วิธีเลือกสเปกโน๊ตบุ๊ค ดูอย่างไรให้ตรงกับการใช้งาน
17 พ.ย. 2566
ในสมัยนี้นั้นก็กล้าบอกได้เต็มปากเลยครับว่า โน๊ตบุ๊ค เป็นสิ่งที่ขาดไปไม่ได้เลยทีเดียว ด้วยการทำงานที่อเนกประสงค์ ตอบรับการใช้งานในปัจจุบันได้ครบจบในตัวเดียว ยิ่งในโน๊ตบุ๊ครุ่นใหม่ ๆ มาพร้อมกับสเปกที่สูง แถมน้ำหนักเบาพร้อมพกติดตัวไปได้ทุกที่ เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์คู่ใจที่ต้องมีติดตัวไว้ไม่ว่าจะเป็นวัยไหนเลยทีเดียว สำหรับใครที่กำลังจะเลือกซื้อโน๊ตบุ๊คสักตัวมาไว้ใช้เรียน ใช้ทำงาน แต่ไม่รู้ว่าควรเริ่มต้นยังไงดี วันนี้พวกเรา Mercular.com เลยจะมาช่วยให้คำแนะนำ วิธีเลือกสเปกโน๊ตบุ๊ค ดูอย่างไรให้ตรงกับการใช้งาน เพื่อให้การเลือกโน๊ตบุ๊คเครื่องใหม่ของคุณนั้นตอบโจทย์การใช้งานได้ครอบคลุมที่สุด จะมีอะไรที่ต้องดูก่อนตัดสินใจซื้อบ้าง ตามพวกเรามาได้เลยครับ
ขนาดหน้าจอ (Display)
สิ่งแรกที่ต้องมาดูกันเลยคือขนาดหน้าจอหรือ Display เพราะเป็นสิ่งที่ส่งผลต่อการใช้งานของเรามากที่สุด ตั้งแต่ความคมชัด ความลื่นไหลของภาพไปจนถึงน้ำหนักและการพกพาของตัวโน๊ตบุ๊ค ซึ่งในปัจจุบันขนาดหน้าจอจะมีทั้งหมด 3 ขนาดหลัก ๆ ได้แก่ 13 นิ้ว ที่ถือว่ามีขนาดเล็กแต่จะมาพร้อมกับน้ำหนักที่เบา, 15 นิ้ว ขนาดมาตรฐาน กำลังพอดีเหมาะกับทุกการใช้งาน และ 17 นิ้ว จอขนาดกว้างที่ส่วนใหญ่มากับสเปกภายในที่แรง ภาพที่สวยเหมาะสำหรับการเล่นเกมหรือทำงานกราฟิกเฉพาะทาง
13 นิ้ว เน้นพกพา
โน๊ตบุ๊คที่มีขนาดหน้าจอ 13 นิ้วมักจะมาคู่กับน้ำหนักที่เบา เหมาะกับการพกพาติดตัวเพราะทั้งเบาและบางแถมไม่กินพื้นที่ในกระเป๋า ส่วนใหญ่น้ำหนักจะไม่เกิน 1.5 กก. ถือติดตัวได้ทั้งวันไม่ต้องกลัวเมื่อยแขนปวดไหล่ ใครที่ต้องเดินทางตลอดเวลาและกำลังหาโน๊ตบุ๊คคู่ใจอยู่ละก็ 13 นิ้วจะโดนใจคุณมากที่สุดครับ
15 นิ้ว เน้นใช้งานทั่วไป
โน๊ตบุ๊คที่มีขนาดหน้าจอกำลังดี เป็นขนาดที่แมสที่สุดมีตัวเลือกให้เลือกหลากหลาย สามารถใช้ได้ทั้งความบันเทิงในชีวิตประจำวัน ทำงานทั่วไป (ตัดต่อนิดหน่อย) รวมถึงเล่นเกม มักมีน้ำหนักกลาง ๆ ประมาณ 1.5 - 2 กก. พกพาได้บ้างแต่ให้ถือทั้งวันก็ไม่สะดวกเท่าโน๊ตบุ๊ค 13 นิ้ว จึงเป็นโน๊ตบุ๊คขนาดมาตรฐานที่เหมาะกับคนทุกประเภท
17 นิ้ว เน้นเล่นเกมและทำงานเฉพาะทาง
