หูฟัง JBL True Wireless รุ่นไหนดี มาเทียบกันชัดๆ รุ่นที่เหมาะกับคุณ!
24 ก.ค. 2563
ในปัจจุบันต้องบอกเลยว่ากระแสของ หูฟังไร้สาย True Wireless นั้นเรียกได้ว่าได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก กลายเป็นสินค้าที่เข้ามาแทนกระแสหลักอย่าง หูฟังมีสาย Wired Headphone และ หูฟังไร้สายแบบที่ยังมีสายเชื่อมระหว่างกันอยู่ Wireless Headphone เห็นได้จากการที่หลายๆ แบรนด์ทั้งแบรนด์ใหญ่และแบรนด์เล็ก ทั้งหน้าเก่าและหน้าใหม่ต่างพากันออกสินค้าในหมวด True Wireless อย่างไม่มีใครยอมใคร ซึ่งถ้าพูดถึงแบรนด์ใหญ่ๆ 1 ในแบรนด์ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในปัจจุบันก็คือ แบรนด์ JBL ที่มีสินค้าให้เลือกมากมายหลายรุ่นหลากหลายหมวด ไม่ว่าจะเป็น ลำโพงไร้สาย Wireless Speaker ลำโพงพกพา Portable Speaker รวมถึงหูฟังไร้สาย True Wireless ด้วยเช่นกัน
สำหรับ หูฟัง True Wireless JBL ในตอนนี้ต้องบอกเลยว่ามีมากกว่า 10 รุ่น ซึ่งในแต่ละรุ่นก็มีฟังก์ชั่นการใช้งาน รูปร่างหน้าตา จุดเด่น และราคาที่แตกต่างกันออกไป แต่รุ่นไหนล่ะที่จะตอบโจทย์การใช้งานและเหมาะกับเรามากที่สุด ในครั้งนี้ทาง Mercualr.com ก็ได้นำ หูฟังไร้สาย JBL True Wireless รุ่นเด่นทั้ง 9 รุ่นมาเปรียบเทียบกันแบบชัดๆ ว่ารุ่นไหนมีจุดเด่นเรื่องใด เหมาะกับใคร และเหมาะกับการใช้งานประเภทไหน ซึ่งจะมีรุ่นใดบ้างนั้น เรามาดูกันเลยครับ
สำหรับแบรนด์อย่าง JBL รุ่นนี้ออกแบบมาตอบโจทย์กับการใช้งานในการออกกำลังกายได้ดี เพราะสามารถใช้งานกันน้ำและกันฝเหงื่อได้ดีเยี่ยมด้วยมาตรฐาน IPX7 จัดเป็นหูฟังสำหรับ Swimming, Diving Headphone ก็ว่าได้เลย และด้วยรูปแบบที่ออกแบบมาเป็นหูฟังประเภท In-Ear ที่สวมใส่ง่าย กระชับ มีน้ำหนักเบา ไม่หลุดง่ายและด้วยวัสดุที่มีความแข็งแรง และทนทานสูง สามารถใช้งานได้ทุกกิจกรรม และด้วยการใช้งานไร้สายสำหรับรุ่นนี้สามารถเชื่อมต่อผ่าน Bluetooth 4.2 ที่มีสัญญาณที่คมชัด เสถียร สามารถเชื่อมต่อได้ในระยะที่ไกลได้อีกด้วย นอกจากนี้ยังมาพร้อมเทคโนโลยี PowerHook™ ยังมีฟังก์ชั่น TwistLock™ และ FlexSoft™ ออกแบบดีไซน์ให้เข้ากับใบหูได้ถูกหลักสรีระศาสตร์ มาพร้อมฟังก์ชันพิเศษที่สามารเก็บเพลงได้สูงสุด 200 เพลงเลยทีเดียว เนื่องจากมาพร้อมเมมโมรี่ในตัวขนาดถึง 1 Gb และสามารถใช้งานแบตเตอรี่ได้ต่อเนื่องยาวนานถึง 8 ชั่วโมง และยังสามารถชาร์จเร็วเพียง 10 นาทีก็สามารถใช้งานได้เพิ่มถึง 1 ชั่วโมง
