เปรียบเทียบ Apple Watch 8 vs SE vs Ultra แตกต่างกันอย่างไร
14 ก.ย. 2565
Apple เปิดตัวนาฬิกาสมาร์ตวอทช์ใหม่ถึง 3 รุ่น ในงาน Apple Event “Far Out” วันที่ 7 ก.ย. 2022 ที่ผ่านมา ได้แก่ Apple Watch Series 8, Apple Watch SE และ Apple Watch Ultraทำเอาสาวกตื่นเต้นและดีใจกันถ้วนหน้า โดยทั้ง 3 รุ่นมาพร้อมฟีเจอร์ใหม่ที่น่าสนใจมากมายและขับเคลื่อนโดยระบบปฏิบัติการใหม่อย่าง watchOS 9 สำหรับประสบการณ์การใช้งานที่เหนือระดับขึ้นไปอีกขั้น เชื่อว่าแฟน Apple หลายคนเฝ้ารอและอยากรู้ว่าสมาร์ตวอทช์ใหม่ทั้ง 3 รุ่น แตกต่างกันอย่างไรบ้าง บทความนี้ Mercular ได้สรุปเปรียบเทียบ Apple Watch 8 vs Apple Watch SE vs Apple Watch Ultra มาให้แล้ว ไปดูกันว่าแต่ละรุ่นเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร
Apple Watch 8 vs Apple Watch SE vs Apple Watch Ultra แตกต่างกันอย่างไร?
สมาร์ตวอทช์ใหม่ทั้ง 3 รุ่นจาก Apple วางตำแหน่งการขายของตัวเองไว้ชัดเจน โดย Apple Watch SE จะเป็นรุ่นเล็กสุดของซีรีส์ ราคาถูกที่สุด ขยับขึ้นมาจะเป็น Apple Watch Series 8 และ Apple Watch Ultra จะเป็นรุ่นสูงสุด มีราคาแพงที่สุด ความแตกต่างหลักๆ มีดังนี้
จอภาพ
สมาร์ตวอทช์ใหม่ทั้ง 3 รุ่นมาพร้อมจอภาพ Retina เหมือนกัน แต่ Apple Watch Series 8 และ Apple Watch Ultra มีเทคโนโลยีจอภาพแบบติดตลอด ช่วยให้ดูข้อมูลสำคัญได้อย่างรวดเร็ว ส่วน Apple Watch SE เป็นจอภาพปกติที่จอจะดับอัตโนมัติและต้องพลิกข้อมือขึ้นเพื่อดู
อีกหนึ่งความแตกต่างคือตัวเลือกขนาดหน้าปัดที่จะมาพร้อมความละเอียดภาพที่แตกต่างกัน โดย Apple Watch SE มีให้เลือก 2 ขนาดคือ 40 กับ 44 มม., Apple Watch Series 8 มีให้เลือก 2 ขนาดเช่นกันคือ 41 กับ 45 มม. ส่วน Apple Watch Ultra มีขนาดเดียวคือ 49 มม. ความละเอียดภาพ 410 x 502 px และเป็นรุ่นเดียวที่มีความสว่างจอภาพสูงสุด 2,000 nits
วัสดุและสี
ตัวเรือนของ Apple Watch SE ทำจากอะลูมิเนียมรีไซเคิล 100% ส่วนฝาหลังได้รับการออกแบบใหม่ในสีที่เข้ากันโดยใช้วัสดุผสมไนลอน พร้อมด้วยกระจกหน้า Ion‑X ขณะที่ Apple Watch Series 8 จะมีวัสดุตัวเรือน 2 แบบระหว่างอะลูมิเนียมรีไซเคิล 100% กับสแตนเลสสตีล โดยรุ่นอะลูมิเนียมจะมาพร้อมกระจกหน้า Ion‑X ส่วนรุ่นสแตนเลสสตีลจะเป็นกระจกแซฟไฟร์ ส่วน Apple Watch Ultra เหนือกว่าใครด้วยตัวเรือนวัสดุไทเทเนียมเกรดเดียวกับที่ใช้ในอุตสาหกรรมอวกาศ แข็แกร่งทนทานที่สุดพร้อมด้วยน้ำหนักที่เบา จับคู่กับกระจกแซฟไฟร์ที่มีคุณสมบัติทนต่อรอยขีดข่วนได้ดี
สำหรับสีของตัวเรือนนาฬิกาในตอนนี้จะมีให้เลือกดังนี้
