รวมหูฟังครอบหูดีที่สุด - The Best Over Ear Headphone
20 ธ.ค. 2564
ก่อนจะผ่านพ้นปี 2022 หรือปีที่เรียกได้ว่ามีเหตุการณ์ต่างๆ เกิดขึ้นมากมาย โดยเฉพาะกับสินค้าประเภท หูฟังครอบหู ที่ตลอดปี 2022 มีสินค้าที่เปิดตัวออกมามากมายหลากหลายรุ่นจากหลากหลายแบรนด์ ทั้งแบรนด์ดังและแบรนด์ใหม่ๆ อีกทั้งยังมี หูฟังครอบหู ที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์การใช้งานหลากหลายตามแต่ละประเภทไลฟ์สไตล์ประเภทอีกด้วย และในโอกาสส่งท้ายปี 2022 นี้ทาง Mercular.com จึงขอรวบรวมและจัดอันดับ หูฟังครอบหูดีที่สุด 2022 หรือ Best of Over Ear Headphone 2022 ส่งท้ายปี มา ณ โอกาสนี้ โดยจะมีรุ่นไหนและได้รับอันดับสุดยอดในด้านใดบ้างนั้น เรามาดูกันเลยครับ
สุดยอด หูฟังครอบหู ในบทความนี้
- หูฟัง HyperX Cloud Orbit S Headphone
- หูฟัง JBL Quantum ONE Gaming Headphone
- หูฟัง HyperX Cloud Alpha S Headphone
- หูฟังไร้สาย Sony WH-1000XM4 Wireless Headphone
- หูฟังไร้สาย Adidas RPT-01 Wireless Sport Headphone
- หูฟัง Beyerdynamic MMX300 Headphone
- หูฟังไร้สาย Apple AirPods Max Wireless Headphone
- หูฟังไร้สาย Bose Noise Cancelling Headphones 700
- หูฟัง Bose QuietComfort 45 Wireless Over Ear Headphone
- หูฟัง ABYSS AB-1266 Phi TC Audiophile Reference Headphone
- หูฟัง ZMF Vérité Closed Headphones
- หูฟัง Beyerdynamic DT 770 PRO Headphone
- หูฟังไร้สาย Audio-Technica ATH-ANC500BT Headphone
- หูฟังไร้สาย Sennheiser HD350BT Wireless Headphone
- หูฟังไร้สาย Marshall Monitor II ANC Wireless Headphone
- หูฟังไร้สาย B&O BeoPlay H95 ANC Headphone
1. หูฟัง HyperX Cloud Orbit S Headphone
สเปคเด่น
การเชื่อมต่อ : Bluetooth 5.0, AUX/3.5 mm.
ระบบตัดเสียงรบกวน (ANC) : ไม่มี
มาตรฐานกันน้ำ : ไม่มี
แบตเตอรี่ : ไม่มี
น้ำหนัก : 368 กรัม
หูฟังครอบหูเกมมิ่ง เล่น VR ดีที่สุด
สำหรับหูฟัง HyperX Cloud Orbit S ตัวนี้ก็ถือว่าเป็นตัวท็อปจากแบรนด์ HyperX เลยก็ว่าได้ โดยที่ภายในหูฟังรุ่นนี้จะใช้ไดรเวอร์ Planar Magnetic Driver จาก Audeze ที่ใช้งานกันในองกรณ์ระดับโลกอย่าง NASA มาแล้ว ซึ่งไดรเวอร์ตัวนี้สามารถขับเสียงให้มีมิติที่กว้าง และสมจริง ให้โทนเสียง Flat ที่แม่นยำ พร้อมกับเทคโนโลยี Waves Nx ที่ช่วยปรับมิติของเสียงให้เข้ากับตำแหน่งศีรษะของเราแบบ 3 มิติ ที่เหนือชั้นกว่าระบบ 7.1 ทำให้ทิศทาง บรรยากาศเสียงต่างๆ นั้นดูสมจริงยิ่งขึ้น ทำให้หูฟังตัวนี้นั้นเหมาะกับการเกม FPS และเกม VR ต่างๆ ที่ช่วยเสริมความสมจริงยิ่งกว่าเดิม พร้อมโปรแกรมปรับเสียง 3D ได้ตามต้องการ สำหรับใครที่กำลังมองหาหูฟังดีๆ สำหรับเล่น VR ละก็ ต้อง หูฟัง HyperX Cloud Orbit S Headphone ตัวนี้นี่แหละ
ข้อดี
- คุณภาพเสียงที่ดีเยียม
- มิติเสียงที่สุดยอด
ข้อควรระวัง
- ราคาสูงสำหรับหูฟังมีสาย
2. หูฟัง JBL Quantum ONE Gaming Headphone
สเปคเด่น
การเชื่อมต่อ : Bluetooth 5.0, AUX/3.5 mm.
ระบบตัดเสียงรบกวน (ANC) : ไม่มี
มาตรฐานกันน้ำ : ไม่มี
แบตเตอรี่ : ไม่มี
น้ำหนัก : 369 กรัม
หูฟังครอบหูเกมมิ่ง สำหรับสตรีมเมอร์
หูฟัง JBL Quantum ONE Gaming Headphone ตัวนี้จัดว่าเป็นอีกหนึ่งหูฟังเกมมิ่งที่น่าสนใจสุดๆ โดยที่หูฟังตัวนี้มาพร้อมกับฟีเจอร์ Spatial Sound ระบบเสียงรอบทิศทาง และ QuantumSPHERE 360 ฟีเจอร์ Head Tracking ที่จะมอบมิติเสียงที่สมจริงและแม่นยำยิ่งขึ้น และไมโครโฟน Calibrate ที่ปรับจูนเสียงให้เข้ากับระบบ 7.1 พร้อมทั้งยังสามารถปรับจูนเสียง EQ และไฟ LED บนหูฟังได้ผ่านซอฟแวร์ของหูฟัง ทำให้หูฟังตัวนี้ เป็นอีกหนึ่งตัวท๊อปที่จะช่วยสร้างสีสันให้กับการสตรีมมิ่งของ สร้ามความสนุกง่ายๆ ตามสไตล์ของ JBL
ข้อดี
- หูฟังเสียง Surround จาก JBL มาพร้อม Head Tracking
- การเชื่อมต่อหลากหลายรองรับทุกเกมมิ่งแพลตฟอร์ม
- ฟีเจอร์เสียงรอบทิศทางถือว่าโดดเด่นมากในตลาด
- สเปคแรงกว่า Quantum Series ตัวอื่น ๆ ชัดเจน
- มีไฟ LED RGB สวยงาม
ข้อควรระวัง
- ไม่รองรับการเชื่อมต่อไร้สาย
- ฟังก์ชั่น 7.1 ทำงานบน PC เท่านั้น
3. หูฟัง HyperX Cloud Alpha S Headphone
สเปคเด่น
การเชื่อมต่อ : AUX/3.5 mm.
