เทียบลำโพง Devialet Phantom ทุกรุ่น แตกต่างกันอย่างไร?

Devialet Phantom เป็นซีรีส์ลำโพงที่สร้างปรากฏการณ์ให้กับวงการเครื่องเสียงบ้านในปัจจุบันและกำลังถูกพูดถึงเป็นอย่างมาก ด้วยรูปร่างหน้าตาอันเป็นเอกลักษณ์คล้ายกับไข่ที่มีความหรูหราและสวยงาม ประดิษฐ์ขึ้นอย่างประณีตพิถีพิถันในฝรั่งเศส พร้อมด้วยนวัตกรรมการออกแบบและคุณภาพเสียงอันไร้ที่ติ ลำโพงซีรีส์นี้จึงไปที่หมายปองของนักฟังกระเป๋าหนักที่ชื่นชอบทั้งเสียงและงานดีไซน์ จัดเป็นที่สุดยอดลำโพงแห่งยุคอีกรุ่นหนี่งก็ว่าได้

ลำโพง Devialet Phantom นั้นมีออกมาด้วยกันหลายรุ่นแถมหน้าตาก็เหมือนกัน ทำให้หลายท่านเกิดความสงสัยหรือยังไม่รู้ว่าลำโพงในซีรีส์นี้มีรุ่นอะไรบ้าง แต่ละรุ่นแตกต่างกันอย่างไร บทความนี้ Mercular ขอเชิญชวนทุกท่านมาทำความรู้จักลำโพง Devialet Phantom กันให้มากขึ้น มาดูกันว่าลำโพงหรูเหล่านี้แตกต่างกันอย่างไร และควรเลือกตัวไหนไปใช้งานดี ถ้าพร้อมแล้วไปดูกันเลยครับ 

ลำโพง Devialet Phantom ในปัจจุบันมีด้วยกันทั้งหมด 2 โมเดล ได้แก่ Phantom I เป็นพี่ใหญ่ของซีรีส์และน้องเล็ก Phantom II ทั้งสองโมเดลมีรูปร่างหน้าตาภายนอกแทบจะเหมือนกัน ต่างกันที่ขนาดตัวและสเปคภายใน นอกจากนี้ยังมีเวอร์ชันพิเศษอีก คือ Phantom Opéra de Paris ซึ่งเป็นเวอร์ชันที่ได้รับการตกแต่งเพิ่มความหรูหรามากขึ้นนั่นเอง

Devialet Phantom I

เป็นลำโพงรุ่นใหญ่สุดของซีรีส์ Devialet Phantom ราคาแพงที่สุด แบ่งย่อยออกเป็น 2 รุ่น คือ Phantom I 103dB กับ Phantom I 108dB สเปคของ 2 รุ่นนี้เหมือนกันทุกอย่าง ต่างกันที่กำลังขับและค่าความดังหรือ Sound Pressure Level (SPL) จนเป็นที่มาของชื่อรุ่นนั่นเอง

Devialet Phantom II

เป็นลำโพงรุ่นเล็กของซีรีส์ Devialet Phantom ราคาย่อมเยาลงมา แบ่งย่อยออกเป็น 2 รุ่นเหมือนกันคือ Phantom II 95dB กับ Phantom II 98dB ซึ่งทั้งสองรุ่นย่อยมีสเปคภายในเหมือนกัน ต่างกันที่กำลังขับและค่าความดังหรือ Sound Pressure Level – SPL ซึ่งทาง Devialet เลยจับเอามาเป็นชื่อรุ่นซะเลย

Devialet Phantom Opéra de Paris

เป็นลำโพงเวอร์ชันพิเศษที่มีการตกแต่งเพิ่มความหรูหราอลังการมากขึ้นสำหรับคนต้องการความเว่อร์วัง จุดเด่นคือการตกแต่งด้านข้างลำโพง Devialet Phantom Opéra de Paris ด้วยแผ่นทองคำเปลวพร้อมโลโก้ Paris Opera หรือที่ทางแบรนด์เรียกว่า gold leaf ซึ่งเป็นงานฝีมือสุดวิจิตรโดยช่างทำทองคำจาก Ateliers Gohard หน่วยงานที่มีหน้าที่บำรุงรักษาทองคำภายในโรงอุปรากร Opéra Garnier กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส โดยลำโพงเวอร์ชัน Devialet Phantom Opéra de Paris นี้ จะมี 2 รุ่นคือ Phantom I 108dB Opéra de Paris กับ Phantom II 98dB Opéra de Paris หรือพูดง่ายๆ คือจับเอารุ่นท็อปของ Phantom I และ Phantom II มาตกแต่งเพิ่มความหรูแต่สเปคภายในไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเวอร์ชันปกติ และแน่นอนว่ามันมาพร้อมราคาค่าตัวที่โหดเอาเรื่องเช่นเดียวกัน