- Apple Watch SE มีให้เลือก 3 สี มิดไนท์ / สตาร์ไลท์ / เงิน
- Apple Watch Series 8 รุ่นอะลูมิเนียม มีให้เลือก 4 สี มิดไนท์ / สตาร์ไลท์ / เงิน / แดง
- Apple Watch Series 8 รุ่นสแตนเลสสตีล มีให้เลือก 3 สี กราไฟต์ / เงิน / ทอง
- Apple Watch Ultra มีสีเดียวคือ สีไทเทเนียมธรรมชาติ
ฟีเจอร์ด้านสุขภาพ
สมาร์ตวอทช์ทั้ง 3 รุ่นมาพร้อมฟีเจอร์ด้านสุขภาพที่สำคัญอย่างวัดอัตราการเต้นของหัวใจ ตรวจวัดระยะเวลาการนอนหลับ และการติดตามรอบเดือน อย่างไรก็ตาม Apple Watch Series 8 และ Apple Watch Ultra มีฟีเจอร์การตรวจวัดออกซิเจนในเลือด การตรวจจับอุณหภูมิ และการคาดคะเนช่วงไข่ตกจากข้อมูลย้อนหลังเพิ่มเข้ามา
นอกเหนือจากฟีเจอร์ด้านสุขภาพส่วนบุคคลแล้ว Apple Watch ทั้ง 3 รุ่นเรือนยังมีคุณสมบัติด้านความปลอดภัยสุดล้ำอีกหลายอย่าง ได้แก่ การตรวจจับการชน, การตรวจจับการล้ม, SOS ฉุกเฉิน, การโทรฉุกเฉินทั่วโลก (เฉพาะรุ่น Cellular), การตรวจสอบเสียงรบกวน และการติดตามการเดิน แต่ Apple Watch Ultra จะมีฟีเจอร์เสียงไซเรนเพิ่มเข้ามาซึ่ง Apple บอกว่าสามารถได้ยินไกลสูงสุดถึง 600 ฟุต
คุณสมบัติด้านการนำทางและกิจกรรม
Apple Watch ทั้ง 3 รุ่นรองรับสัญญาณ GPS ย่าน L1 ที่เป็นที่ยอมรับและพบได้ทั่วไปไม่ว่าคุณจะมีรุ่นเซลลูลาร์หรือไม่ก็ตาม ขณะที่รุ่น Apple Watch Ultra เพิ่มการรับความถี่ GPS ย่าน L5 เข้ามาทำให้มีการตรวจจับที่ครอบคลุมและแม่นยำยิ่งขึ้น
ด้านคุณสมบัติกันน้ำ Apple Watch SE และ Apple Watch Series 8 กันน้ำได้ลึกสุด 50 เมตร ส่วน Apple Watch Ultra กันน้ำได้ลึกสุดถึง 100 เมตร และยังมาพร้อมคุณสมบัติเฉพาะสำหรับการดำน้ำ เช่น มาตรวัดความลึก เซ็นเซอร์อุณหภูมิน้ำ และรองรับการใช้งานร่วมกับแอปฯ คอมพิวเตอร์ดำน้ำ (โหลดได้ที่ App Store)
ด้านคุณสมบัติด้านเสียง Apple Watch SE และ Apple Watch Series 8 ติดตั้งลำโพงและไมโครโฟนที่ได้รับการอัปเกรดประสิทธิภาพใหม่สำหรับการรับสายพูดคุยโทรศัพท์ที่ดังและชัดเจนยิ่งขึ้น ขณะที่ Apple Watch Ultra มาเหนือกว่าด้วยลำโพงคู่และชุดไมโครโฟน 3 ตัวพร้อมบีมฟอร์มมิ่งช่วยลดเสียงรบกวนจากลมได้สนิทมากขึ้น
แบตเตอรี่
แบตเตอรี่ของ Apple Watch SE และ Apple Watch Series 8 รองรับการใช้งานสูงสุด 18 ชั่วโมงเท่ากัน ต่างกันที่ Series 8 จะรองรับคุณสมบัติการชาร์จเร็วเพิ่มเข้ามา ขณะที่ Apple Watch Ultra ใช้งานได้สูงสุด 36 ชั่วโมง และรองรับคุณสมบัติการชาร์จเร็วด้วย
ตัวเลือกรุ่นย่อยและราคา