ระบบตัดเสียงรบกวน (ANC) : ไม่มี
มาตรฐานกันน้ำ : ไม่มี
แบตเตอรี่ : ไม่มี
น้ำหนัก : 310 กรัม
หูฟังเกมมิ่ง 7.1 ที่คุ้มค่าสุดๆ
ในการเล่นเกมนั้น เสียงที่มีความสมจริงมีมิตินั้นสามารถช่วยเสริมประสบการณการเล่นเกมของเราให้สนุกยิ่งขึ้น และ HyperX Cloud Alpha S นั้นก็ดูเหมือนจะตอบโจทย์ในด้านนี้ได้ดีที่สุด ด้วยการรองรับระบบเสียง Virtual Surround 7.1 ที่ช่วยให้บรรยากาศ มิติเสียงที่ได้ยินนั่นสมจริงยิ่งขึ้น ควบคู่ไปกับไดรเวอร์ HyperX Dual Chamber ขนาด 50mm ที่สามารถขับเสียงได้กว้างถึง 13 – 27 kHz ที่ช่วยให้เสียงคุณภาพดีสุดๆ ทั้งเสียงเอฟเฟค แอมเบียนต่างๆ ให้ได้ยินครบถ้วน ตำแหน่งเสียงชัดเจน เสียงแหลมและเสียงเบสก็มาครบ แถมยังมีสวิทซ์ควบคุมที่สามารถปรับระดับเสียงเบสได้ถึง 3 ระดับ และปรับบาลานซ์ของเสียงใน Voice Chat ได้อีกด้วย แถมตัววัสดุหูฟังเองก็มีความทนทาน ด้วยชิ้นส่วนอลูมีเนียมที่แข็งแรง และEarpad ที่เป็น Memory Foam ใส่สบายไม่อึดอัด ทำให้เราได้เพลิดเพลินกับเสียงจากหูฟัง HyperX Cloud Alpha S ตัวนี้ไปยาวๆ และทำให้มันเป็นหูฟังเกมมิ่ง 7.1 ที่คุ้มค่าสุดๆ นั่นเอง
ข้อดี
- คุณภาพเสียงที่ยอดเยี่ยม
- ใส่สบาย ไม่อึดอัด
- ปรับเสียงเบสได้
ข้อควรระวัง
- ไม่มี Software ปรับแต่งเสียง
4. หูฟังไร้สาย Sony WH-1000XM4 Wireless Headphone
สเปคเด่น
การเชื่อมต่อ : Bluetooth 5.0, AUX/3.5 mm.
ระบบตัดเสียงรบกวน (ANC) : มี
มาตรฐานกันน้ำ : ไม่มี
แบตเตอรี่ : 30 ชั่วโมง
น้ำหนัก : 254 กรัม
Best for Overall - หูฟังครอบหู ภาพรวมดีที่สุด
เมื่อพูดถึง หูฟังครอบหู ที่ครบเครื่องทั้งการสวมใส่ที่สบายหูจากวัสดุระดับพรีเมียม การเชื่อมต่อที่ครบถ้วนทั้งไร้สายและมีสาย ฟังก์ชันการตัดเสียงรบกวนที่โดดเด่นจนสินค้าจากหลายๆ รุ่นและหลายๆ แบรนด์ต้องเอาไปใช้เป็นตัวเปรียบเทียบ รวมไปถึงแนวเสียงที่เรียกได้ว่าเป็นมหาชน ใครๆ ได้ฟังก็ต้องบอกเลยว่าเสียงดีแม้จะมีแนวเสียงที่ชอบต่างกัน เชื่อว่าชื่อของ Sony WH-1000XM4 จะต้องขึ้นมาเป็นอันดับแรกอย่างแน่นอน ด้วยรูปร่างหน้าตาการออกแบบที่ดูพรีเมียม เข้ากับทุกไลฟ์สไตล์ วัสดุระดับพรีเมียมแข็งแรงทนทานในขณะที่มีน้ำหนักเบาทำให้สวมใส่ได้เบาสบายหูสุดๆ ที่สำคัญคือระบบตัดเสียงรบกวนที่ปรับได้ถึง 20 ระดับและยังตัดเสียงได้เงียบมากๆ ในขณะเดียวกันก็ไม่ทำให้หูอื้อ
การควบคุมผ่านระบบสัมผัสที่สะดวกมากๆ เพียงปลายนิ้ว ไมโครโฟนที่รับเสียงได้อย่างคมชัดในทุกการสนทนา แบตเตอรี่ที่ใช้งานได้ยาวๆ ถึง 30 ชั่วโมง และปรับตั้งค่าเพิ่มเติมร่วมกับ App Sony Headphone Connect ไปจนถึงฟังก์ชันการใช้งานอีกมากมายที่พูดได้เลยว่าครบครันแบบตัวเดียวจบ ครบทุกความต้องการ การันตีได้จากรางวัลที่ Website ต่างๆ เกี่ยวกับหูฟังและเครื่องเสียงต่างประเคนกันมาให้ในแทบทุกด้าน ทำให้พูดได้ว่า Sony WH-1000XM4 เป็นการต่อยอดความสำเร็จของ หูฟัง Sony ที่แม้จะเป็นรุ่นที่ 4 แต่ก็ยังคงรักษามาตรฐานเอาไว้ได้เป็นอย่างดี
ซึ่งด้วยความยอดเยี่ยมในทุกด้านนี้เองทั้งรูปร่างหน้าตา การสวมใส่ การตัดเสียงรบกวน ไมโครโฟนที่คมชัด แบตเตอรี่ที่อยู่ได้ยาวนาน และแนวเสียงที่เป็นมหาชนนี้เอง ที่ทำให้ Mercular.com ต้องขอยกตำแหน่ง Best Overall, หูฟังครอบหู ภาพรวมดีที่สุด ให้อย่างไม่ต้องสงสัยครับ
ข้อดี
- ตัดเสียงรบกวนระดับท๊อปของวงการ
- เซนเซอร์ เล่น/หยุด เพลงเมื่อถอด
- Speak to Chat หยุดเพลงเมื่อพูดสนทนา
- แบตเตอรี่ใช้งานต่อเนื่อง 30 ชั่วโมง
ข้อควรระวัง
- ไม่รองรับ Codec aptX, aptX HD