การใช้งานในการควบคุมง่ายด้วยการสัมผัสกับตัวหูฟังได้เลย และสามารถเพิ่มลดเสียงในตัวหูฟังได้เลย มาพร้อมไมโครโฟนที่สามารถใช้งานในการติดต่อสนทนาได้แบบไม่ดีเลย์ หากพูดถึงเรื่องเสียง ก็มาแบบจัดเต็ม เป็นมาตรฐานใหม่ของแบรนด์ JBL รุ่นใหม่เลยทีเดียว เพราะออกแบบมาให้มีความไพเราะ มีเสียงที่โปร่ง เบสคุมโทนมวลเสียงหนาแน่นมีความธรรมชาติในตัว และเหมาะสำหรับแนวเพลงได้หลากหลายไม่ว่าจะเป็น Pop / Pop-Rock / Rock / Alternative / Metal / Vocal / Acoustic / Classic / Jazz ก็สามารถฟังได้หมด
- เชื่อมต่อ Bluetooth 4.2
- กันน้ำมาตรฐาน IPX7
- แบตเตอรี่ต่อเนื่อง 8 ชั่วโมง
- ฟังก์ชันเครื่องเล่นเพลงในตัว
- ฟังก์ชัน PowerHook™
สั่งซื้อ หูฟังไร้สาย JBL Endurance Dive Wireless In-Ear คลิกที่นี่!
2.) JBL Live Free NC+ True Wireless
สำหรับสายมินิมอลต้องโดนสำหรับซีรีส์นี้ เป็นหนึ่งรุ่นที่มีรูปทรงดีไซน์ที่ออกแบบทันสมัย สวยงามสไตล์มินิมอล ใช้งานได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิง ด้วยขนาดกะทักรัด น้ำหนักเบา น้ำหนักเพียง 12.6 กรัม พกพาสะดวก และยังเป็นหูฟัง True Wireless สวมใส่แบบ In-Ear สวมใส่ง่ายและใส่สบาย กระชับ นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชันพิเศษอย่างการตัดเสียงรบกวน Active Noise Cancelling มารองรับการใช้งานได้ดีเยี่ยมอีกด้วย และซีรีส์นี้ก็ไม่ได้ดีแค่รูปทรงดีไซน์แต่ยังสามารถใช้งานในการเชื่อมต่อไร้สายด้วยระบบ Bluetooth 5.1 ที่มีความคมชัดและมีความเสถียร สำหรับการใช้งานแบตเตอรี่ใช้ได้ต่อเนื่องยาวนานถึง 6 ชม. รวมการใช้งานชาร์จกับเคสสามารถใช้งานได้ยาวนานถึง 21 ชม. นอกจากนี้ยังออกแบบมาให้สามารถใช้งานออกกำลังกายได้อีกด้วย เนื่องจากมีมาตรฐานกันน้ำ IPX7 มาพร้อมกับไมโครโฟนที่สามารถรับเสียงสนทนาได้อย่างคมชัดแทบจะไม่ดีเลย์เลยทีเดียว
หากพูดถึงเสียงก็ไม่แพ้รุ่นอื่นๆเลย สำหรับหูฟังไร้สาย JBL Live Free NC+ สำหรับแนวเสียงที่ปรับจูนมาได้อย่างดี สไตล์ JBL Signature Sound มีเสียงร้องที่คมชัด ฟังง่าย เนื้อเสียงมีความเรียบเนียน ฟังแล้วละมุนไพเราะ ส่วนเสียงเบสมีความลงลึก เบสแน่นและมีเวทีเสียงที่ขนาดปานกลาง เสียงร้องเด่น และมาพร้อมเสียงที่รอบล้อมกับเครื่องดนตรีได้อย่างพอดี จัดเสียงซ้าย-ขวาได้ดีอีกด้วย
- เชื่อมต่อ Bluetooth 5.1
- กันน้ำมาตรฐาน IPX7
- แบตเตอรี่ต่อเนื่อง 21 ชั่วโมง (รวมเคสชาร์จ)
- ฟังก์ชันตัดเสียงรบกวน (ANC)
สั่งซื้อ หูฟังไร้สาย JBL Live Free NC+ True Wireless คลิกที่นี่!