Apple Watch SE และ Apple Watch Series 8 จะมีให้เลือกระหว่างรุ่น GPS กับรุ่น GPS + Cellular ราคาเริ่มต้นที่ 9,900 บาท และ 15,900 บาท ตามลำดับ ส่วนพี่ใหญ่ Apple Watch Ultra มีเป็นรุ่น GPS + Cellular เพียงอย่างเดียว ราคาเริ่มต้น 31,900 บาท
Apple Watch SE | Apple Watch Series 8 | Apple Watch Ultra | |
ขนาดหน้าปัด | 40 มม. / 44 มม. | 41 มม. / 45 มม. | 49 มม. |
จอภาพ | จอภาพ Retina ความสว่างสูงสุด 1,000 nits | จอภาพ Retina แบบติดตลอด ความสว่างสูงสุด 1,000 nits | จอภาพ Retina แบบติดตลอด ความสว่างสูงสุด 2,000 nits |
ความละเอียดภาพ | 324 x 394 px (หน้าปัด 40 มม.) 368 x 448 px (หน้าปัด 44 มม.) | 352 x 430 px (หน้าปัด 41 มม.) 396 x 484 px (หน้าปัด 45 มม.) | 410 x 502 px |
ชิปประมวลผล | Apple S8 Dual-core 64 bit | Apple S8 Dual-core 64 bit | Apple S8 Dual-core 64 bit |
ระบบปฏิบัติการ | watchOS 9 | watchOS 9 | watchOS 9 |
คุณสมบัติกันฝุ่น | - | IP6X | IP6X |
คุณสมบัติกันน้ำ | กันน้ำลึก 50 เมตร | กันน้ำลึก 50 เมตร | กันน้ำลึก 100 เมตร |
วัสดุตัวเรือน | อะลูมิเนียม | อะลูมิเนียม / สแตนเลสสตีล | ไทเทเนียม |
ฟีเจอร์ด้านสุขภาพ | - วัดอัตราการเต้นของหัวใจ - ระยะของการนอนหลับ - การติดตามรอบเดือน | - วัดอัตราการเต้นของหัวใจ - ระยะของการนอนหลับ - การติดตามรอบเดือนด้วยการคาดคะเนช่วงไข่ตกจากข้อมูลย้อนหลัง - แอปออกซิเจนในเลือด | - วัดอัตราการเต้นของหัวใจ - ระยะของการนอนหลับ - การติดตามรอบเดือนด้วยการคาดคะเนช่วงไข่ตกจากข้อมูลย้อนหลัง - แอปออกซิเจนในเลือด |
ฟีเจอร์ด้านความปลอดภัย | - SOS ฉุกเฉิน - การโทรฉุกเฉินทั่วโลก - การตรวจจับการล้ม - การตรวจจับการชน - การตรวจสอบเสียงรบกวน - การติดตามการเดิน | - SOS ฉุกเฉิน - การโทรฉุกเฉินทั่วโลก - การตรวจจับการล้ม - การตรวจจับการชน - การตรวจสอบเสียงรบกวน - การติดตามการเดิน | - SOS ฉุกเฉิน - การโทรฉุกเฉินทั่วโลก - การตรวจจับการล้ม - การตรวจจับการชน - การตรวจสอบเสียงรบกวน - การติดตามการเดิน - เสียงไซเรน |
GPS | GPS ย่าน L1 | GPS ย่าน L1 | GPS แบบสองคลื่นความถี่ (L1 และ L5) |
เซนเซอร์ | - เซ็นเซอร์วัดหัวใจแบบออปติคัล รุ่นที่ 2 - เซนเซอร์วัดความสูง - เข็มทิศ - เซนเซอร์วัดแรง G - ไจโรสโคป | - เซ็นเซอร์วัดหัวใจแบบออปติคัล รุ่นที่ 3 - เซนเซอร์วัดความสูง - เข็มทิศ - เซนเซอร์วัดแรง G - ไจโรสโคป - เซ็นเซอร์ออกซิเจนในเลือด - เซ็นเซอร์วัดหัวใจแบบไฟฟ้า - เซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิ | - เซ็นเซอร์วัดหัวใจแบบออปติคัล รุ่นที่ 3 - เซนเซอร์วัดความสูง - เข็มทิศ - เซนเซอร์วัดแรง G - ไจโรสโคป - เซ็นเซอร์ออกซิเจนในเลือด - เซ็นเซอร์วัดหัวใจแบบไฟฟ้า - เซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิ - เซ็นเซอร์วัดความลึกใต้น้ำ - เซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิน้ำ