- รูปร่างหน้าตาไม่ต่างจากรุ่นที่แล้วมากนัก
5. หูฟังไร้สาย Adidas RPT-01 Wireless Sport Headphone
สเปคเด่น
การเชื่อมต่อ : Bluetooth 5.0
ระบบตัดเสียงรบกวน (ANC) : ไม่มี
มาตรฐานกันน้ำ : IPX4
แบตเตอรี่ : 40 ชั่วโมง
น้ำหนัก : 215 กรัม
Best for Working Out - หูฟังแนบหู ใช้ออกกำลังกายดีที่สุด
ถัดมากับตำแหน่ง หูฟังแนบหู ใช้ออกกำลังกายดีที่สุด ที่พูดได้เลยว่าในปัจจุบันนี้หากจะหาหูฟังออกกำลังกายที่ไม่ใช่ True Wireless หรือ หูฟังไร้สายขนาดเล็ก ก็คงจะหาได้ยากมาก นั่นเป็นเพราะความนิยมของหูฟังออกกำลังกายที่เน้นไปในเรื่องของขนาดที่เล็กลง สามารถสวมใส่ง่ายเน้นความเบาสบาย ที่แม้จะหายากแต่ก็ยังคงมีอยู่ แถมยังมาพร้อมความสามารถและสเปคแบบจัดเต็มไม่ธรรมดา ทั้งการเชื่อมต่อผ่าน Bluetooth 5.0 สวมใส่ง่าย เบาสบายและกระชับแบบ On-Ear ควบคุมง่ายผ่านปุ่มบนตัว และฟังก์ชันที่ตอบโจทย์การออกกำลังกายแบบที่รุ่นอื่นๆ ให้ไม่ได้นั้นคือความสามารถในการกันเหงื่อและละอองน้ำมาตรฐาน IPX4 รวมถึงส่วนของ Earcup ยังสามารถถอดออกมาเพื่อล้างน้ำได้ตลอดเวลาอีกด้วย ทำให้ตัวหูฟังไม่เกิดความอับชื้นจากการค้างคาของเหงื่อหลังจากออกกำลังกาย และตัวหูฟังยังมาพร้อมแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้นานถึง 40 ชั่วโมง ทำให้ไม่ต้องมาคอยกังวลเรื่องชาร์จแบตเตอรี่บ่อยๆ
ข้อดี
- ใส่สบาย น้ำหนักเบามีความยืดหยุ่นสูง
- ไม่กลัวเหงื่อและละอองน้ำ ด้วยมาตรฐาน IPX4
- ชิ้นส่วนถอดออกเพื่อล้างน้ำได้
- แบตเตอรี่ใช้ได้ 2 โดยไม่ต้องชาร์จ
ข้อควรระวัง
- สวมใส่แบบแนบหู ไม่ครอบทั้งหู
- ไม่รองรับการเชื่อมต่อแบบมีสาย
6. หูฟัง Beyerdynamic MMX300 Headphone
สเปคเด่น
การเชื่อมต่อ : AUX/3.5 mm.
ระบบตัดเสียงรบกวน (ANC) : ไม่มี
มาตรฐานกันน้ำ : ไม่มี
แบตเตอรี่ : ไม่มี
น้ำหนัก : 380 กรัม
Best for Gaming - หูฟังครอบหู ใช้เล่นเกมดีที่สุด
สาย Gaming Gear หลายคนอาจจะแปลกใจกับตำแหน่ง หูฟังครอบหู ใช้เล่นเกมดีที่สุด ที่มาจากแบรนด์อย่าง Beyerdynamic ที่ไม่ใช่แบรนด์ Gaming เต็มตัว นั่นเป็นเพราะว่าเกณฑ์การตัดสินของตำแหน่งนี้อยู่ที่ หูฟังสำหรับเล่นเกมที่ไม่เพียงแค่ไมโครโฟนชัดเท่านั้น แต่ยังมาพร้อมแนวเสียงที่โอบล้อม สมจริง ให้รายละเอียดที่ครบถ้วนเท่าที่เกมๆ นั้นต้องการจะสื่อสารออกมา ซึ่งเท่าที่ได้ทดสอบกับหูฟังสำหรับเล่นเกมหลายๆ รุ่นก็ยังคงไม่มีรุ่นใดที่เอาชนะ Beyerdynamic MMX300 ไปได้ขาดลอยเสียที
ส่วนด้านสเปคนั้น Beyerdynamic MMX300 มีวัสดุที่แข็งแรง แน่น ทนทานทุกชิ้นส่วนด้วยแกนโลหะพร้อมกับพลาสติกคุณภาพเยี่ยมกึ่งด้านเป็นส่วนประกอบ ด้านบนตัวหูฟังจะมี Headband ที่คาดหัวเป็นฟองน้ำนุ่ม สามารถถอดเปลี่ยนได้ ความสบายในการใส่นั้นอยู่ในระดับสุดจะใส่กี่ชั่วโมงต่อเนื่องก็ไม่มีการกดทับหรือหนีบหู ด้านซ้ายจะมีไมโครโฟนสามารถที่หมุนขึ้นไปเก็บได้ที่เป็นไมโครโฟนแบบ Condenser ให้เสียงชัดเจน คม ฟังง่าย ตอบโจทย์การเล่นเกม โดยหูฟังตัวนี้ไม่ต้องลงไดร์เวอร์หรือโปรแกรมให้ยุ่งยาก ต่อผ่านสาย AUX/3.5 mm. ใช้งานได้กับทุกอุปกรณ์ไม่ว่าจะ PC, Smartphone, PS4 หรือ Nintendo Switch ก็ต่อได้ทั้งหมด
ข้อดี
- ใส่สบายด้วยวัสดุที่เป็นมิตรกับใบหู
- หูฟังเกมมิ่งแบบ Hi-End วัสดุแข็งแรงทนทาน
- ไมโครโฟนแบบ Condenser เสียงชัดเจน
- สามารถถอดเก็บสายได้ตามต้องการ
ข้อควรระวัง
- ไม่รองรับการเชื่อมต่อแบบไร้สาย
7. หูฟังไร้สาย Apple AirPods Max Wireless Headphone
สเปคเด่น
การเชื่อมต่อ : Bluetooth 5.0, AUX/3.5 mm.