ถึงตรงนี้เชื่อว่าทุกท่านน่าจะรู้จักและแยกความแตกต่างของลำโพง Devialet Phantom แต่ละรุ่นได้แล้ว คำถามคือเราควรซื้อรุ่นไหนดี? ประการแรกคือควรดูงบประมาณที่มีก่อนว่าเพียงพอสำหรับรุ่นไหน ซึ่งลำโพง Phantom แต่ละรุ่นนั้นเรียกว่าเป็น Best in class ของช่วงราคานั้นๆ ถ้างบประมาณถึงและชอบดีไซน์กับเสียงก็จัดไปอย่าได้ช้า ต่อมาคือดูค่า SPL ให้เหมาะสมกับขนาดห้องที่จะเอาลำโพงไปติดตั้ง ถ้าห้องใหญ่แนะนำว่าควรเลือกรุ่นที่มีค่า SPL สูงไว้ก่อน ถ้าห้องเล็กลงมาหน่อยรุ่นที่มีค่า SPL สูงๆ ก็อาจจะเกินจำเป็น แต่ถ้าคุณมีงบประมาณเหลือเฟือก็สามารถเลือกได้หมดตามความพึงพอใจหรือจะจัดรุ่นพิเศษ Opéra de Paris เอาไปประดับห้องหรูๆ ก็ได้ไม่ว่ากัน อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าคุณจะเลือกรุ่นไหน Devialet Phantom จะไม่ทำให้คุณต้องผิดหวังกับคุณภาพเสียงที่ได้รับ

รู้จักสมาชิกในซีรีส์ Devialet Phantom กันไปแล้ว เรามาดูความแตกต่างของลำโพงทั้ง 4 รุ่นย่อยภายในซีรีส์นี้กันครับ โดยสามารถแบ่งออกเป็นหัวข้อได้ดังนี้

ค่าความดัง Sound Pressure Level

ค่าความดัง หรือ Sound Pressure Level (SPL) เป็นตัวบ่งบอกความแตกต่างระหว่างลำโพงซีรีส์ Devialet Phantom ทั้ง 4 รุ่นย่อยได้ชัดเจนที่สุด หลายคนอาจจะยังไม่เข้าใจว่าค่า SPL นี้คืออะไร พูดง่ายๆ มันคือค่าความดังสูงสุดของเสียงที่ลำโพงรุ่นนั้นผลิตออกมาได้ วัดจากการป้อนกำลังไฟฟ้า 1W ให้กับลำโพงและวัดความดังเสียงที่ระยะห่างจากลำโพง 1 เมตร มีหน่วยเป็น dB (เดซิเบล) ถ้าค่า SPL มากหมายถึงลำโพงรุ่นนั้นเสียงดัง ถ้าค่า SPL น้อยหมายถึงลำโพงรุ่นนั้นเสียงเบา

ลำโพง Devialet Phantom ทั้ง 4 รุ่นย่อยระบุค่า SPL มาที่ชื่อรุ่นแล้ว เราจึงเห็นความแตกต่างกันชัดเจน ไล่เรียงจาก

1. Phantom I 108dB จะให้เสียงดังที่สุด
2. Phantom I 103dB เสียงดังรองลงมา
3. Phantom II 98dB
4. Phantom II 95dB จะมีเสียงเบาที่สุด

กำลังขับลำโพง Devialet Phantom

กำลังขับ หรือ Power output เป็นค่าที่สอดคล้องกับ SPL ยิ่งลำโพงมีกำลังขับสูงก็จะมีกำลังสำหรับการขับเสียงให้ออกมาดังมากขึ้น โดยลำโพง Devialet Phantom ทั้ง 4 รุ่นย่อยต่างก็มีกำลังขับไม่เท่ากัน ดังนี้

• Devialet Phantom I 108dB มีกำลังขับ 1,100W RMS
• Devialet Phantom I 103dB มีกำลังขับ 500W RMS
• Devialet Phantom II 98dB มีกำลังขับ 400W RMS
• Devialet Phantom II 95dB มีกำลังขับ 350RMS

