เพลงแต่ละประเภท เหมาะกับการทำงานแบบไหน ?
17 พ.ค. 2567
เพลง เป็นเอนเตอร์เทนเมนต์อย่างหนึ่งสำหรับมนุษย์เราไปแล้ว ไม่จำกัดคนฟัง ไม่จำกัดอายุ และไม่จำกัดสถานที่ที่ฟัง คนเราจึงสามารถฟังเพลงได้ทุกเพศทุกวัยและทุกที่ ออกมาตอบโจทย์ผู้คนทุกแบบทั้งเพลงร็อคกระแทกใจ เพลงป๊อปฟังง่ายสบาย ๆ เพลงเสียงธรรมชาติเพื่อความสุนทรี ซึ่งเพลงก็มีบทบาทกับหลากหลายอิริยาบถของคนเช่นกัน นั่นรวมถึงการทำงานด้วยนั่นเอง
เสียงเพลงกับการทำงาน
ปฏิเสธไม่ได้เลยครับว่าหนึ่งในที่ที่คนฟังเพลงกันบ่อย ๆ คงเป็นที่ทำงานที่เราต้องอยู่กับที่เป็นเวลานาน ๆ จ้องแต่หน้าจอทั้งวัน เราเลยต้องหาอะไรฟังเพื่อความบันเทิง แต่บางทีการฟังเพลงตอนทำงานก็ทำให้งานไม่เดิน ไอเดียไม่มาได้เช่นกัน นั่นจึงทำให้บางคนชอบนั่งทำงานเงียบ ๆ มากกว่าฟังเพลงนั่นเอง
แต่ก็มีงานวิจัยหลายตัวที่ชี้ว่าการฟังเพลงคลอ ๆ นั้นช่วยทำให้งานเราเดินมากกว่าการนั่งทำงานเงียบ ๆ ทำงานได้ไวขึ้น ไอเดียมา สมาธิเกิด ซึ่งเค้าก็จะแยกประเภทเพลงออกเป็นหลายแบบ ที่เหมาะกับงานหลาย ประเภท และในวันนี้เราจะมาแนะนำกันครับว่าเพลงแบบไหน เหมาะกับการทำงานแบบไหน จะมีอะไรบ้าง ไปดูกันเลยครับ
เสียงธรรมชาติหรือเสียง Ambient Music
ใครไม่ค่อยมีสมาธิกับการทำงาน รำคาญเสียงเมาส์และคีย์บอร์ดรอบ ๆ ตัวล่ะก็ เสียงธรรมชาติจะเหมาะกับคุณมาก ๆ เพราะเพลงแบบนี้เหมาะกับการเพิ่มสมาธิในการทำงาน โดยเสียงธรรมชาติต่าง ๆ นานา หรือเสียงเครื่องดนตรี Acoustic ช่วยทำให้เราสงบมากขึ้น ซึ่งนักวิจัยจาก Rensselaer Polytechnic Institute พบว่าคนเรามีความเชื่อมโยงกับธรรมชาติตั้งแต่เกิดมา การได้เปิดเพลงน้ำตก ฝนตก หรือเสียงทะเลฟังตอนทำงานจะช่วยให้เรารู้สึกผ่อนคลายและมีสมาธิจดจ่อกับสิ่งตรงหน้าได้ดีขึ้น เหมาะมาก ๆ กับงานที่ต้องใช้สมาธิเป็นพิเศษ ยิ่งเปิดกับลำโพงบอกเลยว่าฟีลดีมาก ๆ แต่ต้องเปิดในวัน WFH นะ
ดนตรีคลาสสิกหรือ Classical Music
เหมาะกับงานตัวเลขมาก ๆ เพราะดนตรีคลาสสิกมีทำนองและการบรรเลงที่ไม่หนักหน่วงเท่าไหร่ แถมยังเป็นเพลงที่ไม่มีเนื้อร้อง ซึ่งเพลงที่มีเนื้อร้องจะทำให้เราโฟกัสเนื้อเพลงมากกว่าโฟกัสงาน แถมเพลงแบบนี้ยังสามารถช่วยคลายความเครียดได้เป็นอย่างดี แถมยังทำให้เราสงบไม่ตื่นเต้นไปด้วย ดนตรีคลาสสิกเลยเหมาะอย่างยิ่งกับการทำงานเกี่ยวกับตัวเลขหรืองานที่ใช้สมาธิสูง ละเอียดลออ และยังมีงานวิจัยออกมาอีกว่า การฟังเพลงคลาสสิกจะทำให้เกิดเป็น Mozart Effect ซึ่งคือหลักการที่ว่า ขณะฟังเพลงที่มีคลื่นความถี่สูงจะช่วยพัฒนาความจำได้ดีขึ้น ดนตรีคลาสสิกเลยเหมาะสำหรับการเปิดตอนอ่านหนังสือมาก ๆ