ระบบตัดเสียงรบกวน (ANC) : มี
มาตรฐานกันน้ำ : ไม่มี
แบตเตอรี่ : 20 ชั่วโมง
น้ำหนัก : 386 กรัม
Best for Watching Movie - หูฟังครอบหู ใช้ดูหนังดีที่สุด
แม้จะมีราคาที่สูงพอประมาณ แต่เมื่อเทียบกับสเปคและความสามารถที่ Apple AirPods Max พกพามาด้วยก็ต้องบอกเลยว่าราคานั้นไม่สูงเกินไปอย่างแน่นอน แถมพ่วงด้วยตำแหน่ง หูฟังครอบหู ใช้ดูหนังดีที่สุด ไปอย่างสบายๆ ด้วยจุดเด่นที่เหนือกว่าหูฟังหลายๆ รุ่นในปัจจุบันนี้อย่างการรองรับระบบเสียงรอบทิศทาง Dolby Atmos ร่วมกับเทคโนโลยี Spatial Audio ที่เสียงจะหมุนไปตามการหันของศีรษะ ซึ่งทำให้ประสบการณ์การดูหนังผ่าน Smartphone ที่บ้านนั้นเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง จากระบบเสียง Stereo ธรรมดาก็กลายเป็นเสียงรอบทิศทางแบบเดียวกับประสบการณ์ในโรงภาพยนตร์
พ่วงด้วยฟังก์ชันอื่นๆ อีกอย่างจัดเต็ม ทั้งการใช้งานร่วมกับอุปกรณ์ Apple อย่างลื่นไหลไม่สะดุด แนวเสียงที่ฟังสนุกทุกแนวด้วย EQ แบบปรับอัตโนมัติให้เข้ากับแนวเสียงที่กำลังฟังอยู่มากที่สุด และฟังก์ชันตัดเสียงรบกวนที่ทำได้ยอดเยี่ยมในระดับที่หากรับชมภาพยนตร์หรือฟังเพลงไปด้วย ก็แทบจะไม่ได้ยินเสียงจากรอบข้างเข้ามาเลยแม้แต่น้อย ทำให้พูดได้เลยว่าตำแหน่ง หูฟังครอบหู ใช้ดูหนังดีที่สุด ไม่มีรุ่นไหนเหมาะไปกว่านี้อีกแล้ว
ข้อดี
- Earcup แบบแม่เหล็กถอดเปลี่ยนง่าย
- รองรับเสียงรอบทิศทาง Dolby Atmos
- ใช้งานกับอุปกรณ์ Apple ได้ง่ายดาย
- ตัดเสียงรบกวนได้เงียบสนิท
ข้อควรระวัง
- มีน้ำหนักมากกว่ารุ่นอื่น ใส่นานๆ อาจเมื่อยได้
- แบตเตอรี่ 20 ชั่วโมงถือว่าน้อยมาก
- เคสสำหรับพกพาที่ไม่ช่วยป้องกันรอยขีดข่วนใดๆ
8. หูฟังไร้สาย Bose Noise Cancelling Headphones 700
สเปคเด่น
การเชื่อมต่อ : Bluetooth 5.0, AUX/3.5 mm.
ระบบตัดเสียงรบกวน (ANC) : มี
มาตรฐานกันน้ำ : ไม่มี
แบตเตอรี่ : 20 ชั่วโมง
น้ำหนัก : 250 กรัม
Best for Clearing Microphone - หูฟังครอบหู ใช้สนทนาโทรศัพท์ชัดที่สุด
หากจะพูดถึง หูฟังครอบหู ที่มีไมโครโฟนสำหรับสนทนาโทรศัพท์แบบคมชัดสุดๆ หลายๆ สำนักก็คงจะยกตำแหน่งให้กับ Bose NC 700 รุ่นนี้อย่างไม่ต้องสงสัย และแน่นอนว่า Mercular.com ก็เป็นหนึ่งในนั้นที่ต้องยอมรับเลยว่าหูฟังตัวนี้มีหลายเรื่อง ทั้งการสวมใส่ที่เบาสบายมากๆ การเชื่อมต่อไร้สายที่เสถียร เชื่อมต่อมีสายได้ ตัดเสียงรบกวนได้เงียบตามมาตรฐานของแบรนด์ Bose แต่จุดที่เป็นที่สุดของหูฟังรุ่นนี้คงไม่พ้นเรื่องของไมโครโฟนสำหรับสนทนาโทรศัพท์ กับไมโครโฟนทั้งหมด 4 ตัวแบบ Adaptive Mic System ที่รับทั้งเสียงพูด เสียงบรรยากาศรอบตัว จากนั้นประมวลผลและตัดเสียงแทรกออกไปจนหมด คงเหลือแต่เสียงสนทนาที่มีความคมชัดในทุกการสถานการณ์ไม่ว่าจะเป็นห้องเงียบๆ ห้องที่มีคนเยอะ และแม้แต่ริมถนนที่มีคนและรถยนต์พลุกพล่านก็สามารถตัดเสียงแทรกออกไปทั้งหมด คงเหลือแต่เสียงสนทนาที่มีความคมชัดในทุกการติดต่อ บอกเลยว่าสมกับตำแหน่ง หูฟังครอบหู ใช้สนทนาโทรศัพท์ชัดที่สุด ที่ได้รับอย่างแน่นอน
ข้อดี
- รูปทรงสุดพรีเมียม ล้ำสมัย
- น้ำหนักเบา ใส่สบายได้นานตลอดวัน
- ไมค์ 4 ตัวคุยโทรศัพท์ได้ชัดมากๆ
- มีฟังก์ชันตัดเสียงรบกวนในตัว
ข้อควรระวัง
- แบตเตอรี่ 20 ชั่วโมงถือว่าน้อยมาก
- ไม่รองรับ Codec ไร้สายคุณภาพสูงเช่น aptX
9. หูฟัง Bose QuietComfort 45 Wireless Over Ear Headphone
สเปคเด่น
สเปคเด่น
การเชื่อมต่อ : Bluetooth 5.1, AUX/3.5 mm.