โน๊ตบุ๊คที่ขนาดหน้าจอใหญ่เต็มตา 17 นิ้ว ส่วนใหญ่จะมาพร้อมกับสเปกที่เร็วแรง แสดงผลได้ชัดเจน เก็บรายละเอียดได้ครบ เหมาะกับทั้งใช้เล่นเกมภาพสวยและทำงานเฉพาะทางทั้งกราฟิก 3D รวมถึงงานประมวลผลขั้นสูง ซึ่งแปลว่าจะมีน้ำหนักที่หนักสุด ๆ ไม่เหมาะกับการพกพา ควรใช้งานแบบตั้งโต๊ะเป็น Workstation มากกว่าเพื่อการใช้งานแบบเต็มประสิทธิภาพที่สุด
นอกจากขนาดหน้าจอแล้วยังมีเรื่องความคมชัดและอัตรารีเฟรชหน้าจอที่จะส่งผลต่อการใช้งานและราคาที่มากน้อยแตกต่างกันไปด้วย ถ้าคุณเป็นคนที่ใช้งานทั่วไป ดูหนังดูซีรีส์ผ่านสตรีมมิ่งปกติ และทำงานที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับกราฟิก ความคมชัดระดับ Full HD ก็เพียงพอแล้ว ซึ่งสามารถอัปเกรดเป็นจอ 2K หรือ 4K ได้ ขึ้นอยู่กับความชื่นชอบในการใช้งานและงบประมาณที่มี ส่วนคนที่ทำงานด้านกราฟิกเฉพาะทาง ควรใช้ระดับ 2K ขึ้นไป และต้องพิจารณาค่าความเที่ยงตรงของสีเพิ่มเติมด้วย เพื่อลดความผิดเพี้ยนของสีที่อาจเกิดขึ้น
และสำหรับเหล่าเกมเมอร์ที่นำโน๊ตบุ๊คมาใช้เล่นเกมนั้นต้องดูทั้งความคมชัดของภาพและอัตรารีเฟรชหน้าจอ ถ้าคุณเป็นเกมเมอร์สายเกม Competitive ทั้งเกมยิงและ MOBA ความคมชัดระดับ Full HD และอัตรารีเฟรช 144Hz ถือว่าเพียงพอแล้วครับ คมชัดและลื่นไหลพอจะตอบสนองกับเกมทุกแนวทุกประเภท แต่ถ้าคุณเป็นเกมเมอร์สายเกมภาพสวยระดับ AAA ความคมชัดไปได้ถึง 2K หรือ 4K เลยครับ รับภาพสวยแบบเต็มตา ส่วนอัตรารีเฟรชหน้าจอ 120Hz ก็เพียงพอสำหรับเกมประเภทนี้แล้ว
สเปกภายใน (Specification)
สำหรับสเปกภายในของโน๊ตบุ๊คจะมี 3 ส่วนหลัก ๆ ที่เราต้องทำความเข้าใจและให้ความสำคัญ เพื่อที่จะได้เลือกให้ตรงกับการใช้งานของเรามากที่สุด นั่นก็คือ CPU หน่วยประมวลผลกลางที่เปรียบเสมือนกับมันสมองทั้งหมดของโน๊ตบุ๊ค, การ์ดจอ หรือ GPU หน่วยประมวลผลภาพ จะเล่นเกม หรือประมวลผลภาพ 3 มิติต้องพึ่งสิ่งนี้ และ RAM หน่วยความจำหลัก ตัวเครื่องทำงานได้รวดเร็วลื่นไหลแค่ไหนจะวัดกันที่นี่ โดยวิธีการดูสเปกของทั้ง 3 ส่วนก็สามารถทำได้ง่าย ๆ ดังนี้
หน่วยประมวลผลกลาง หรือ CPU
สำหรับ CPU บนโน๊ตบุ๊คนั้นจะมีแบรนด์ให้เลือกอยู่ด้วยกันทั้งหมด 2 แบรนด์ได้แก่ Intel ที่มีซีพียูซีรีส์หลักเป็น Intel Core ที่มีลำดับขั้นความเร็วแรงตามหลังชื่อ ได้แก่ i3 / i5 / i7 และ i9 แรงที่สุด โดยจะมีซีรีส์รองเป็น Intel Pentium ประกอบด้วย Silver และ Gold ส่วนอีกแบรนด์คือ AMD ที่มีซีพียูซีรีส์หลักคือ Ryzen โดยจะมีลำดับขั้นความเร็วแรงต่อท้ายเป็น Ryzen 3 / 5 / 7 และ 9 เหมือนกับ Intel Core
สำหรับวิธีการดูว่า CPU รุ่นไหนเหมาะกับการใช้งานของเรา ให้ดูจากตารางดังนี้เลยครับ