เพลงป็อบหรือ Pop Music
เหมาะกับการทำงานด่วน หรืองานที่ต้องกรอกข้อมูลมาก ๆ เพราะเพลงป็อบมีจังหวะที่ไม่ช้าเกินไปจนห่อเหี่ยว และไม่เร็วเกินไปจนใจไขว้เขว แถมยังมีงานวิจัยรองรับด้วยนะครับว่า เพลงป็อบเนี่ย หากเราเปิดตอนทำงานเอกสาร หรืองานที่ต้องหรอกข้อมูล จะทำให้เราทำงานได้ไวมากกว่าคนที่ไม่ได้ฟังถึง 58% แถมยังมีความผิดพลาดน้อยลง 14% อีกด้วย
เพลงแดนซ์หรือเพลงร็อก Dance or Rock Music
เหมาะกับงานที่ต้องใช้ทักษะการแก้ปัญหา หรืองานที่ต้องใช้ความมั่นใจ เพราะเพลงจะมีจังหวะที่เร็ว หนักหน่วง ช่วยให้เราเกิดความแอ็กทิฟ ช่วยกระตุ้นความคิดความครีเอทีฟ และช่วยเพิ่มความมั่นใจ เหมาะกับงานที่ใช้แรงสมอง ใช้พลังกายมาก และยังเหมาะกับการเตรียมพร้อม เพราะเพลงแบบนี้จะช่วยให้เราฮึกเหิม มั่นใจมากขึ้น มีความกล้าในการทำงาน
Fav song
สุดท้ายเพลงที่เหมาะกับเราที่สุดคือเพลงที่เราคุ้นเคย หรือเพลงที่เราชอบ เพราะเราเคยผ่านมันมาก่อน นั่นทำให้เรารู้ว่าท่อนต่อ ๆ ไปของมันจะเป็นแบบไหน เราเลยไม่ได้โฟกัสกับมันมาก เหมือนเป็นเสียงคลอ ๆ มากกว่า มันทำให้มีสมาธิจดจ่อมากขึ้น แล้วก็เพราะความคุ้นเคย เลยทำให้เรารู้สึกผ่อนคลายมากขึ้นไปด้วย
ข้อควรระวังสำหรับเพลงที่ชอบ
- ไม่ควรลำดับเพลงที่สวิงเกินไป ควรใช้ทำนองใกล้ ๆ กันเพื่อ Mood ที่ต่อเนื่อง
- ไม่ควรเลือกเพลงที่มีผลต่อความรู้สึกเกินไป เพราะเราจะหลุดโฟกัสกับงานแล้วไปนึกถึงอดีตทันที
เป็นยังไงกันบ้างครับกับเพลงแบบนี้ เหมาะกับการทำงานแบบไหนกันนะ? ก็สรุปได้ว่าเสียงธรรมชาติเหมาะกับงานที่ต้องจดจ่อ เพลงคลาสสิกเหมาะสำหรับงานที่ใช้สมาธิสูง ต้องการความละเอียด เพลงป๊อบเหมาะกับการฟังเพลิน ๆ กรอกข้อมูลมาก ๆ เพลงร็อกและแดนซ์เหมาะกับงานที่ต้องใช้ความมั่นใจ และเพลงที่ชอบอาจจะเป็นตัวเลือกที่เหมาะกับทุกงานเลยก็ได้ หวังว่าจะเป็นประโยชน์ให้เพื่อน ๆ นำไปปรับใช้กันได้นะครับ และแนะนำอีกอย่างว่าควรจัดเพลย์ลิสต์เพลงเอาไว้ จำได้ไม่ต้องมาเปลี่ยนหรือเลือกหาบ่อย ๆ นะครับ และสำหรับใครที่อยากได้หูฟังกับลำโพงเสียงดีไว้ฟังเพลงเพราะ ๆ หรือโน๊ตบุ๊คสำหรับทำงานแล้วล่ะก็ สามารถเข้ามาดูเพิ่มเติมได้ที่ Mercular ของเราเลย มีให้เลือกครบครัน จบได้ในที่เดียวแน่นอนครับ
ขอบคุณข้อมูลจาก : missiontothemoon, officemate