ระบบตัดเสียงรบกวน (ANC) : มี
มาตรฐานกันน้ำ : ไม่มี
แบตเตอรี่ : 24 ชั่วโมง
น้ำหนัก : 238 กรัม
Best for ANC - หูฟังครอบหู ตัดเสียงรบกวนดีที่สุด (ANC)
Best for Comfortable - หูฟังครอบหู ใส่สบายที่สุด
สานต่อความสำเร็จในรุ่น Bose QC35 II ได้อย่างยอดเยี่ยม กับรุ่นที่เรียกได้ว่าขึ้นหิ้ง โดดเด่นทั้งเรื่องการสวมใส่ที่สบายมากๆ และการตัดเสียงรบกวนที่เงียบสนิทจนแทบไม่ได้ยินเสียงแทรกจากภายนอก มาถึงรุ่นใหม่อย่าง Bose QuietComfort 45 ก็พัฒนาไปอีกขั้นแม้จะมีรูปร่างที่คล้ายคลึงกับของเดิม แต่ด้านการสวมใส่ได้มีการเปลี่ยนวัสดุภายในให้ดูเรียบหรูมากขึ้น ในขณะเดียวกันก็ซึมซับแรงกดทับและสวมใส่ได้สบายมากขึ้นอีกด้วย เรียกได้ว่าแม้น้ำหนักจะมากขึ้นและขนาดใหญ่ขึ้น แต่เรื่องความสะดวกสบายก็ทำได้ยอดเยี่ยมมากขึ้นเช่นกัน จนเรียกได้ว่าเป็นที่สุดก็ว่าได้ นั่นจึงทำให้ Mercular.com ยกตำแหน่ง หูฟังครอบหู ใส่สบายที่สุดให้ไปครองนั่นเอง
ส่วนด้านการตัดเสียงรบกวนก็เช่นกันที่เวลาผ่านไป เทคโนโลยีของ Bose ก็พัฒนาไปคู่กันด้วยเช่นกัน ในรุ่น Bose QuietComfort 45 ตัดเสียงได้ยอดเยี่ยม เงียบสนิทกว่า QC35 II ไปมาก จากที่รุ่นที่แล้วทำได้ดีแล้ว ในรุ่นนี้เรียกได้ว่าแทบไม่มีเสียงแทรกเข้ามาแม้แต่น้อย เหลือเพียงแต่โลกส่วนตัวที่เงียบสนิท จะฟังเพลงอะไร แนวไหนก็ได้ยินชัดเจนทุกรายละเอียด ฟังสนุกอยู่ในโลกแห่งเสียงเพลง สมกับตำแหน่ง หูฟังครอบหู ตัดเสียงรบกวนดีที่สุด (ANC)
ข้อดี
- น้ำหนักเบา ใส่สบายหูมากๆ ไม่ร้อนและอึดอัด
- ตัดเสียงรบกวนได้เงียบเป็นผู้นำของวงการ
- เสียงดี นิ่มนวล กลมกล่อม สไตล์ Bose
ข้อควรระวัง
- ใหญ่และหนักกว่ารุ่นที่แล้วเล็กน้อย
- แบตเตอรี่รวมเพียง 25 ชั่วโมงเท่านั้น
10. หูฟัง ABYSS AB-1266 Phi TC Audiophile Reference Headphone
สเปคเด่น
การเชื่อมต่อ : 4 pin balanced XLR
ระบบตัดเสียงรบกวน (ANC) : ไม่มี
มาตรฐานกันน้ำ : ไม่มี
แบตเตอรี่ : ไม่มี
น้ำหนัก : 640 กรัม
Best for Open back - หูฟังครอบหู Open back ดีที่สุด
เอาใจสาย Pro-Audio หรือนักฟังเพลงมืออาชีพกันไปแบบสุดทางกับการยกตำแหน่ง หูฟังครอบหู Open back ดีที่สุด ให้กับ หูฟัง ABYSS AB-1266 Phi TC Audiophile Reference Headphone ที่เชื่อว่าน้อยคนนักที่จะรู้จักหากไม่ใช่สายฟังเพลงมืออาชีพ เพราะด้วยตัวราคาของ ABYSS AB-1266 Phi TC ที่เรียกได้ว่าสูงมากอยู่ที่ราวๆ 150,000 บาท กับสเปคภายในระดับพรีเมียมทั้งส่วนของวัสุส่วนประกอบหูฟังที่ประกอบไปด้วย อะลูมิเนียม, หนังแท้, โพลีเมอร์ ไร้ส่วนประกอบพลาสติกภายใน และยังมั่นใจในมาตรฐานการผลิตด้วยการประกอบและผลิตในประเทศสหรัฐอเมริกา และแนวเสียงที่มีความสมจริงสูงมาก รวมถึงให้เวทีเสียงกว้างและใกล้เคียงความเป็นมากเป็นเบอร์ต้นๆ โดยสามารถแจกแจงเครื่องดนตรีต่างๆ ออกจากกันได้อย่างชัดเจน โดยเสียงร้องจะถูกแยกและโดดเด่นออกมาตรงกลาง
ข้อดี
- วัสดุระดับพรีเมียม หรูหรา แต่ก็ทนทานสูง
- เสียงดีมากที่สุดในวงการหูฟังเปิดข้าง
- ไม่มีส่วนประกอบพลาสติกภายในตัว
- ผลิตภายในประเทศอเมริกา มั่นใจได้เรื่องคุณภาพ
ข้อควรระวัง
- ราคาสูงมาก สำหรับสาย Pro-Audio จริงๆ
- เน้นใช้งานกับ DAC/Amp เพื่อเสียงที่สมบูรณ์แบบ
11. หูฟัง ZMF Vérité Closed Headphone
สเปคเด่น
การเชื่อมต่อ : เลือกได้ระหว่าง Balanced 2.5, 4.4, AUX/3.5, 6.3 mm., 4 pin XLR
ระบบตัดเสียงรบกวน (ANC) : ไม่มี
มาตรฐานกันน้ำ : ไม่มี
แบตเตอรี่ : ไม่มี
น้ำหนัก : 500 กรัม
Best for Closed back - หูฟังครอบหู Closed back ดีที่สุด
ไปสุดทางกับตำแหน่ง Open back แล้ว ส่วนของ Closed back ก็ไม่น้อยหน้าเช่นกัน กับตำแหน่ง หูฟังครอบหู Closed back ดีที่สุด ที่ทาง Mercular.com ขอยกตำแหน่งให้กับ ZMF Vérité Closed Headphone ที่รุ่นนี้พิเศษด้วยการเลือกวัสดุส่วนประกอบได้ตามต้องการ โดยแต่ละชนิดก็ให้แนวเสียงที่แตกต่างกันเล็กน้อย เรียกได้ว่าสร้างคาแรคเตอร์เสียงที่ใกล้เคียงและเหมาะกับที่ตนเองต้องการได้ตามที่ต้องการ และยังสามารถเลือกอัปเกรดที่ต้องเพิ่มเงินได้ตั้งแต่การสั่งซื้อ โดยจุดเด่นที่ได้ก็คือแนวเสียงที่ยอดเยี่ยมสมราคาตำแหน่งที่ได้รับ โดยให้เสียงที่ครบถ้วนทุกย่านและมิติเสียง รวมกับความที่เป็นหูฟังแบบปิดทำให้มิติเสียงที่ได้นั้นไม่มีความผิดเพี้ยนหรือคลาดเคลื่อน อันเป็นผลจากเสียงภายนอกที่อาจจะเล็ดลอดเข้ามา ให้ความรู้สึกแบบเดียวกับการนั่งฟังเสียงระดับ Studio ในห้องปิดนั่นเอง แบบที่พูดได้ว่าถ้ามองหาหูฟังแบบปิดที่ให้เสียงได้ยอดเยี่ยมที่สุด ต้องเป็นรุ่นนี้เลย
ข้อดี
- เลือกส่วนประกอบต่างๆ ของหูฟังได้อย่างอิสระ
- เสียงดีมากที่สุดในวงการหูฟังปิดข้าง
- ไดรเวอร์พิเศษ Vapor Deposed Beryllium
ข้อควรระวัง
- ราคาสูงมาก สำหรับสาย Pro-Audio จริงๆ
- เน้นใช้งานกับ DAC/Amp เพื่อเสียงที่สมบูรณ์แบบ
12. หูฟัง Beyerdynamic DT 770 PRO Headphone
สเปคเด่น
การเชื่อมต่อ : AUX/3.5 mm.