|
คุณสมบัติด้านเสียง | ลำโพง + ไมโครโฟน | ลำโพง + ไมโครโฟน | ลำโพงคู่ + ไมโครโฟน 3 ตัว พร้อมบีมฟอร์มมิ่ง |
การเชื่อมต่อไร้สาย | - Bluetooth 5.0 - Wi-Fi 2.4GHz - LTE (เฉพาะรุ่น Cellular) | - Bluetooth 5.0 - Wi-Fi 2.4GHz / 5GHz - LTE (เฉพาะรุ่น Cellular) | - Bluetooth 5.3 - Wi-Fi 2.4GHz / 5GHz - LTE |
พื้นที่เก็บข้อมูล | 32GB | 32GB | 32GB |
อายุแบตเตอรี่ | สูงสุด 18 ชั่วโมง | สูงสุด 18 ชั่วโมง | สูงสุด 36 ชั่วโมง |
สีตัวเรือน | มิดไนท์ / สตาร์ไลท์ / เงิน | - รุ่นอะลูมิเนียม: มิดไนท์ / สตาร์ไลท์ / เงิน / แดง - รุ่นสแตนเลสสตีล: กราไฟต์ / เงิน / ทอง | ไทเทเนียมธรรมชาติ |
ขนาด | - 40 x 34 x 10.7 มม. (หน้าปัด 40 มม.) - 44 x 38 x 10.7 มม. (หน้าปัด 44 มม.) | - 41 x 35 x 10.7 มม. (หน้าปัด 41 มม.) - 45 x 38 x 10.7 มม. (หน้าปัด 45 มม.) | 49 x 44 x 14.4 มม. |
น้ำหนัก | หน้าปัด 40 มม. - 26.4 กรัม (รุ่น GPS) - 27.8 กรัม (รุ่น GPS + Cellular) หน้าปัด 44 มม. - 32.9 กรัม (รุ่น GPS) - 33.0 กรัม (รุ่น GPS + Cellular) | หน้าปัด 41 มม. - 32.0 กรัม (อะลูมิเนียม, รุ่น GPS, รุ่น GPS + Cellular) - 42.3 กรัม (สแตนเลสสตีล) หน้าปัด 45 มม. - 38.8 กรัม (อะลูมิเนียม, รุ่น GPS, รุ่น GPS + Cellular) - 51.5 กรัม (สแตนเลสสตีล) | 61.3 กรัม |
ราคา | - รุ่น GPS: เริ่มต้น ฿9,900 - รุ่น GPS + Cellular: เริ่มต้น ฿11,900 | - รุ่น GPS: เริ่มต้น ฿15,900 - รุ่น GPS + Cellular: เริ่มต้น ฿19,900 | เริ่มต้น ฿31,900 |
ทั้งหมดนี้คือความแตกต่างระหว่าง Apple Watch 8 vs Apple Watch SE vs Apple Watch Ultra เห็นได้ชัดว่าทั้ง 3 รุ่นมาพร้อมฟีเจอร์และเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่น่าสนใจมากมาย กับราคาและรุ่นย่อยที่ครอบคลุมกลุ่มผู้ใช้ตั้งแต่ระดับเริ่มต้นถึงกลุ่มผู้ใช้ระดับโปร หวังว่าบทความนี้น่าจะทำให้ผู้ที่สนใจถอย Apple Watch เรือนใหม่ตัดสินใจได้ง่ายขึ้นว่าตัวเองเหมาะกับรุ่นไหนนะครับ โดย Apple Watch ใหม่ทั้ง 3 รุ่นจะวางจำหน่ายในประเทศไทยเร็วๆ นี้ สาวกที่รออยู่เตรียมต้อนรับได้เลยครับ
สุดท้ายนี้ Mercular ต้องขอตัวลาไปก่อน ติดตามบทความดีๆ แบบนี้ได้ที่เว็บไซต์ขอเรา สำหรับวันนี้ สวัสดีครับ
*รูปภาพทั้งหมดจาก: www.apple.com/th/newsroom