มีงบ 1,000 บาทซื้อหูฟัง True Wireless รุ่นไหนดี?
5 ส.ค. 2563
ในปัจจุบันต้องบอกเลยว่าเรื่องเงินทองเป็นของที่หายากขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นการใช้จ่ายแต่ละอย่างก็ต้องเลือกให้คุ้มค่าและตอบโจทย์ให้มากที่สุดนั่นเองครับ ในขณะเดียวกันกับเทคโนโลยีที่พัฒนาไปเรื่อยๆ ทำให้หลายๆ เทคโนโลยีนั้นมีราคาที่ลดลง ซึ่งข้อดีก็คือผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้นนั่นเอง และในวันนี้ Mercular.com จะพาไปดูกันว่า ในงบ 1,000 บาท หรือแบงค์พัน 1 ใบนั้น จะมี หูฟัง True Wireless รุ่นไหนที่ตอบโจทย์ และคุ้มค่าเหมาะกับคุณมากที่สุด
โดยทั้ง 4 รุ่นที่นำมาเปรียบเทียบกันในครั้งนี้ได้แก่ Auglamour AT200, Eaudio P10 Pro, Tronsmart Onyx Ace สามตัวนี้ราคา 990 บาท และอีกตัว KZ Z1 ที่ราคาเกินพันมาเล็กน้อยแต่ก็ขอนำมาเป็นอีก 1 ตัวเลือกที่ 1,190 บาท โดยแต่ละรุ่นก็มาพร้อมสเปคและความสามารถในระดับที่เกินตัว เกินราคา ที่สำคัญคือในระดับราคาเท่านี้บอกได้เลยว่า 4 รุ่นนี้กินขาดแน่นอน โดยครั้งนี้ทีมงานจะมามาเปรียบเทียบทั้งเรื่องรูปร่างหน้าตา การใช้งานต่างๆ สเปคภายใน และเรื่องเสียงกันแบบจัดเต็ม เพื่อให้เป็นข้อมูลในการช่วยตัดสินใจว่ารุ่นไหนตอบโจทย์มากที่สุดนั่นเอง
อับดับแรก เริ่มกันที่อุปกรณ์ภายในกล่องของทั้ง 4 รุ่นดังนี้ครับ
Auglamour AT200 | Eaudio P10 Pro | Tronsmart Onyx Ace | KZ Z1 |
|
|
|
|
ต่อไปมาดู Spec ภายในต่างๆ ทีละรุ่นกันเลยครับ
Auglamour AT200
เริ่มต้นที่ Auglamour AT200 ตัวนี้มาพร้อมรูปร่างหน้าตาและดีไซน์ที่โดดเด่นกว่ารุ่นอื่นๆ โดยเฉพาะเรื่องสีและลวดลายของตัวหูฟังและเคสชาร์จที่คล้ายกับลายหินอ่อน ทำให้ดูเท่ ไม่ซ้ำกับแบรนด์อื่นๆ งานประกอบมีความแข็งแรงทนทาน ไม่รู้สึกกร๊อบแกร๊บทั้งตัวหูฟังและตัวเคสชาร์จ สวมใส่ง่ายกระชับหูด้วยรูปทรงที่พอดีกับช่องหูและขนาดที่ออกแบบมาได้พอดี เชื่อมต่อเสถียรด้วย Bluetooth 5.0 ควบคุมผ่านระบบสัมผัสและยังเพิ่มลดเสียงได้จากที่ตัวหูฟังอีกด้วย ใส่ออกกำลังกายได้สบายๆ ไม่กลัวน้ำด้วยมาตรฐาน IPX5 รวมถึงส่วนของไดรเวอร์ที่เลือกใช้เป็น Dynamic Driver ขนาด 6 มิลลิเมตร ให้เสียงที่ฟังสนุกครบถ้วนทุกย่านเสียง
Eaudio P10 Pro
รุ่นต่อมาเป็นแบรนด์ไทยที่กำลังมาแรงในขณะนี้ แม้จะมีรูปร่างหน้าตาและดีไซน์ทั่วๆ แต่ส่วนของงานประกอบทั้งหูฟังและเคสชาร์จมีความทนทานแข็งแรงไม่แพ้รุ่นอื่นๆ ที่ตัวเคสชาร์จยังมีหน้าจอแจ้งสถานะแบตเตอรี่เป็นตัวเลขรวมถึงยังสามารถใช้ชาร์จให้ Smartphone เป็นแบตเตอรี่สำรองได้อีกด้วย เรียกว่าจุดนี้เป็นจุดที่ตัวอื่นไม่มี ส่วนของสเปคภายในต้องบอกเลยว่าไม่ธรรมดาจริงๆ ทั้งเชื่อมต่อ Bluetooth 5.0 เสียงแจ้งสถานะมีภาษาไทยให้เลือก ใส่ออกกำลังกายสบายๆ ด้วยมาตรฐานกันน้ำ IPX7 และไดรเวอร์เสียงเลือกใช้เป็น Dynamic Driver ขนาด 6 มิลลิเมตร