ระบบตัดเสียงรบกวน (ANC) : ไม่มี
มาตรฐานกันน้ำ : ไม่มี
แบตเตอรี่ : ไม่มี
น้ำหนัก : 270 กรัม
Best for Monitor - หูฟังครอบหู Monitor ดีที่สุด
หูฟัง Monitor ที่ทำได้ยอดเยี่ยมนั้นมีหลายรุ่นด้วยกัน แต่รุ่นที่ต้องมอบตำแหน่ง หูฟังครอบหู Monitor ดีที่สุด ให้นั้นตกเป็นของ Beyerdynamic DT 770 PRO ที่โดดเด่นด้วยราคาระดับปานกลาง เลือกระดับ Impedance ได้มากถึง 3 ระดับคือ 32 Ohms, 80 Ohms และ 250 Ohms โดยรุ่นที่ค่าแรงต้านทานหรือ Impedance น้อยก็เหมาะกับการใช้งานที่หลากหลาย ตอบโจทย์ผู้ที่ชอบนำหูฟัง Monitor ไปใช้งานในชีวิตประจำวันหรือผู้ที่ชอบใช้หูฟังแบบที่ขับเสียงเป็นกลางที่สุดไม่ต้องการเสียงที่ผ่านการปรับจูนมานั่นเอง ส่วนด้าน Impedance มากก็เหมาะกับการนำไปใช้งานมืออาชีพมากขึ้นเช่นใช้ในการอัดเสียง ใช้ในงาน Studio หรือ Mixing เป็นต้น นั่นจึงทำให้หูฟัง Beyerdynamic DT 770 PRO รุ่นนี้เป็นหูฟัง Monitor ที่ตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลายมากที่สุด แบบที่ใครๆ ก็ใช้งานได้ ราคาก็เบาสบายไม่หนักกระเป๋าจนเกินไป หากจะมีรุ่นไหนได้ตำแหน่ง หูฟังครอบหู Monitor ดีที่สุด ไปก็คงต้องเป็นรุ่นนี้อย่างไม่ต้องสงสัย
ข้อดี
- รองรับแรงต้านทานเสียงที่หลากหลาย ตั้งแต่ขับเสียงง่าย Smartphone ก็ขับได้ ไปจนถึงรุ่นที่ต้องใช้ DAC/Amp ขับเสียงเพื่อคุณภาพเสียงที่ครบถ้วน
- วัสดุแข็งแรง มีความพรีเมียมสูง แต่ก็ใส่สบายหูมากๆ
ข้อควรระวัง
- แนวเสียงเที่ยงตรงสไตล์ Monitor อาจฟังเพลงไม่สนุก
13. หูฟังไร้สาย Audio-Technica ATH-ANC500BT Headphone
สเปคเด่น
การเชื่อมต่อ : Bluetooth 4.1, AUX/3.5 mm.
ระบบตัดเสียงรบกวน (ANC) : มี
มาตรฐานกันน้ำ : ไม่มี
แบตเตอรี่ : 20 ชั่วโมง
น้ำหนัก : 180 กรัม
หูฟังครอบหู คุ้มสุด ราคาไม่เกิน 3,000
ต่อกันด้วย หูฟังครอบหู Over-Ear ที่โดดเด่นที่สุดในระดับราคาไม่เกิน 3,000 บาทจากแบรนด์ Audio-Technica กับ หูฟังไร้สาย Audio-Technica ATH-ANC500BT Headphone ที่ต้องยกตำแหน่ง คุ้มสุด ราคาไม่เกิน 3,000 ให้ไปแบบไม่ต้องสงสัยด้วยจุดเด่นอย่างแนวเสียงที่เป็นมหาชนหรือใครฟังก็สนุกเข้าถึงได้ง่าย และยังมาพร้อมฟังก์ชันที่หลายๆ คนต้องการอย่างการตัดเสียงรบกวน ANC อีกด้วย โดย Audio-Technica ATH-ANC500BT สวมใส่สบายด้วยน้ำหนักที่เบามากๆ เพียง 180 กรัมเท่านั้น และยังออกแบบมาให้พับเก็บได้ช่วยให้พกพาได้สะดวก โดดเด่นด้วยฟังก์ชันการตัดเสียงรบกวน ที่ทางแบรนด์ใช้ชื่อเรียกเทคโนโลยีนี้ว่า QuietPoint สามารถตัดเสียงรอบตัวได้อย่างเงียบสนิทพูดได้ว่าทำได้ดีไม่แพ้แบรนด์เจ้าตลาดอย่าง Sony แน่นอน ตอบโจทย์การใช้งานไร้สายด้วยแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้ต่อเนื่องยาวนานถึง 20 ชั่วโมง
ข้อดี
- ตัดเสียงรบกวนได้เงียบเกินระดับราคา
- ใส่สบาย พับเก็บได้ พกพาสะดวก
- เชื่อมต่อได้ทั้งไร้สายและมีสาย
ข้อควรระวัง
- Bluetooth เวอร์ชั่นเก่าไปเล็กน้อย
14. หูฟังไร้สาย Sennheiser HD350BT Wireless Headphone
สเปคเด่น
การเชื่อมต่อ : Bluetooth 5.0, AUX/3.5 mm.
ระบบตัดเสียงรบกวน (ANC) : มี
มาตรฐานกันน้ำ : ไม่มี
แบตเตอรี่ : 30 ชั่วโมง
น้ำหนัก : 238 กรัม
หูฟังครอบหู คุ้มสุด ราคาไม่เกิน 5,000
ไม่พูดถึงไม่ได้จริงๆ กับรุ่นนี้ โดยเฉพาะในระดับราคาไม่เกิน 5,000 บาทกับ หูฟังไร้สาย Sennheiser HD350BT Wireless Headphone แบรนด์ที่มีชื่อเสียงมาอย่างยาวนานซึ่งเชื่อว่าหลายๆ คนน่าจะรู้จักกันเป็นอย่างดี และสำหรับตำแหน่ง หูฟังครอบหู คุ้มสุด ราคาไม่เกิน 5,000 ก็คงยกให้รุ่นไหนไปนอกจากรุ่นนี้ไม่ได้จริงๆ เพราะโดดเด่นด้วยแนวเสียงที่ฟังสนุกทั้งแนว Pop ใสๆ สไตล์ทั่วๆ ไป หรือจะฟังเพลง Rock เบสหนักๆ ก็ได้เช่นกัน ทำให้พูดได้ว่าเป็นหูฟังที่ตอบโจทย์การฟังเพลงทุกแนว และยังมาพร้อมฟังก์ชันตัดเสียงรบกวน ที่ตัดได้เงียบสนิทด้วยเทคโนโลยีที่พัฒนามาเป็นพิเศษจาก Sennheiser อีกทั้งยังตอบโจทย์คนที่ชอบฟังเพลงคุณภาพสูงแบบไร้สายด้วยการรองรับ Codec ไร้สายคุณภาพสูงอย่าง aptX อีกด้วย นอกจากนี้ยังมาพร้อมแบตเตอรี่ภายในตัวที่ใช้งานได้นานถึง 30 ชั่วโมงอีกด้วย ชาร์จครั้งเดียวอยู่ได้เกิน 1 วันสบายๆ ครับ
ข้อดี
- ตัดเสียงรบกวนได้เงียบเกินระดับราคา
- เสียงดี ฟังสนุกตามสไตล์แบรนด์ Sennheiser
- รองรับ aptX ฟังเพลงคุณภาพเทียบเท่า CD แบบไร้สาย
ข้อควรระวัง
- ไม่รองรับ Codec ที่สูงกว่า aptX เช่น LDAC
15. หูฟังไร้สาย Marshall Monitor II ANC Wireless Headphone
สเปคเด่น
การเชื่อมต่อ : Bluetooth 5.0, AUX/3.5 mm.
