ที่ชาร์จแบตในรถ ถ้าเสียบคาไว้ตลอดเวลา แม้แต่ตอนดับเครื่อง ที่ชาร์จจะระเบิดไหม
24 มิ.ย. 2564
จริงไหมกับคำถามที่ว่า “ที่ชาร์จแบตในรถ ถ้าเสียบคาไว้ตลอดเวลาจะเป็นอันตราย อาจทำให้ที่ชาร์จระเบิดได้” คำถามยอดฮิตที่หลายคนสงสัยกันมานาน แล้วบางคนถึงกับกลัวการชาร์จแบตในรถยนต์ ฉะนั้นวันนี้เราจึงมีคำตอบมาให้กับทุกคนครับ
ปัจจุบันโทรศัพท์มือถือ หรือ สมาร์ทโฟน มีความสำคัญและเป็นสิ่งจำเป็นในการใช้ชีวิตประจำของใครหลายคน จนกลายเป็นอวัยวะส่วนที่ 33 ของร่างกายเราไปแล้ว ทำให้ขาดไม่ได้ ไม่ว่าจะไปไหน หรือทำอะไร ก็จะต้องพกสมาร์ทโฟนติดตัวไปด้วยทุกครั้ง แน่นอนว่าเมื่อใช้งานสมาร์ทโฟนตลอดเวลา แบตเตอรี่ก็ต้องลดลง ทำให้หลายคนต้องหาแบตสำรองเพื่อมาชาร์จไฟ แต่ถ้าไม่มีล่ะ แล้วถ้าเกิดแบตมือถือหมดตอนที่อยู่บนรถจะทำยังไง มันจึงต้องมีที่ชาร์จแบตในรถติดไว้ เพื่อไว้ใช้ยามฉุกเฉิน แต่ใครจะรู้ว่า ที่ชาร์จแบตในรถ อาจจะทำให้เป็นอันตรายได้
ทำไมที่ชาร์จแบตในรถ ถึงไม่ควรเสียบคาไว้ แม้ว่าจะดับเครื่องรถยนต์
ก่อนอื่นทุกคนต้องเข้าใจกันก่อนว่า เดิมทีช่องที่เราไปเสียบชาร์จแบตมือถือนั้น จะเป็นช่องสำหรับจุดบุหรี่ การใช้งานก็เพียงเพื่อจุดบุหรี่ให้ติดเท่านั้น ปัจจุบันช่องจุดบุหรี่แถบจะไม่ได้ใช้เพื่อการจุดบุหรี่อีกเลย แต่รถยนต์ทุกยี่ห้อก็มักจะต้องมีช่องจุดบุหรี่มาให้ เพื่อไว้ใช้ยามฉุกเฉินที่รถยนต์จะต้องใช้ไฟ จึงถูกเปลี่ยนจากช่องจุดบุหรี่มาเป็นที่ชาร์จแบตในรถไปโดยปริยาย โดยการใช้ Car Charger มาเสียบช่องจุดบุหรี่แทน เพื่อใช้ชาร์จแบตเตอรี่สมาร์ทโฟน, กล้องติดหน้ารถยนต์, ลำโพง, พัดลม หรืออุปกรณ์อื่น ๆ โดยกระแสไฟฟ้าทั้งหมดที่ใช้ชาร์จนั้น จะมาจากแบตเตอรี่ของรถยนต์นั่นเองครับ
แล้วคำถามที่ว่า ทำไมที่ชาร์จแบตในรถ ไม่ควรเสียบคาไว้ในรถ แม้ว่าจะดับเครื่องรถยนต์แล้วก็ตาม ที่ชาร์จจะระเบิดไหม ก็คงต้องตอบว่ามีโอกาสสูงที่จะทำให้ที่ชาร์จระเบิดได้ เนื่องจากเวลาที่จะสตาร์ทรถ จะต้องใช้กำลังไฟจากแบตเตอรี่ของรถค่อนข้างสูง เพื่อเลี้ยงให้อุปกรณ์ต่าง ๆ ในรถยนต์ติดเครื่อง แล้วถ้าเสียบที่ชาร์จแบตในรถคาไว้ กระแสไฟจากแบตเตอรี่รถก็จะวิ่งไปที่ชาร์จที่เสียบคาไว้ด้วย อาจทำให้ Car Charger หรือสายชาร์จระเบิดได้ แต่ถ้าโชคร้ายที่คุณเสียบที่ชาร์จพร้อมกับโทรศัพท์ไว้ด้วยกัน ก็อาจจะทำให้แบตเตอรี่สมาร์ทโฟนของเราระเบิดได้ ฉะนั้นจึงห้ามเสียบที่ชาร์จแบตค้างไว้ในรถ ถ้าใช้งานเสร็จแล้วให้รีบถอดสายชาร์จออกทันที อย่าเสียบไว้นานถ้าไม่จำเป็น
