได้นานขึ้นด้วยระบบการจัดการพลังงานที่ยอดเยี่ยม ทำให้สามาถใช้งานแบตเตอรี่ได้นานตลอดวัน หรือใช้งานรับชมภาพยนตร์ได้ต่อเนื่องถึง 10 ชั่วโมง
GPU แบบ 8-core และ Neural Engine แบบ 16‑core
และด้วย GPU แบบ 8-core ภายในจึงทำให้ใช้งานประสิทธิภาพกราฟฟิคได้สูงขึ้นกว่าเดิม 2 เท่า รวมถึง Neural Engine แบบ 16‑core ที่ออกแบบโดย Apple ช่วยเร่งการเรียนรู้ของระบบให้เร็วขึ้น จึงทำสามารถทำกิจกรรมต่างได้อย่างลื่นไหล ยอดเยี่ยมกว่าที่เคย เช่น การปรับแต่งภาพถ่ายก็ทำได้รวดเร็วกว่าที่เคยใน Adobe Lightroom สามารถเลือกท้องฟ้าในภาพได้ง่ายๆ ด้วยการแตะเพียงครั้งเดียว
กล้องหน้าและกล้องหลังที่ได้รับการปรับปรุงใหม่หมด
สำหรับกล้องหน้าใน iPad Air 5 ก็ได้อัพเกรดมาใช้เป็นกล้องอัลตร้าไวด์ความละเอียด 12MP ที่มาพร้อมคุณสมบัติตอบโจทย์การประชุมสายที่เรียกว่า "จัดให้อยู่ตรงกลาง" โดยจุดเด่นคือการปรับโฟกัสไปตามผู้ใช้งานที่อยู่ด้านหน้ากล้องช่วยให้วิดีโอคอลเป็นธรรมชาติยิ่งขึ้น เพราะกล้องจะแพนตามการเคลื่อนไหวไปโดยอัตโนมัติเพื่อให้ผู้ใช้งานอยู่กลางเฟรมเสมอ และเมื่อมีใครเข้ามาหรือออกจากเฟรมไป ภาพก็จะขยายออกหรือซูมเข้าให้เองโดยอัตโนมัติที่จุดนี้เรียกได้ว่าล้ำแบบสุดๆ
ด้านของกล้องหลังเป็นกล้องแบบไวด์ความละเอียด 12MP รองรับการถ้ายภาพที่มีความคมชัดสูงและถ่ายวีดีโอที่ความคมชัดในระดับ 4K และด้วย ISP ที่ทรงพลังในชิป M1 ทำให้ตอนนี้ iPad Air มาพร้อมความสามารถ HDR อัจฉริยะแบบใน iPhone รุ่นเรือธงและใน iPad Pro Generation ล่าสุด ทำให้ภาพที่ถ่ายจากกล้องของ iPad Air 5 สวยงามไม่แพ้ภาพที่ถ่ายจากกล้องมืออาชีพเลยทีเดียว
สเปคการใช้งานด้านต่างๆ ที่ให้มาแบบครบครัน
ด้านหน้าจอยังคงใช้เป็นจอภาพแบบ Liquid Retina ขนาด 10.9 นิ้ว พร้อมเทคโนโลยีสุดล้ำอย่างการแสดงผลแบบ True Tone, ขอบเขตสีกว้างแบบ P3 และการเคลือบผิวป้องกันแสงสะท้อนดีไซน์แบบหน้าจอทั้งหมด รวมถึงยังคงใช้ระบบความปลอดภัยผ่านลายนิ้วมืออย่าง Touch ID ที่ติดตั้งอยู่ในปุ่มด้านบนเช่นเดิม สามารถใช้ลายนิ้วมือเพื่อปลดล็อค iPad ได้ทุกเวลาที่ต้องการ เชื่อมต่อได้อย่างรวดเร็วผ่านรุ่นที่รองรับซิมด้วยการเชื่อมต่อ 5G และสำหรับรุ่นที่ไม่รองรับซิมก็สามารถเชื่อมต่อผ่าน WiFi 6 ที่ให้ความเร็วในการเชื่อมต่อที่สูงมากๆ เช่นเดียวกัน รวมถึงยังมาพร้อมการแชร์ภาพ เสียง และภาพยนตร์ผ่าน SharePlay เพื่อดูรายการต่างๆ ไปพร้อมๆ กันกับเพื่อน ด้านอุปกรณ์เสริมในรุ่นนี้ยังคงรองรับ Apple Pencil 2 อยู่เช่นเคย รวมถึงรองรับอุปกรณ์เสริม Keyboard ที่ทันสมัยอย่าง Magic Keyboard, Smart Keyboard Folio หรือติดเข้ากับ Magic Keyboard ก็ยังได้ รวมถึงยังมาพร้อมเคส Smart Folio สีใหม่ๆ ให้เลือกเป็นเจ้าของได้ตามที่ต้องการ และในรุ่นนี้แน่นอนว่ามาพร้อมกับ Port USB C ที่สามารถชาร์จได้อย่างรวดเร็วและถ่ายข้อมูลได้อย่างรวดเร็วด้วยเช่นกัน
เป็นยังไงกันบ้างครับกับสรุปข้อมูล iPad Air 5 ที่นำมาฝากกันในครั้งนี้ ที่ทาง Mercular.com ก็หวังว่าข้อมูลนี้จะเป็นประโยชน์ต่อการเลือกซื้อ iPad Air 5 และเป็นความรู้ได้ไม่มากก็น้อย โดยในตอนนี้ iPad Air 5 ยังไม่เปิดวางขายและพรีออเดอร์พร้อมมีให้เลือกทั้งแบบมีช่องใส่ซิมราคาเริ่มต้นที่ 25,900 บาทและแบบไม่มีช่องใส่ซิมที่ราคา 20,900 บาทกับ 2 ความจุที่ 64Gb และ 256Gb พร้อม 5 สีให้เลือกตามที่ได้กล่าวไปข้างต้น หากสนใจอยากจับจองเป็นเจ้าของ iPad Air 5 ก็อาจจะต้องรอคอยกันต่อไปอีกนิดหน่อย แต่รับรองว่าไม่นานเกินรออย่างแน่นอนครับ สำหรับครั้งนี้ต้องขอตัวลาไปก่อน สวัสดีครับ