JBL Reflect Mini 2 เป็นหูฟังไร้สาย รูปทรงดีไซน์ที่อัปเดตมาในการออกแบบให้มีความคล่องตัวและมีความสปอร์ตมากยิ่งขึ้น เพื่อตอบโจทย์กับการใช้งานได้ทุกกิจกรรม ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกาย ใส่ไปนอกสถานที่ และรูปแบบ In-Ear ที่มีความกระชับใส่ง่ายและสบาย ไม่หลุดง่ายมาพร้อมความยาวของสายที่ยาวถึง 50 ซม. นอกจากนี้ยังสามารถใช้งานในการควบคุมได้ง่ายที่ตัวหูฟังโดยมีแผงควบคุมให้สามารถปรับได้เองเลย รวมไปถึงไมโครโฟนที่มาพร้อมใช้งานในการพูดคุยได้ในการสนทนา ได้อย่างมีคุณภาพที่ดีเยี่ยม คมชัดและไม่ดีเลย์และที่สำคัญยังสามารถใช้งานได้ยาวนานแบตเตอรี่ยาวนาน 10 ชั่วโมง และยังมีฟังก์ชันชาร์จไวแค่เพียง 15 นาทีก็สามารถใช้งานได้นานเพิ่มขึ้น 1 ชั่วโมงอีกด้วย สำหรับรุ่นนี้ยังมีการใช้งานในการกันน้ำกันเหงื่อตามมาตรฐาน IPX5
หากพูดถึงเรื่องเสียงที่มาพร้อมกับเบสที่มีความสนุกและมันส์ มีเสียงร้องที่ชัดเจน เสียงกลางคมชัด มีมวลเยอะและมีอิมแพ็คของเสียงที่จัดเต็ม เป็นอีกหนึ่งรุ่นที่ให้เสียงที่ครบครัน ฟังสบาย มีความชัดทั้งเสียงร้องและเนื้อดนตรีที่สนุก สำหรับใครที่ชื่นชอบหูฟังไร้สายใช้งานออกกำลังกาย ในรูปแบบ In-Ear และสามารถฟังเพลงได้เสียงคุณภาพ ในราคาหลักพันต้นๆ สำหรับรุ่นนี้ถือว่าตอบโจทย์กับการใช้งานได้ดีเลยทีเดียว
- เชื่อมต่อ Bluetooth 5.1
- กันน้ำมาตรฐาน IPX5
- แบตเตอรี่ต่อเนื่อง 10 ชั่วโมง
- หูฟังอินเอียร์ไร้สายออกกำลังกาย
สั่งซื้อ หูฟังไร้สาย JBL Reflect Mini 2 Wireless In-Ear คลิกที่นี่!
4.) JBL Tune 225 TWS True Wireless
หูฟัง True Wireless ที่สวมใส่แบบ Earbud กับรุ่น JBL Tune 225 TWS ออกแบบให้สำหรับคนที่ชอบใส่หูฟังแบบสบายๆ ไม่ต้องยัดเข้ารูหู ใส่สบาย และด้วยรูปทรงดีไซน์ที่มีการออกแบบให้มีพื้นพิ้วที่มันวาว ดูพรีเมียมและไม่เหมือนใคร ตามสไตล์ JBL ตอบโจทย์การใช้งานได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ใส่ได้ทุกโอกาส ใส่ได้ทุกสถานที่ นอกจากนี้ยังสามารถใช้งานในการควบคุมที่ง่ายปรับใช้งานได้ที่ตัวหูฟัง และมีขนาดที่กะทัดรัด น้ำหนักเบาและพกพาง่ายและสะดวก สามารถพกพาไปได้ทุกที่ และการเชื่อมต่อที่ง่ายและสะดวก Bluetooth 5.0 เชื่อมต่อได้อย่างเสถียร แม้ในระยะไกล และสามารถใช้งานในการดูหนัง ฟังเพลงได้สบาย และในส่วนของหูฟังที่ออกแบบมารองรับ Google Fast Pair ที่สะดวกมากยิ่งขึ้น และยังเพิ่มการใช้งานฟังก์ชันได้ทั้ง 2 โหมด ทั้งโหมดคู่ขับเสียง Stereo และโหมดเดียวขับเสียง Mono ได้อีกด้วย สำหรับการใช้งานแบตเตอรี่ที่สามารถใช้งานต่อเรื่องได้ยาวนานถึง 5 ชั่วโมงรวมถึงยังสามารถชาร์จเพิ่มจากเคส ได้อีกรวมใช้งานได้ถึง 25 ชั่วโมงเลยทีเดียว นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับไมโครโฟนสำหรับการใช้งานที่สนทนาพูดคุยได้อย่างคมชัด