การเสียบที่ชาร์จแบตในรถจะทำให้เป็นอันตรายได้ไหม
สำหรับใครที่มักจะชาร์จแบตในรถยนต์ โดยการเสียบ Car Charger ไปที่ช่องจุดบุหรี่ ก็ต้องบอกว่ามีความเสี่ยงที่จะเกิดอันตรายได้ โดยเฉพาะคนที่ชอบเสียบไว้นาน ๆ เสียบชาร์จแบตไปเล่นมือถือไปด้วย หรือก็เพราะความเคยชินกับการเสียบที่ชาร์จแบตในรถเสียบค้างไว้ หรือเลือกใช้ Car Charger สายชาร์จ ที่ไม่ได้คุณภาพ เวลาใช้งานอาจจะทำให้ฟิวส์ขาด แล้วลุกลามทำให้เกิดไฟฟ้าลัดวรจร จนทำให้ระเบิดหรือรถเกิดไฟไหม้ ตามที่เคยเห็นเป็นข่าวอยู่บ่อยครั้ง ทำให้บางคนถ้าไม่จำเป็นก็จะไม่เลือกที่ชาร์จแบตในรถ แต่จะเลือกชาร์จกับ Power Bank แทน หรือรถยนต์รุ่นใหม่ ๆ ที่เดี๋ยวนี้มักจะมีช่องเสียบ USB มาให้ต่างหาก คุณก็สามารถใช้เสียบชาร์จแบตทางช่อง USB แทนได้ ก็จะปลอดภัยมากกว่า แต่ถ้ารถยนต์รุ่นไหนที่ไม่มีช่อง USB คุณก็ยังใช้ Car Charger เสียบไปที่ช่องจุดบุหรี่ได้เหมือนเดิม เพียงแค่ว่าจะต้องใช้งานให้ถูกต้อง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอันตราย
วิธีใช้ที่ชาร์จแบตในรถที่ถูกต้อง
ก็อย่างที่บอกว่าสมาร์ทโฟนกลายเป็นส่วนหนึ่งของการใช้ชีวิตประจำวันไปแล้ว ต้องใช้งานอยู่ตลอดเวลา และสมาร์ทโฟนเดี๋ยวก็ใช้เป็น 3G 4G หรือ ใช้ทำงาน เล่นอินเทอร์เน็ต ทำให้แบตเตอรี่ค่อนข้างที่จะหมดเร็ว การมี Power Bank จึงเป็นสิ่งที่จำเป็น แต่ถ้าใครที่มีรถยนต์ แล้วไม่ได้พก Power Bank หรือถ้ามีก็ใช้แบตจนหมดเกลี้ยงแล้วจะทำไงดี ก็คงจะหนีไม่พ้นกับที่ชาร์จแบตในรถ อาจจะเสียบชาร์จจากช่อง USB หรือไม่ก็ชาร์จจาก Car Charger ที่เสียบช่องจุดบุหรี่ เราก็มีข้อแนะนำสำหรับการชาร์จแบตในรถอย่างไรให้ปลอดภัยมาฝากกันด้วย ลองมาดูกัน
1. ทุกครั้งที่เสียบที่ชาร์จแบตในรถ ควรสตาร์ทเครื่องก่อน เปิดแอร์หรือรอให้รถขับเคลื่อนที่ออกเล็กน้อย เพื่อให้กระแสไฟฟ้ามีความคงที่เสียก่อน แล้วจึงค่อยชาร์จแบตมือถือ เนื่องจากขณะที่รถกำลังสตาร์ทจะมีกระแสไฟฟ้ากระชากขึ้นลง ซึ่งอาจจะทำให้กระแสไฟฟ้าไหลเข้าสู่มือถือมากจนเกินไป แล้วทำให้แบตเตอรี่มือถือเสื่อมหรือได้รับความเสียหายได้
2. หลังใช้งานชาร์จแบตมือถือเต็ม 100% หรือว่าดับเครื่องยนต์แล้ว ควรจะต้องถอด Car Charger ออกจากช่องจุดบุหรี่ เก็บสายให้เรียบร้อย ไม่ควรนำที่ชาร์จแบตในรถเสียบคาไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้ที่ชาร์จระเบิด หรือเกิดอันตราย