Tronsmart Onyx Ace
สำหรับตัวที่ 3 จากแบรนด์ Tronsmart พิเศษกว่ารุ่นอื่นๆ ตรงที่สวมใส่แบบ Earbud หรือไม่ต้องยัดเข้าไปในหู ตอบโจทย์คนที่ไม่ชอบหูฟัง In-Ear นั่นเอง วัสดุและงานประกอบมีความแข็งแรงทนทานสมราคาทั้งตัวหูฟังและตัวเคส ฝาเปิดง่ายปิดสะดวก รูปทรงแบบแท่งยาวสวมใส่ง่าย กระชับพอดีหู การเชื่อมต่อผ่าน Bluetooth 5.0 รองรับ Codec ไร้สายคุณภาพงสูง aptX ควบคุมสะดวกด้วยระบบสัมผัส รองรับการเพิ่มลดเสียงที่ตัวโดยตรง ใส่ออกกำลังกายสบายๆ ด้วยมาตรฐานกันน้ำ IPX5 และไดรเวอร์เสียงขนาดใหญ่ถึง 13 มิลลิเมตร
KZ Z1
สำหรับรุ่นสุดท้ายกับ แบรนด์ KZ ที่หลายๆ คนคุ้นเคย ส่วนของรูปร่างหน้าตาและดีไซน์ยังมาในสไตล์ของแบรนด์ KZ เช่นเคย สวมใส่ง่าย กระชับหู ตัวเคสชาร์จขนาดกำลังดี เชื่อมต่อผ่าน Bluetooth 5.0 มาพร้อมโหมดการเชื่อมต่อแบบพิเศษ High Performance Mode ที่จะลดปัญหาเรื่องการดีเลย์ลงไปได้มาก ควบคุมด้วยระบบสัมผัสแต่ไม่รองรับการเพิ่มลดเสียงที่ตัวหูฟังรวมถึงไม่รองรับการกันน้ำด้วย ภายในมาพร้อมจุดเด่นอย่างไดรเวอร์เสียงแบบใหม่ที่มีชื่อเรียกว่า XUN ที่ถูกออกแบบมาเพื่อ หูฟัง True Wireless ขนาดเล็ก สามารถใช้เนื้อที่ภายในได้แบบเต็มที่ทำให้ตัวไดรเวอร์มีขนาดใหญ่ถึง 10 มิลลิเมตร พร้อมให้เสียงที่ดีเยี่ยมเกินราคาไปมาก
ส่วนของแบตเตอรี่ทั้ง 4 รุ่นก็ต้องบอกเลยว่ามีความแตกต่างกันอย่างชัดเจนดังนี้ครับ ซึ่งรุ่นที่ให้แบตเตอรี่รายครั้งได้มากที่สุดตกเป็นของ Tronsmart Onyx Ace ที่ 5 ชั่วโมงต่อการชาร์จ 1 ครั้ง และน้อยสุดๆเลยคือ KZ Z1 ที่ 2 ชั่วโมง ส่วนเคสชาร์จรุ่นที่ให้แบตเตอรี่มากที่สุดเป็นของ Eaudio P10 Pro ที่ 164 ชั่วโมง และสามารถจ่ายไฟออกไปชาร์จอย่างอื่นได้อีกด้วย
Auglamour AT200 | Eaudio P10 Pro | Tronsmart Onyx Ace | KZ Z1 | |
ใช้งานต่อเนื่อง | 3 ชั่วโมง | 4 ชั่วโมง | 5 ชั่วโมง | 2 ชั่วโมง |
ชาร์จเพิ่มจากเคส | 13 ชั่วโมง | 160 ชั่วโมง | 19 ชั่วโมง | 12 ชั่วโมง |
รวม | 16 ชั่วโมง | 164 ชั่วโมง | 24 ชั่วโมง | 14 ชั่วโมง |
ทั้ง 4 รุ่นมาพร้อมไมโครโฟนในตัวที่สามารถสนทนาได้อย่างคมชัด ภาพรวมเสียงไม่ต่างกันมากเท่าไหร่นัก จุดนี้ถือว่าแต่ละรุ่นนั้นทำได้ดีถ้ามองหาหูฟังสำหรับรับสายสนทนา ทั้ง 4 รุ่นนี้ทำได้ดีไม่ผิดหวังแน่นอน