สำหรับเสียงปรับจูนให้สามาถฟังได้อย่างสนุกมากขึ้น มีย่านเสียงที่ใส โทนเสียงโปร่งและกว้าง ให้รายละเอียดของเสียงที่ครบถ้วน มีเนื้อเสียงที่พริ้วและคมชัด นอกจากนี้ยังสามารถใช้งานได้ทั้งดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกมได้อย่างสบาย ตอบโจทย์ทั้งเรื่องของรูปทรงดีไซน์ที่มีความสวยงาม การใช้งานได้ทุกวันแล้วยังสามารถใช้งานคุณภาพเสียงได้ดี รวมไปถึงการเชื่อมต่อที่มีความเสถียรสูงและเชื่อมต่อระยะไกลได้อย่างหมดห่วง
- เชื่อมต่อ Bluetooth 5.0
- แบตเตอรี่ต่อเนื่อง 25 ชั่วโมง
- ฟีเจอร์รองรับ Google Fast Pair
- โหมดคู่ขับเสียง Stereo และโหมดเดียวขับเสียง Mono
สั่งซื้อ หูฟังไร้สาย JBL Tune 225 TWS True Wireless คลิกที่นี่!
เริ่มกันที่รุ่นแรกกับ JBL Endurance Peak ที่เป็นรุ่น Top สุดใน Series Endurance เป็นการนำ หูฟังไร้สายปกติจากซีรีส์ Endurance มาทำให้เป็น True Wireless เสริมด้วยฟังก์ชั่นตอบโจทย์การออกกำลังกายแบบ Extreme สุดๆ จนสามารถใส่ไปปีนเขาก็ยังได้ตามชื่อรุ่น Endurance Peak นั่นเอง มาพร้อมราคาสุดล่อตาล่อใจเพียง 4,990 บาทเท่านั้น
จุดเด่นก็คือการเป็นสินค้าที่ตอบโจทย์การออกกำลังกายอย่างเต็มรูปแบบ ไม่ว่าจะการออกแบบรูปร่างให้สวมใส่แบบคล้องไว้กับหลังหู ซึ่งจะช่วยกระชับกับใบหูให้ไม่เคลื่อนหรือหลุดออกมาง่ายๆ ที่ตัวตะขอเกี่ยวหลังหูหรือที่เรียกว่า PowerHook™ มาพร้อมเซนเซอร์ เปิด/ปิด อัตโนมัติเมื่อใส่และถอดออก เสริมด้วยฟังก์ชั่นกันน้ำมาตรฐาน IPX7 ล้างน้ำได้แต่ไม่แนะนำให้ใส่ว่ายน้ำครับ การเชื่อมต่อเป็น Bluetooth 4.2 ควบคุมด้วยระบบสัมผัสเพิ่มลดเสียงได้ที่ตัวหูฟัง ส่วนไมโครโฟนรับเสียงได้คมชัดคุยรู้เรื่องไม่มีปัญหา ใช้งานดู YouTube Netflix ได้สบายๆ แทบไม่มีอาการดีเลย์ และส่วนของแบตเตอรี่ที่อยู่ได้ยาวๆ 4 ชั่วโมงและชาร์จเพิ่มจากเคสได้อีก 24 ชั่วโมงรวมเป็น 28 ชั่วโมงสบายๆ
เรื่องเสียงต้องบอกเลยว่า JBL Endurance Peak ทำได้ค่อนข้างดีทีเดียวครับ โดยเฉพาะย่านเบสที่ให้แรงปะทะค่อนข้างสูง ลูกใหญ่มวลเยอะ ฟังสนุก ส่วนย่านเสียงกลางมีความอิ่มเล็กน้อย ออกแนวโทนอุ่นหวานเล็กน้อย ส่วนเสียงสูงให้รายละเอียดที่ดีมีความขุ่นเล็กน้อย แต่โดยรวมไม่ได้มีผลกับการฟังเพลงมากนัก เวทีเสียงอยู่ในระดับที่พอดี เครื่องดนตรีแต่ละชิ้นมีพื้นที่เป็นของตัวเอง เวลาใส่ฟังเพลงระหว่างออกกำลังกายเราจะไม่รู้สึกอึดอัดจนเกินไป โดยรวมแล้วต้องบอกว่าเจ้า Peak เหมาะสำหรับคนชอบออกกำลังกายที่หลงใหลในเสียงเบสครับ
- เชื่อมต่อ Bluetooth 4.2
- กันน้ำมาตรฐาน IPX7
- เพิ่มลดเสียงได้ที่ตัวหูฟัง
- แบตเตอรี่ต่อเนื่อง 4 ชั่วโมง
สั่งซื้อ JBL Endurance Peak คลิกที่นี่!