ระบบตัดเสียงรบกวน (ANC) : มี
มาตรฐานกันน้ำ : ไม่มี
แบตเตอรี่ : 30 ชั่วโมง
น้ำหนัก : 320 กรัม
หูฟังครอบหู คุ้มสุด ราคาไม่เกิน 10,000
สำหรับตำแหน่ง หูฟังครอบหู คุ้มสุด ราคาไม่เกิน 10,000 ต้องยกให้ หูฟังไร้สาย Marshall Monitor II ANC Wireless Headphone ที่เป็นส่วนผสมของความครบครันประกอบไปด้วย รูปร่างหน้าตา ฟังก์ชันการใช้งาน และแนวเสียงที่ทำออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม ตอบโจทย์ทั้งแฟน Marshall และผู้ใช้งานทั่วๆ ไป ด้วยการออกแบบที่นอกจากจะยังคงความคลาสสิกที่เป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ Marshall เอาไว้ได้อย่างครบถ้วนแล้ว ยังคำนึงถึงหลักสรีรศาสตร์ทำให้สามารถสวมใส่ได้สบายหูตลอดวันโดยไม่รู้สึกร้อนหูหรืออึดอัด สามารถพับเก็บได้ช่วยให้พกพาสะดวก พร้อมด้วยฟังก์ชันตัดเสียงรบกวน Active Noise Cancelling ที่คิดค้นมาเป็นอย่างดีตัดเสียงรบกวนได้ในทุกสถานการณ์ โดดเด่นด้วยปุ่มควบคุมที่ต้องบอกว่าเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ Marshall ไปแล้วอย่าง Control Knob ที่ทั้งกดและโยกได้ สุดท้ายคือแบตเตอรี่ภายในตัวที่สามารถใช้งานได้ต่อเนื่องยาวนานถึง 30 ชั่วโมงในขณะเปิดการใช้งาน ANC ไปด้วย ทำให้พูดได้ว่าอยู่ได้นานกว่าหลายๆ แบรนด์ในตลาด สมกับตำแหน่งที่ได้รับจริงๆ
ข้อดี
- รูปร่างหน้าตาสุดคลาสสิคสไตล์ Marshall
- ตัดเสียงรบกวนได้อย่างเงียบสนิท
- ควบคุมสะดวกด้วยปุ่มและแท่นโยก Control Knob
- ไดรเวอร์เสียงขนาดใหญ่ 40 มิลลิเมตร
ข้อควรระวัง
- น้ำหนักมากนิดหน่อย ใส่นานๆ อาจจะเมื่อยศีรษะ
16. หูฟัง Bose QuietComfort 45 Wireless Over Ear Headphone
สเปคเด่น
การเชื่อมต่อ : Bluetooth 5.1, AUX/3.5 mm.
ระบบตัดเสียงรบกวน (ANC) : มี
มาตรฐานกันน้ำ : ไม่มี
แบตเตอรี่ : 24 ชั่วโมง
น้ำหนัก : 238 กรัม
หูฟังครอบหู คุ้มสุด ราคาไม่เกิน 15,000
ด้วยความยอดเยี่ยมของ หูฟัง Bose QuietComfort 45 Wireless Over Ear Headphone การันตีด้วย 2 ตำแหน่งเด่นอย่าง Best for ANC - หูฟังครอบหู ตัดเสียงรบกวนดีที่สุด (ANC) และ Best for Comfortable - หูฟังครอบหู ใส่สบายที่สุด ทำให้ตำแหน่ง หูฟังครอบหู คุ้มสุด ราคาไม่เกิน 15,000 ตกเป็นของ Bose QuietComfort 45 ไปอย่างไม่ต้องสงสัยนั่นเองครับ และยิ่งเมื่อเทียบกับสินค้ารุ่นอื่นๆ จากแบรนด์อื่นๆ และแบรนด์อื่นๆ ในราคาใกล้เคียงกันก็ไม่มีรุ่นใดที่สูสี หรือทำได้ครบครันแบบที่ Bose QuietComfort 45 ทำได้เลยแม้แต่รุ่นเดียวครับ
ข้อดี
- น้ำหนักเบา ใส่สบายหูมากๆ ไม่ร้อนและอึดอัด
- ตัดเสียงรบกวนได้เงียบเป็นผู้นำของวงการ
- เสียงดี นิ่มนวล กลมกล่อม สไตล์ Bose
ข้อควรระวัง
- ใหญ่และหนักกว่ารุ่นที่แล้วเล็กน้อย
- แบตเตอรี่รวมเพียง 25 ชั่วโมงเท่านั้น
17. หูฟังไร้สาย B&O BeoPlay H95 ANC Headphone
สเปคเด่น
การเชื่อมต่อ : Bluetooth 5.1, AUX/3.5 mm.
ระบบตัดเสียงรบกวน (ANC) : มี
มาตรฐานกันน้ำ : ไม่มี
แบตเตอรี่ : 38 ชั่วโมง
น้ำหนัก : 323 กรัม
หูฟังครอบหู พรีเมียมที่สุด
และสำหรับผู้ที่กำลังมองหา หูฟังครอบหู ที่มาพร้อมราคาระดับพรีเมียม Hi-End ในขณะเดียวกันก็มาพร้อมฟังก์ชันที่จบครบครันในตัวเดียว แบบไม่ราคาสูงไปเปล่าๆ ก็ต้องรุ่นนี้เลยครับกับ หูฟังไร้สาย B&O BeoPlay H95 ANC Headphone ที่ทาง Mercular.com ขอยกตำแหน่ง หูฟังครอบหู พรีเมียมที่สุด ด้วยการออกแบบมาอย่างพิถีพิถันในขณะเดียวกันก็อัดแน่นมาด้วยสเปคและฟังก์ชันการใช้งานที่ครบครัน ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบโดยดีไซเนอร์ชื่อดังระดับโลก MNML เลือกใช้วัสดุระดับ Hi-End ได้แก่ Aluminium, Titanium, หนังแกะ, หนังวัว, Polymer และผ้า เชื่อมต่อครบครันทั้งมีสาย และไร้สาย รองรับ Codec ไร้สายคุณภาพสูง aptX Adaptive
ที่สำคัญยังรองรับระบบ Google Fast Pair, Made for iPhone (MFi) และ Microsoft Swift Pair อีกด้วย ด้านฟังก์ชันเด่นอย่าง Adaptive Active Noise Cancelling สามารถตัดเสียงได้เงียบสนิท ในทุกสถานที่และทุกสถานการณ์ ส่วนของการสนทนาโทรศัพท์ก็ทำได้ยอดเยี่ยมเช่นเดียวกันด้วยไมโครโฟนสำหรับรับเสียงสนทนาถึง 4 ตัว รวมกับไมค์ตัดเสียงรบกวนแล้วทำให้มีถึง 6 ตัวเลยทีเดียว สำหรับแบตเตอรี่ใช้งานได้ต่อเนื่องยาวนานถึง 38 ชั่วโมงเมื่อเปิดโหมด ANC ใช้เวลาชาร์จจาก 0-100% เพียง 2 ชั่วโมงเท่านั้น จึงไม่ต้องกังวลเรื่องแบตเตอรี่ให้กวนใจ
ข้อดี
- ออกแบบโดยดีไซเนอร์ชื่อดัง MNML
- รองรับ Codec ไร้สาย aptX™ Adaptive
- ไมโครโฟนภายในมากถึง 6 ตัว
- แบตเตอรี่ภายในตัวใช้งานต่อเนื่อง 38 ชั่วโมง
ข้อควรระวัง
- ถ้าเป็น Bluetooth 5.2 จะครบถ้วนยิ่งกว่านี้
18. หูฟังไร้สาย Sony WH-1000XM4 Wireless Headphone
สเปคเด่น
การเชื่อมต่อ : Bluetooth 5.0, AUX/3.5 mm.