Core i3 / Ryzen 3 | ซีพียูขั้นพื้นฐานแรงขึ้นมากกว่ารุ่น Pentium เหมาะกับการนำมาใช้ทำงานทั่วไปที่ไม่หนักมากอย่างงานเอกสาร หรืองานพิมพ์ และการใช้งานในชีวิตประจำวันอย่างการดูหนังดูซีรีส์ เล่นเน็ต หรือวิดีโอคอล มักพบอยู่ในโน๊ตบุ๊คบางเบาที่เหมาะกับการพกพา |
Core i5 / Ryzen 5 | ซีพียูที่จะพบได้บ่อยที่สุดในโน๊ตบุ๊คทุกขนาด เป็นขั้นมาตรฐานที่สามารถใช้งานได้ครบจบในที่เดียว ทั้งเล่นเกมใหม่ ๆ ที่พึ่งออก และใช้ทำงานต่าง ๆ ทั้งการตัดต่อขั้นพื้นฐานหรือการทำนำเสนอ รวมถึงการใช้รับชมภาพยนต์ที่มีความคมชัดระดับ 4K ก็ทำได้สบาย ๆ |
Core i7 / Ryzen 7 | ซีพียูระดับค่อนไปสูง ที่เหมาะกับการใช้งานเฉพาะทางอย่างการตัดต่อวิดีโอระดับ 2K ถึง 4K รวมไปถึงทำงานกราฟิก 3 มิติที่ต้องการกำลังประมวลผลสูง ๆ บอกเลยว่าระดับ Core i7 / Ryzen 7 นี้ไม่มีหวั่น แต่จะมากับราคาที่ค่อนข้างสูง |
Core i9 / Ryzen 9 | ซีพียูขั้นสูง ที่บอกตรง ๆ ว่าค่อนข้างจะแรงทะลุโลกสำหรับโน๊ตบุ๊คไปหน่อย ในระดับที่จะหางานให้ทำแบบเต็มประสิทธิภาพยังยากเลย เพราะขาใหญ่รายนี้รับจบได้ทุกกรณี ตัดต่อ เรนเดอร์งาน เล่นเกม พี่เขารับได้หมด |
การ์ดจอ หรือ Graphics Card (GPU)
สำหรับวิธีการเลือกการ์ดจอหรือ GPU ในโน๊ตบุ๊คนั้น ที่ต้องทำความเข้าใจก่อนเลยคือการ์ดจอทั้งสองประเภท ได้แก่ การ์ดจอออนบอร์ด (Integrated Graphics) และ การ์ดจอแยก ( Dedicated Graphics) ที่มักจะมีอยู่ในโน๊ตบุ๊ค โดยทั้งคู่แม้จะเป็นการ์ดจอเหมือนกันแต่ก็มีรายละเอียดและการใช้งานที่แตกต่างกันพอสมควร
- การ์ดจอออนบอร์ด คือการ์ดจอที่มาพร้อมกับซีพียู ประหยัดพื้นที่และกินไฟน้อย มักจะพบอยู่ในโน๊ตบุ๊คทำงานซะเป็นส่วนใหญ่ มีประสิทธิภาพไม่เร็วแรงมากนักแต่ก็สามารถใช้งานทั่วไปรวมถึงเล่นเกมได้ในระดับหนึ่ง โดยในสมัยนี้การ์ดจอออนบอร์ดอย่าง Radeon Graphics และ Intel Iris ก็มีความแรงเพิ่มขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก ๆ เมื่อเทียบกับรุ่นเก่าอย่าง Intel UHD Graphics
- การ์ดจอแยก คือ การ์ดจอที่ถูกประกอบเพิ่มเข้าไป มีประสิทธิภาพในการประมวลผลกราฟิกที่สูงกว่าการ์ดจอออนบอร์ดมาก แต่ก็กินไฟมากกว่าและร้อนกว่าเช่นกัน มักจะอยู่ในโน๊ตบุ๊คเล่นเกมหรือโน๊ตบุ๊คทำงานเฉพาะทาง ด้วยประสิทธิภาพที่สูงจึงเหมาะกับการใช้เล่นเกมและประมวลผลกราฟิก 3 มิติ โดยการ์ดจอรุ่นที่นิยมในโน๊ตบุ๊คเช่น RTX 3050 , RTX 3060 , RX 6600M , RX 6700M เป็นต้น ยิ่งตัวเลขตามท้ายสูงขึ้น จะหมายถึงรุ่นที่ใหม่ขึ้นและแรงขึ้นตามไปด้วย