ต่อกันที่รุ่นที่ 2 กับ JBL Reflect Flow ที่ถือเป็นสินค้ารุ่น Top ในซีรีส์ JBL Reflect อีกด้วย ถูกออกแบบมาให้ตอบโจทย์การใช้งานแบบครบเครื่อง ทั้งฟังเพลง ดูหนัง รับสายโทรศัพท์ และใส่ออกกำลังกาย กับราคาที่อยู่ในระดับกลางๆ ที่ 5,990 บาทครับ
จุดเด่นของรุ่นนี้คือตอบโจทย์การใช้งานที่ครบเครื่องในตัวเดียว พิเศษด้วยฟังก์ชั่น Ambient Aware ที่จะรับเสียงจากรอบตัวเข้ามาเพื่อความปลอดภัย และ TalkThru ที่จะลดเสียงเพลงลงและรับเสียงพูดเข้ามาเพื่อการสนทนาโดยไม่ต้องถอดออกครับ ตัวหูฟังสวมใส่ได้สบายหูพร้อมด้วยซิลิโคนครอบตัวที่เรียกว่า Freebit™ ที่จะช่วยให้กระชับกับใบหูมากยิ่งขึ้น เชื่อมต่อ Bluetooth 5.0 ใส่ออกกำลังกายได้ด้วยมาตรฐานกันน้ำ IPX7 สนทนาโทรศัพท์ได้อย่างคมชัด ดู YouTube Netflix ได้สบายๆ โดยแทบไม่ดีเลย์ และที่สำคัญคือแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้ต่อเนื่องถึง 10 ชั่วโมงต่อการชาร์จ 1 ครั้ง และชาร์จเพิ่มจากเคสได้อีก 2 ครั้งรวมๆ แล้วแบตเตอรี่อยู่ได้ถึง 30 ชั่วโมงเลยทีเดียว
สำหรับแนวเสียงในรุ่นนี้มาพร้อม JBL Signature Sound หรือก็คือแนวเสียงแบบมหาชนที่ได้รับความนิยมในหลายๆ รุ่นและทาง JBL ก็ได้นำมาปรับจูนเพิ่มเติมให้ได้เสียงที่เพราะและฟังสนุกมากขึ้นนั่นเอง โดยย่านกลางให้เนื้อเสียงโปร่ง กังวาล ใสสะอาด โทนเสียงออกเย็น เสียงร้องชัดถ้อยชัดคำให้รายละเอียดที่ครบครัน ส่วนย่านเสียงสูงทอดไปได้ไกลพอสมควร เนื้อเสียงคมสัมผัสได้ทุกตัวโน๊ต และย่านเบสที่มาแบบเป็นลูกกำลังดีมวลแน่น แรงส่งพอประมาล ปลายเก็บตัวได้ไวไม่ไปทับย่านอื่น
- เชื่อมต่อ Bluetooth 5.0
- กันน้ำมาตรฐาน IPX7
- ฟังก์ชั่น Ambient Aware และ TalkThru
- แบตเตอรี่ต่อเนื่อง 10 ชั่วโมง
สั่งซื้อ JBL Reflect Flow คลิกที่นี่!