3. เวลาชาร์จแบตมือถือในรถนั้น ไม่ควรที่จะใช้ที่ชาร์จแบตในรถชาร์จพร้อมกันหลายอุปกรณ์ แม้ว่าจะทำได้ก็ตาม เนื่องจากกระแสไฟจากแบตเตอรี่รถยนต์ จะมีกระแสไฟที่ไม่สม่ำเสมอกันเหมือนกับไฟบ้าน ถ้าเราชาร์จมือถือพร้อมกับหลายเครื่อง หรือชาร์จร่วมกับอุปกรณ์อื่น ๆ อาจจะมีโอกาสสูงที่แรงดันในรถไม่สม่ำเสมอกัน แล้วทำให้เกิดไฟกระชากได้ แน่นอนว่าต้องส่งกระทบต่อแบตมือถือเรา
4. เพื่อความปลอดดภัยในการใช้ที่ชาร์จแบตในรถ ควรจะเลือกใช้อุปกรณ์โทรศัพท์ที่เป็นสายของแท้ ที่ตรงกับรุ่นสมาร์ทโฟน หรือไม่ก็เลือกยี่ห้อที่ดีมีคุณภาพ ผ่านการรับรองว่าเป็นสินค้าที่ได้มาตรฐานเท่านั้น
5. ถ้าไม่จำเป็นจริง ๆ ควรหลีกเลี่ยงการชาร์จโดยเสียบกับช่องจุดบุหรี่ ให้เลือกชาร์จกับช่อง USB หรือไม่ก็เลือกชาร์จผ่าน Power Bank ก็น่าจะปลอดภัยกว่า แต่ Power Bank ที่จะนำมาชาร์จกับมือถือนั้น จะต้องไม่เป็น Power Bank ที่มีคุณภาพ และไม่ได้ตากแดด ความร้อน เพราะไม่งั้นก็จะไม่ต่างกับที่ชาร์จแบตในรถ ที่อาจจะทำให้เกิดอันตรายได้
ใช้ที่ชาร์จแบตในรถบ่อย ๆ จะทำให้แบตเตอรี่รถเสื่อมเร็วจริงไหม
หลายคนอาจจะคิดว่าการที่ชาร์จแบตในรถบ่อย ๆ จะทำให้แบตเตอรี่ของรถยนต์เสื่อมเร็ว ฟังแบบนี้แล้วอาจจะรู้สึกว่าไม่คุ้ม จริง ๆ แล้วจะบอกแบบนั้นมันก็ไม่ใช่ทีเดียว แต่จะบอกว่าไม่เป็นความจริงก็คงไม่ถูก คือต้องบอกก่อนว่า แบตเตอรี่รถยนต์อายุการใช้งานทั่วไปจะอยู่ที่ประมาณ 2 ปี หรือถ้ามีการดูแลบำรุงรักษาดี ๆ ก็อายุการใช้งานก็อาจจะใช้ได้นานถึง 5 ปี มันขึ้นอยู่กับการดูแลรักษาของแต่ละคน แต่ถ้ามีการใช้ที่ชาร์จแบตในรถเป็นประจำ ก็อาจจะทำให้อายุการใช้งานลดลงไปเล็กน้อย แต่ก็แทบจะไม่มีผลกระทบเลย แต่ถ้าในกรณีที่ต่อพวงชาร์จพร้อมกันหลายเครื่อง หรืออาจจะเสียบที่ชาร์จแบตในรถค้างไว้ อาจส่งผลให้รถสตาร์ทติดยากขึ้น มีกระแสไฟที่กระชาก เนื่องจากกระแสไฟส่วนหนึ่งต้องถูกแบ่งไปเลี้ยงตัวชาร์จที่เสียบคาไว้ ซึ่งอาจจะก็อาจะเป็นผลพ่วงทำให้แบตเตอรี่รถยนต์เสื่อมเร็วขึ้นได้
อ่านมาถึงตรงนี้ก็น่าจะทำให้เพื่อน ๆ อุ่นใจและมีความมั่นใจมากขึ้น สำหรับการใช้ที่ชาร์จแบตในรถอย่างไร เพื่อให้ปลอดภัยเครื่องไม่ระเบิด เหมือนอย่างที่เห็นข่าวทั่วไป และถ้าใครที่อยากจะหาซื้อที่ชาร์จในรถไว้สำรองยามฉุกเฉิน ก็อย่าลืมเลือกซื้อยี่ห้อที่ได้รับมาตรฐาน มีสัญลักษณ์ มอก. เพื่อความมั่นใจได้ว่าเป็นสินค้าที่ผ่านมาทดสอบมาแล้วจริง ๆ ว่าปลอดภัย และถ้าจะเอาชัวร์เรื่องความปลอดภัยนั้น ขอแนะนำให้เลือกชาร์จกับ Power Bank ก็น่าเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ให้กับทุกคนไม่มากก็น้อย แล้วพบกันใหม่ในบทความหน้าครับ