หน่วยความจำหลัก หรือ RAM
ในส่วนของ RAM ของโน๊ตบุ๊คนั้น โดยส่วนใหญ่ของโน๊ตบุ๊คสมัยนี้มักมีขั้นต่ำที่ 8 GB อยู่แล้วซึ่งก็เรียกได้ว่าเพียงพอทั้งสำหรับการเล่นเกมและการทำงานส่วนใหญ่แล้ว ใช้งานได้สบาย ๆ ลื่นไหล แต่ถ้าหากจะนำมาใช้เล่นเกมเป็นหลักควรมีขนาด 16 GB ขึ้นไป เพื่อให้ใช้งานหลาย ๆ อย่างพร้อมกันได้ ไม่ติดขัด รวมถึงสามารถใช้ในการไลฟ์สตรีมมิ่งได้ด้วย ส่วน 32 GB นั้นเหมาะสำหรับเครื่องระดับ High-End ใช้ทำงานหนัก ๆ เฉพาะทาง โดย RAM ในปัจจุบันจะมีด้วยกันสองประเภทคือ DDR4 และ DDR5 ซึ่ง DDR5 จะเป็นรุ่นใหม่กว่า รวดเร็วกว่า DDR4 มาก แต่จะมาในราคาที่สูงกว่าด้วย
นอกจากทั้ง 3 ส่วนที่กล่าวไปยังมีอีกหนึ่งอย่างที่ต้องดูนั่นก็คือพื้นที่ความจุหรือ Storage สำหรับการใช้เก็บข้อมูลหรือไฟล์งาน ไฟล์เกมต่าง ๆ ของเรา โดยโน๊ตบุ๊คส่วนใหญ่จะมาพร้อมกับ SSD ที่เป็นมาตรฐานพื้นที่ความจุใหม่ ซึ่งมีประสิทธิภาพเร็วกว่า HDD หลายเท่าตัว เปิดเครื่องไปยันชัตดาวน์ภายในไม่กี่วินาที มักเริ่มต้นที่ขนาด 512 GB เพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไปเนื่องจากมีระบบ Cloud สำหรับเก็บไฟล์งานแล้ว แต่สำหรับเหล่าเกมเมอร์และสายกราฟิกตัดต่อ จำเป็นต้องมีความจุมากกว่า 1TB ขึ้นไป เนื่องจากไฟล์วิดีโอและไฟล์เกมต่าง ๆ ในสมัยนี้กินพื้นที่มากขึ้น บางเกมกินเป็น 100GB เลยทีเดียว
สรุปแล้วในการเลือกโน๊ตบุ๊คสักเครื่องนั้นต้องคำนึงจากงบประมาณที่เรามีและการใช้งานของเราเป็นหลัก เพื่อที่จะได้ไม่ซื้อโน๊ตบุ๊คที่มีสเปกแรงเกินความจำเป็น โดยสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญเป็นอันดับแรก ๆ เลยคือเจ้า CPU และการ์ดจอเนื่องจากสองสิ่งนี้เป็นส่วนที่ไม่สามารถอัปเกรดได้ ซื้อแล้วซื้อเลยถ้าอยากเปลี่ยนก็ต้องเปลี่ยนเครื่องเท่านั้น ไม่เหมือนกับ RAM และ SSD ที่สามารถอัปเกรดเพิ่มเติมทีหลังได้ และนี่คือทั้งหมดของ วิธีเลือกสเปกโน๊ตบุ๊ค ดูอย่างไรให้ตรงกับการใช้งาน ที่พวกเรา Mercular ได้ทำขึ้นเพื่อเป็น Buying Guide ในการเลือกโน๊ตบุ๊คคู่ใจเครื่องใหม่ของคุณ ให้ใช้งานได้ดี ตรงกับการใช้งานมากที่สุด หากสนใจสามารถเข้ามาเลือกดูโน๊ตบุ๊ครุ่นต่าง ๆ ภายใน Mercular.com ได้เลย เรามีโน๊ตบุ๊คที่หลากหลาย ตอบโจทย์การใช้งานทุกประเภท คัดสรรมาจากแบรนด์คุณภาพ รอให้คุณเป็นเจ้าของอยู่มาพร้อมกับประกันและบริการหลังการขายที่หายห่วงเลยครับ