สำหรับรุ่นที่ 3 เป็นรุ่นที่น่าจะถูกใจสายออกกำลังกาย และสายแฟชั่นเสื้อผ้าออกกำลังกาย กับการร่วมมือกันของ JBL และแบรนด์เสื้อผ้าออกกำลังกายชื่อดังอย่าง Under Armour ในรุ่น JBL Under Armour True Wireless Flash ที่ออกมาเพื่อตอบโจทย์ผู้ที่มองหา หูฟัง True Wireless ราคาดี สำหรับใส่ออกกำลังกายอย่างเต็มตัว กับราคาที่ 6,990 บาทครับ
จุดเด่นในรุ่นนี้ก็คือการเป็น หูฟัง True Wireless เสียงดี สำหรับใส่ออกกำลังกายที่เน้นในเรื่องฟังก์ชั่นการใช้งาน และแฟชั่นแบบเดียวกับเสื้อผ้าจากแบรนด์ Under Armour มาพร้อมรูปร่างหน้าตาคล้ายๆ กับในรุ่น Reflect Flow จุดแตกต่างที่เห็นได้ชัดคือโลโก้แบรนด์ UA ด้านหน้าตัวหูฟังที่เห็นได้ชัดเจน ตัวเคสชาร์จออกแบบมาให้ไม่ซ้ำใครด้วยรูปทรงกล่องสี่เหลี่ยม Bar เลื่อนเข้าออกแบบลิ้นชัก ใช้วัสดุที่แข็งแรงทนทานอย่างอลูมิเนียม การเชื่อมต่อใช้เป็น Bluetooth 4.2 มาพร้อมฟังก์ชั่น Bionic Hearing หรือก็คืออีกชื่อหนึ่งของ Ambient Aware และ TalkThru นั่นเอง ใส่ออกกำลังกายไม่กลัวพายุฝนด้วย UA STORMPROOF Waterproof Technology กันน้ำจากทุกทิศทางและทุกระดับความเร็ว ไมโครโฟนรับสายสนทนาคุยได้คมชัด ส่วนการดู Netflix และ YouTube มีดีเลย์เล็กน้อยไม่ถือว่าเป็นปัญหา แต่ไม่แนะนำให้เอาไปเล่นเกมครับเพราะ ส่วนแบตเตอรี่อยู่ได้ยาวๆ 5 ชั่วโมง และชาร์จเพิ่มจากเคสได้ 4 ครั้งรวมเป็น 25 ชั่วโมง
สำหรับแนวเสียงใครที่ชอบแนวเสียงของ JBL เป็นทุนเดิมอยู่แล้วบอกเลยว่าไม่ผิดหวังแน่นอนครับ จุดเด่นจะอยู่ที่ย่านเบส มวลแน่นเต็มลูก อิมแพคอยู่ในระดับกลางๆ เหมาะกับการฟังจับจังหวะขณะออกกำลังกาย ส่วนของเสียงกลางทำได้ดี เสียงร้องมีความใส สะอาด มิติจะอยู่ลึกเข้าไปด้านในเล็กน้อย อิมเมจหรือเนื้อเสียงใหญ่พอสมควร มีความโอบล้อมเสียงร้องอยู่พอตัว ส่วนของเสียงแหลมทอดขึ้นได้ไกลมากๆ เสียงชุ่มฉ่ำไม่จัดจ้าน ปลายเสียงมีความมนประสานรวมกับย่านกลางได้เป็นอย่างดี รายละเอียดครบ ไม่แห้งบาดหู และเวทีเสียงมีขนาดกลางๆ ไม่ใหญ่ไม่เล็กจัดวางเครื่องดนตรีได้เป็นระเบียบ แจกแจงตำแหน่งได้ดี ฟังได้สนุกทุกแนวครับ
- เชื่อมต่อ Bluetooth 4.2
- กันน้ำ UA Stormproof IPX7
- ฟังก์ชั่น Bionic Hearing
- แบตเตอรี่ต่อเนื่อง 5 ชั่วโมง