ระบบตัดเสียงรบกวน (ANC) : มี
มาตรฐานกันน้ำ : ไม่มี
แบตเตอรี่ : 30 ชั่วโมง
น้ำหนัก : 254 กรัม
Best of Mercular.com
Best Seller - หูฟังครอบหู ขายดีที่สุด
และสำหรับตำแหน่งสุดท้ายอย่าง Best of Mercular.com นั้นก็คงต้องยกให้ หูฟังไร้สาย Sony WH-1000XM4 Wireless Headphone จริงๆ ด้วยความยอดเยี่ยมที่เรียกได้ว่ากลมกล่อมจนได้รับตำแหน่ง Best of Overall ที่แม้ว่าบางด้านอาจจะไม่ใช่ที่สุด แต่ภาพรวมก็สามารถทำได้ยอดเยี่ยมไม่แพ้รุ่นที่เป็นที่สุด แบบที่ถ้าเทียบกับการใช้งานในชีวิตประจำวัน Sony WH-1000XM4 ก็สามารถตอบได้ตรงทุกโจทย์ ทั้งการออกแบบที่ดูเท่ ทันสมัย เข้ากับทุกไลฟ์สไตล์ การสวมใส่ที่สบาย อาจจะไม่ได้สบายที่สุด แต่เบาสบายเป็นอันดับต้นๆ ของวงการอย่างแน่นอน
การตัดเสียงรบกวนที่ปรับระดับได้ถึง 20 ระดับ การเชื่อมต่อที่เสถียร ระยะไกล และยังรองรับการส่งสัญญาณเสียง Hi-Res แบบไร้สายผ่าน Codec LDAC ไมโครโฟนที่รับเสียงได้คมชัดทุกการสนทนา และตัดเสียงแทรกได้ดีทุกสถานการณ์ ควบคุมง่ายดายผ่านระบบสัมผัส แบตเตอรี่ที่อยู่ได้เกิน 1 วันสบายๆ และแน่นอนว่าแนวเสียงที่ทำได้ดีกว่ารุ่นที่แล้ว เสียงกลางใส เสียงแหลมขึ้นสูง เบสกลมกล่อมกระชับ หากไม่ถูกใจก็ปรับ EQ ได้อิสระ เรียกได้ว่าเป็นแนวเสียงมหาชนจริงๆ ซึ่งทางผู้เขียนเองก็ต้องสารภาพว่าชอบมาก และแนะนำให้เพื่อนร่วมงานก็ได้รับกระแสตอบรับที่ดีหรือป้ายยาไปได้หลายคน จนต้องยกตำแหน่ง Best of Mercular.com ไปให้แบบไร้คู่แข่งจริงๆ
และนอกจาก 2 ตำแหน่งข้างต้นแล้วนั้น อีกตำแหน่งที่ หูฟังไร้สาย Sony WH-1000XM4 Wireless Headphone ได้รับไปก็คือ Best Seller - หูฟังครอบหู ขายดีที่สุด ที่ต้องยอมรับว่ากระแสความนิยมของรุ่นนี้ไปไกลเหนือกว่ารุ่นอื่นๆ อย่างมาก ด้วยความสามารถโดยรวมอันครบครันที่กล่าวไปข้างต้นกับราคาที่เบากว่าหลายๆ รุ่น รวมถึงการมาสานต่อรุ่นที่แล้วที่ได้รับความนิยมอย่างถล่มทลายเช่นกันนั่นเอง
ข้อดี
- ตัดเสียงรบกวนระดับท๊อปของวงการ
- เซนเซอร์ เล่น/หยุด เพลงเมื่อถอด
- Speak to Chat หยุดเพลงเมื่อพูดสนทนา
- แบตเตอรี่ใช้งานต่อเนื่อง 30 ชั่วโมง
ข้อควรระวัง
- ไม่รองรับ Codec aptX, aptX HD
- รูปร่างหน้าตาไม่ต่างจากรุ่นที่แล้วมากนัก
เป็นยังไงกันบ้างครับกับเหล่าสุดยอดรวมหูฟังครอบหูดีที่สุด 2022 - Best of Over Ear Headphone 2022 ที่ทาง Mercular.com ได้คัดเลือกมาแนะนำกันในครั้งนี้ แต่ละรุ่นแต่ละตำแหน่งก็ต้องบอกเลยว่าคัดเลือกยากแบบสุดๆ เป็น Best of the Best แบบมั่นใจได้แน่นอน ซึ่งทาง Mercular.com ก็หวังเป็นอย่างยิ่งครับว่าในบรรดา หูฟังครอบหู ทั้งหมดจะมีรุ่นที่อยู่ในใจของผู้อ่านกันบ้างอย่างน้อยที่สุดก็ 1 รุ่น
และหากอ่านแล้วรู้สึกอยากจับจองหูฟังรุ่นไหนหรืออยากเข้าไปอ่านข้อมูลเพิ่มเติมก็สามารถกดเข้าไปตามลิงก์ที่ให้ไว้ในแต่ละรุ่นได้เลยครับ ท้ายนี้ Mercular.com ก็ขอส่งท้ายปี 2021 กันไปก่อน ในปีหน้า 2023 จะมี หูฟังครอบหู รุ่นไหนโดดเด่นและเป็น Best of Over Ear Headphone 2023 บ้างนั้นเรามารอดูกันครับ สำหรับครั้งนี้ สวัสดีครับ