ส่วนของการใช้งานดูวีดีโอกับเล่นเกม ทั้ง 4 รุ่นมีการดีเลย์ที่น้อยมากๆ หรือแทบจะไม่รู้สึก โดยรุ่นที่ได้เปรียบเลยคือ KZ Z1 ที่มีโหมด High Performance ในตัว ที่เมื่อเปิดใช้โหมดนี้จะลดอาการดีเลย์อย่างเห็นได้ชัดครับ
Auglamour AT200 | Eaudio P10 Pro | Tronsmart Onyx Ace | KZ Z1 (เปิด High Perfomance Mode) | |
YouTube | ไม่ดีเลย์ | ดีเลย์เสี้ยววินาที (0.2 วินาที) | แทบไม่รู้สึกว่าดีเลย์ (0.1 วินาที) | ไม่ดีเลย์ |
Netflix | ไม่ดีเลย์ | ดีเลย์เสี้ยววินาที (0.2 วินาที) | แทบไม่รู้สึกว่าดีเลย์ (0.1 วินาที) | ไม่ดีเลย์ |
เกม (PUBG) | ดีเลย์เล็กน้อย (0.3 วินาที) | ดีเลย์เล็กน้อย (0.5 วินาที) | ดีเลย์เล็กน้อย (0.3 วินาที) | ดีเลย์เล็กน้อย (0.2 วินาที) |
Auglamour AT200 | Eaudio P10 Pro | Tronsmart Onyx Ace | KZ Z1 (เปิด High Perfomance Mode) | |
YouTube | ไม่ดีเลย์ | แทบไม่รู้สึกว่าดีเลย์ (0.1 วินาที) | ไม่ดีเลย์ | ไม่ดีเลย์ |
Netflix | ไม่ดีเลย์ | แทบไม่รู้สึกว่าดีเลย์ (0.1 วินาที) | ไม่ดีเลย์ | ไม่ดีเลย์ |
เกม (PUBG) | ดีเลย์เล็กน้อย (0.2 วินาที) | ดีเลย์เล็กน้อย (0.3 วินาที) | ดีเลย์เล็กน้อย (0.2 วินาที) | ดีเลย์เล็กน้อย (0.1 วินาที) |
ต่อไปมาดูเปรียบเทียบเรื่องเสียงแบบละเอียดกันเลยครับ
Auglamour AT200
นั้นจะเด่นที่เสียงร้อง เสียงร้องนำหน้าเครื่องดนตรีมาเล็กน้อย เนื้อเสียงอิ่ม นุ่ม ฟังแล้วเป็นธรรมชาติ เสียงแหลมออกโปร่ง เก็บรายละเอียดได้หมด มวลเบสมาไม่เยอะมากอยู่ในระดับกลาง เน้นไปย่าน Mid-Bass เวทีเสียงกว้างพอสมควร โปร่ง ฟังสบายมากๆ เสียโดยรวมออกโทนมหาชน ฟังได้ทุกแนวโดยเฉพาะ Pop / Pop-Rock / Hip-Hop / EDM
Eaudio P10 Pro
เสียงออกไปแนวสมจริงภาพรวมเสียงทำได้กำลังดี โทนเสียงออกเย็น เสียงร้องคมชัดฟังง่าย ย่านแหลมทอดไปได้ไกลพอตัวไล่ตัวโน๊ตได้ตรงไม่เบี้ยว เนื้อเสียงมีความกลมเนื้อเต็มไม่มีสากเสี้ยนหรือเสียงแตกบาดหู ย่านเบสลงได้ลึกกำลังดี เบสลูกขนาดปานกลาง แรงส่งพอประมาณปะทะหูไม่แรงมาก เวทีเสียงให้มิติที่มีความสมจริง เสียงร้องเด่นอยู่ตรงกลางพุ่งมาข้างหน้าเล็กน้อย ฟังแล้วรู้สึกเหมือนมาร้องให้ฟังใกล้ๆ แนวเพลงที่เหมาะสมจะมีความใกล้เคียงกับ Auglamour
Tronsmart Onyx Ace
ภาพรวมคือเสียงออกไปในทางโปร่ง กว้าง ตามสไตล์หูฟังแบบ Earbud แต่ที่พิเศษกว่า Earbud รุ่นอื่นๆ คือ นอกจากจะเด่นด้านเสียงโปร่งแล้ว ย่านเบสที่เป็นจุดอ่อนของหูฟังประเภทนี้กลับไม่ใช่ปัญหาของรุ่นนี้แม้แต่น้อย โดยให้เบสที่ลงได้ลึกระดับปานกลาง เนื้อกลมแน่น ปะทะหูนิ่มนวล ในขณะเดียวกันก็ไม่มีอาการเบสทับซ้อนย่านอื่นมากวนใจ โดยรายละเอียดเสียงย่านกลางหนาใหญ่ โทนเสียงออกกว้างกระจายออก เสียงร้องฟังง่ายเนื้อเสียงคม เสียงสูงที่ให้มาไม่ถือว่าเยอะมาก เป็นเสียงสูงที่กระชับ ไม่ได้พุ่งเหมือนสองตัวแรกครับ ถือว่าเป็น Earbuds ที่มีโทนเสียงออกแนวอุ่น