มาถึงรุ่นที่ 4 กับ รุ่น JBL Live 300 ที่ในรุ่นนี้น่าจะถูกใจแทบทุกเพศทุกวัย ด้วยรูปร่างหน้าตาที่ยังคงความเป็น JBL เอาไว้แต่ก็มีความละมุนอยุ่ภายในตัว พร้อมสีสันที่มีให้เลือกถึง 4 สี น่าจะถูกใจทั้งหญิงและชายได้ไม่ยาก พร้อมฟังก์ชั่นที่เหมาะกับการใช้งานทั่วๆ ไป กับราคาที่เป็นมิตรเพียง 4,990 บาทเท่านั้น
JBL Live 300 จุดเด่นคือออกแบบมาให้เหมาะกับทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ด้วยสีสันที่มีทั้งเข้มและหวาน ส่วนของรูปทรงสามารถสวมใส่ได้อย่างสบาย กระชับหู เชื่อมต่อผ่าน Bluetooth 5.0 ควบคุมด้วยระบบสัมผัสสามารถเพิ่ม/ลดเสียงได้ที่ตัวโดยตรง พร้อมด้วยฟังก์ชั่นรับเสียงจากภายนอกทั้ง Ambient Aware และ TalkThru ส่วนของไมค์รับเสียงได้คมชัดคุยโทรศัพท์ริมถนนได้สบายๆ ใช้งานดู YouTube Netflix ไม่มีปัญหาเพราะดีเลย์เพียงเสี้ยววินาที (0.1 วินาที) ก็คือแทบไม่รู้สึกเลยนั่นเอง ส่วนการเล่นเกมก็พอเล่นได้ดีเลย์เพียง 0.3 วินาทีเท่านั้น ส่วนของการออกกำลังกายก็ให้มาแบบกลางๆ กันน้ำกันเหงื่อ IPX5 ตั้งค่าได้เพิ่มเติมได้ผ่าน App JBL My Headphone รวมถึงแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้นาน 6 ชั่วโมง และชาร์จเพิ่มจากเคสได้อีก 14 ชั่วโมงรวมเป็น 20 ชั่วโมงครับ
แนวเสียงต้องบอกว่าทำได้ดีขึ้นกว่ารุ่นก่อนๆ พอสมควร ย่านที่เด่นๆ คือย่านกลางและย่านสูง เสียงกลางเนื้อเสียงมีความโปร่ง รายละเอียดเสียงให้มาแบบครบถ้วน เสียงเครื่องดนตรีต่างๆ และเสียงร้องมีความคมชัด ฟังง่ายชัดเจน ส่วนย่านแหลมสูงก็ทอดออกไปได้ไกล เนื้อเสียงพลิ้ว ไล่ตัวโน๊ตได้ตรง เนื้อเสียงมีความเรียบเนียนฟังสบาย ไม่มีสากเสี้ยนบาดหู ย่านเบสอยู่ในระดับปานกลาง เบสลูกปานกลาง มวลกำลังพอดีๆ แรงส่งพอประมาณ ภาพรวมคือให้เบสที่นุ่มนวล ส่วนเวทีเสียงมีความโปร่ง กว้าง จัดวางเครื่องดนตรีต่างๆ และแยกทิศทางเสียงได้เป็นอย่างดี ไม่มีอาการย่านเสียงทับกันอย่างแน่นอน งานนี้บอกเลยว่าคนที่เป็นสายดนตรีสดจะต้องชอบครับ
- เชื่อมต่อ Bluetooth 5.0
- กันน้ำกันเหงื่อ IPX5
- เพิ่ม/ลดเสียงได้ที่ตัวโดยตรง
- แบตเตอรี่ต่อเนื่อง 6 ชั่วโมง
และรุ่นสุดท้ายที่นำมาเทียบกันในครั้งนี้ก็คือ JBL Tune 220TWS ที่พิเศษกว่ารุ่นอื่นๆ ด้วยการสวมใส่แบบ Earbud หรือก็คือไม่ต้องยัดเข้าไปในหูแบบ In-Ear นั่นเอง มาพร้อมรูปร่างหน้าตาที่ดูเท่ และสีสันให้เลือกหลากหลาย ออกแบบมาให้ใส่สบายๆ ใส่ติดหูได้สบายๆ ตลอดวัน และยังเหมาะกับทุกเพศทุกวัย ในราคาที่เบาที่สุดของทั้ง 5 รุ่นคือ 3,990 บาทเท่านั้นครับ
