ATH-ANC300TW หูฟังทรูไวเลสตัดเสียงรบกวนที่ดีที่สุดของ Audio-Technica

สำหรับ ATH-ANC300TW นั้นเป็นหูฟังทรูไวเลสตัดเสียงรบกวนจาก Audio-Technica แบรนด์เครื่องเสียงจากแดนปลาดิบที่ถือว่าเป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่กำลังมาแรงมาก ๆ ในยุคนี้ โดยเจ้าหูฟัง True wireless ตัวนี้ชูฟีเจอร์ตัดเสียงรบกวนที่ถือว่าแตกต่างจาก True wireless ในตลาดเป็นจุดขายอย่างระบบที่ถูกเรียกว่า Hybrid Noise Cancelling หรือการผสมผสาน ระบบตัดเสียงรบกวนมากกว่า 1 อย่างเอาไว้ในหูฟังตัวเดียว ซึ่งสิ่งที่  ATH-ANC300TW ดึงมาใช้ก็คือ เทคโนโลยี Quiet Point นั่นเอง แต่ก่อนที่เราจะลงลึกไปที่ฟีเจอร์มากกว่านี้ เรามาดูรีวิวสเปคภายในคร่าว ๆ ของ เจ้าหูฟัง ATH-ANC300TW กันก่อนครับ

เริ่มจากไดรเวอร์ได้นามิกขนาด 5.8 มม. ภายในตัวของเจ้า Audio-Technica ตัวนี้ ใช้ไดอะแฟรมที่เคลือมด้วย Diamond-like  Carbon ที่จะช่วยให้ตัวไดรเวอร์สามารถชับเสียงได้คมชัด สดใสในทุก ๆ ย่าน ควบคุมการสั่งใช้งานต่าง ๆ ผ่านระบบสัมผัส อีกทั้งตัวหูฟังมากพร้อมกับมาตรฐานกันน้ำ IPX2 และแบตเตอรี่สามารถใช้งานได้รวมสูงสุด 13.5 ชั่วโมง โดยดารชาร์จแต่ละรอบผ่านเคสจะใช้งานได้ 4.5 ชั่วโมงต่อครั้ง เชื่อมต่อสัญญาณบลูทูธ 5.0 รองรับการเชื่อมต่อแบบ Low-latency และ Codec aptX และ ACC การทำงานลื่นไหล ไม่ดีเลย์ แต่สำหรับเกมเมอร์อาจจะต้องรอดูกันอีกที่ว่าจะโหดขนาดสามารถนำไปเล่นเกมได้หรือไม่ครับ

และในส่วนของเทคโนโลยี Quiet Point นั้นจัดว่าเป็นเทคโนโลยี ตัดเสียงรบกวนรูปแบบหนึ่งที่ตัวหูฟังแต่ละข้างมีไมโครโฟนอยู่ 2 ตัว ตัวแรกจะติดตั้งอยู่บริเวณด้านหน้าตัวขับเสียง และอีกตัววางอยู่ด้านหลัง  ทำหน้าที่คอยตรวจจับเสียงรบกวนที่จากภายนอก เพื่อประมวลผลตัดเสียงรบกวนผ่านนั่นเอง แต่ฟีเจอร์การตัดเสียงรบกวนของหูฟัง Audio-Technica ตัวนี้ยังไม่หมดเพราะมันสามารถใช้งานร่วมกับแอปพลิเคชัน Audio-Technica Connect ในสมาร์ทโฟนได้ สามารถเข้าไปใช้งานปรับแต่ง EQ หรือเปิดใช้ไฮไลท์ฟีเจอร์อย่างการเลือกโหมดตัดเสียงรบกวนที่มีให้มากถึง 3 โหมด ได้แก่ โหมด Airplane สำหรับตัดเสียงรบกวนในย่านความถี่ต่ำเป็นหลัก โหมด On-the-Go สำหรับใช้ระหว่างเดินทางตัดเสียงรบกวนจากท้องถนน และ Office/Study ที่ใช้สำหรับตัดเสียงรบกวนในพื้นที่ที่ค่อนข้างเงียบ

เรียกได้ว่าเป็นหูฟังอีกตัวนึงที่เปิดตัวด้วยฟีเจอร์น่าจับตามองมาก ๆ จากญี่ปุ่นโดยหูฟังไร้สาย Audio-Technica ATH-ANC300TW ตัวนี้ก็จะจำหน่ายอยู่ที่ราคา 229 เหรียญสหรัฐหรือเริ่มต้นที่ประมาณ 7,000 บาทไทยนั่นเอง