KZ Z1
ด้วยไดรเวอร์ XUN ใหม่ล่าสุด ต้องบอกเลยว่าให้เสียงดีโดดเด่นที่สุดจากใน 4 รุ่นครับ จากแนวเสียงแบบเดิมๆ ในรุ่นนี้เหมือนกับปลดล็อคให้ครบรสมากขึ้น จุดเด่นคือเสียงกลางที่เคลียร์ และเบสที่มาแบบกระแทกหู แบบสะใจแต่นุ่มนวล รายละเอียดเสียงยังอยู่ครบ ไม่มีอาการเสียงแตกหรือพร่า ทางด้านเวทีเสียงมีขนาดปานกลางค่อนไปทางใหญ่ มิติเสียงคือกว้างและออกโปร่ง การจัดวางเครื่องดนตรีทำได้ดี เว้นว่างระหว่างกันได้เป็นอย่างดี อีกจุดเด่นนึงเลยคือเรื่องความดัง ให้ความดังมากกว่าตัวอื่นๆ เกือบเท่าตัว เหมาะกับคนที่ชอบฟังเสียงดังๆ
Auglamour AT200 | Eaudio P10 Pro | Tronsmart Onyx Ace | KZ Z1 | |
เสียงกลาง | 9.1 | 8.8 | 8.9 | 9 |
เสียงสูง | 8.5 | 8.7 | 8.5 | 8.8 |
เสียงเบส | 8.7 | 8.5 | 8.3 | 9.0 |
เวทีเสียง | 8.9 | 8.8 | 8.8 | 8.9 |
สรุป
True Wireless ทั้ง 4 รุ่นที่นำมาเปรียบเทียบกันในครั้งนี้ ต้องบอกเลยว่ามีความสูสีกันมากจริงๆ ซึ่งถ้าดูจากภาพรวม รุ่นที่สเปคครบและโดดเด่นที่สุดก็คงไม่พ้น Tronsmart Onyx Ace เพราะนอกจากจะเป็นหูฟัง Earbud รองรับรองรับ Codec ไร้สาย aptX เพียงรุ่นเดียวแล้ว ส่วนของแบตเตอรี่ใช้งานต่อ 1 ครั้งก็อยู่ได้ยาวที่สุดถึง 5 ชั่วโมง และเมื่อรวมเคสก็อยู่ได้ 1 วันเต็มๆ แถมในเรื่องของไมโครโฟนก็ทำได้ดีมากๆ อีกด้วย
แต่ถ้าหากต้องการรุ่นที่มีแบตอึดมากๆ ชาร์จครั้งเดียวอยู่ได้หลายอาทิตย์ก็ต้อง Eaudio P10 Pro แบรนด์ไทยที่มาแรงมากๆ ด้วยแบตเตอรี่รวมสูงถึง 164 ชั่วโมง และเคสชาร์จที่เป็นทุกอย่างให้เธอแล้วทั้ง Powerbank มีไฟ LED บอกสถานะปริมาณคงเหลืออีกด้วย
แต่ถ้าเน้นสายกลาง ตัวเล็กพกง่ายเสียงดี Auglamour AT200 ก็เป็นอีกรุ่นที่น่าสนใจ และปิดท้ายที่ KZ Z1 แม้จะเกินงบมาหน่อยแต่แลกด้วยเรื่องเสียงที่กินขาดทุกตัวอย่างแน่นอน
ประชัน 4 หูฟัง True Wireless งบ 1,000 บาท
เป็นยังไงกันบ้างครับ หวังว่าการเปรียบเทียบครั้งนี้จะช่วยให้เพื่อนๆ ใช้เงิน 1,000 บาทได้คุ้มค่าและตอบโจทย์ความต้องการได้สูงที่สุด ในสถาณการณ์ปัจจุบันที่ต้องใช้เงินให้ประหยัดและคุ้มค่ามากที่สุด และสำหรับใครที่อยากดูรีวิวเต็มๆ ของแต่ละรุ่นก็สามารถเข้าไปดูได้ตามลิงค์ VDO ที่แทรกเอาไว้ได้ รวมถึงรีวิวเปรียบเทียบกันเต็มๆ ทั้ง 4 รุ่นครับ และในอนาคตหากมีสินค้าใหม่ เทคโนโลยีสุดทันสมัย รวมถึงสินค้ารุ่นไหนที่น่านำมาเปรียบเทียบกันอีก ทีมงานจะรีบนำมาเปรียบเทียบกันอย่างแน่นอนครับ สำหรับครั้งนี้ต้องลาไปก่อน สวัสดีครับ