สำหรับจุดเด่นของรุ่นนี้คือการสวมใส่ที่เป็นแบบ Earbud ไม่ต้องยัดเข้าไปในหูแบบ หูฟัง In-Ear ทำให้เป็นรุ่นที่เหมาะกับผู้ที่มองหาสินค้าที่ใส่สบายหู อยู่ได้ยาวๆ ตลอดวันครับ ส่วนของการเชื่อมต่อเป็น Bluetooth 5.0 ให้สัญญาณที่คมชัด เสถียร ดู YouTube Netflix ดีเลย์เพียงเสี้ยววินาที (0.2 วินาที) แทบไม่รู้สึก แต่หากใช้งานเล่นเกมก็อาจจะมีอาการดีเลย์เล็กน้อยครับ ตัวไมโครโฟนรับเสียงได้คมชัดด้วยรูปทรงแบบแท่งยาวทำให้ไมค์อยู่ใกล้กับปากช่วยให้รับเสียงได้ชัดเจนทุกการสนทนา เน้นใส่ฟังเพลงและใช้งานทั่วๆ ไปในชีวิตประจำวัน ไม่ได้ถูกออกแบบมาให้ใส่ออกกำลังกายเพราะไม่มีฟังก์ชั่นกันน้ำกันเหงื่อครับ และส่วนของแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้ต่อเนื่อง 3 ชั่วโมง ชาร์จเพิ่มจากเคสได้อีก 16 ชั่วโมงรวมเป็น 19 ชั่วโมงครับ
แนวเสียงโดดเด่นด้วย JBL Pure Bass ที่เน้นเบสให้มีความหนักแน่นลงได้ลึก ปิดจุดอ่อนของสินค้าประเภท หูฟัง Earbud ที่มักจะมีเบสที่เบานั่นเอง ซึ่งภาพรวมถือว่าทำได้ดีมากๆ เสียงจะออกโปร่ง ย่านเสียงกลางมีความใสสะอาด โปร่งกว้าง เสียงร้องคมชัดรายระเอียดเสียงครบถ้วน เสียงออกโทนเย็น ย่านแหลมสูงทอดไปได้ไกล เนื้อเสียงเรียบและมีความเรียวพริ้ว ไล่ตัวโน๊ตออกมาได้ตรง เนื้อเสียงคมชัดไม่แห้งและไม่มีสากเสี้ยนที่สากหู ย่านเบสนั้นให้เบสที่มีมิติสมจริง มาพร้อมพลังเบสที่หนักแน่นสะใจคอเบสอย่างแน่นอน แรงอิมแพคปะทะนุ่มหู และส่วนของเวทีเสียงออกไปในทางโปร่งกว้าง จัดวางเครื่องดนตรีได้อย่างเป็นระเบียบ แยกมิติเสียงออกมาอย่างชัดเจนซ้ายขวาไม่มีย่านเสียงทับกัน
- เชื่อมต่อ Bluetooth 5.0
- รูปทรงทันสมัยเหมาะกับทุกเพศทุกวัย
- สวมใส่แบบ Earbud สบายหู
- แบตเตอรี่ต่อเนื่อง 3 ชั่วโมง
สั่งซื้อ Tune 220TWS คลิกที่นี่!
ก็จะเห็นได้ว่าแม้ JBL จะมีสินค้าหลายรุ่นให้เลือกก็ตาม แต่ว่าในแต่ละรุ่นก็มีจุดเด่น และตอบโจทย์การใช้งานที่ไม่ซ้ำกัน ซึ่งทาง Mercular.com ก็หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้ตัดสินใจเลือกซื้อ หูฟังไร้สาย True Wireless คุ้มค่าคุ้มราคา ได้ตรงกับความต้องการมากที่สุดและคุ้มกับงบที่มีมากยิ่งขึ้นครับ สำหรับครั้งนี้ สวัสดีครับ