จะเห็นได้ว่าพี่ใหญ่อย่าง Devialet Phantom I 108dB เป็นรุ่นเดียวที่มีกำลังขับเกิน 1,000W เสียงของพี่เขาจึงทรงพลังและดังมากๆ ลำโพงตัวเดียวสามารถใช้งานได้ห้องขนาดใหญ่ 30-50 ตร.ม. ได้สบาย ขณะที่รุ่นอื่นๆ มีกำลังวัตต์ลดหลั่นกันลงมาจึงเหมาะสำหรับใช้งานในห้องที่มีขนาดกว่า

การตอบสนองความถี่ของ Devialet Phantom

นอกจากค่า SPL และกำลังขับแล้ว Devialet Phantom ทั้ง 4 รุ่นย่อยยังตอบสนองความถี่เสียงได้ไม่เท่ากัน ดังนี้

• Devialet Phantom I 108dB ตอบสนองความถี่ 14 – 27,000 Hz
• Devialet Phantom I 103dB ตอบสนองความถี่ 15 – 25,000 Hz
• Devialet Phantom II 98dB ตอบสนองความถี่ 18 – 21,000 Hz
• Devialet Phantom II 95dB ตอบสนองความถี่ 18 – 21,000 Hz

การตอบสนองความถี่ได้กว้างหมายความว่าลำโพงสามารถขับเสียงได้ครบย่าน เบส กลาง แหลม และให้ไดนามิกที่ดี จะเห็นได้ว่า Devialet Phantom ทุกรุ่นตอบสนองย่านความถี่ต่ำได้ต่ำกว่า 20Hz ซึ่งเป็นความถี่ที่ต่ำกว่าหูของมนุษย์จะรับรู้ได้ หมายความว่าลำโพงเหล่านี้ให้เสียงเบสที่ทุ้ม แน่น และลึกมากๆ ซึ่งถือเป็นเอกลักษณ์ของลำโพงซีรีส์นี้เลยครับ

ไดร์เวอร์ขับเสียงของ Devialet Phantom

แม้ลำโพง Phantom I และ Phantom II จะมีหน้าตาภายนอกละม้ายคล้ายกันแต่โครงสร้างการออกแบบภายในแตกต่างกันสิ้นเชิงซึ่งรวมถึงประเภทของไดร์เวอร์ที่ติดตั้งมาภายในตัวลำโพงด้วย โดยทุกรุ่นย่อยติดตั้งไดร์เวอร์ภายในมา 3 ตัวเหมือนกัน ต่างกันที่ประเภทของไดร์เวอร์ที่ใช้ โดยไดร์เวอร์ของพี่ใหญ่ Phantom I ทั้งรุ่น 108dB และ 103dB ประกอบด้วย tweeter ขับเสียงแหลม 1 ตัว, Medium driver ขับเสียงกลาง 1 ตัว และ bass driver ขับเสียงเบส 1 ตัว ทั้งหมดทำหน้าที่แยกกันขับเสียงเฉพาะย่านของตัวเอง เสียงที่ได้จึงมีความชัดเจน รายละเอียดครบ บาลานซ์ดี ไม่มีย่านไหนกลืนหาย ขณะที่น้องเล็ก Phantom II ทั้งรุ่น 98dB และ 95dB ติดตั้ง Full-range driver ขับเสียงกลาง-แหลม 1 ตัว และ bass driver ขับเสียงเบส 2 ตัว

จุดเด่นอีกอย่างของลำโพง Devialet Phantom คือทุกรุ่นเลือกใช้ไดร์เวอร์ที่ทำจากวัสดุอะลูมิเนียมซึ่งมีจุดเด่นที่แนวเสียงมีความคมชัด ตอบสนองไว ให้เสียงเบสที่หนักและมีพลัง เสียงแหลมสดใสไม่บาดหู ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของลำโพงซีรีส์นี้เลยครับ 

การเชื่อมต่อ Devialet Phantom

ลำโพง Devialet Phantom ทุกรุ่นรองรับการเชื่อมต่อไร้สายครบทั้ง Bluetooth (รองรับ Codec ไร้สาย AAC และ SBC) และ Wi-Fi Dual Band 2.4GHz / 5GHz สามารถเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตเพื่อสตรีมเนื้อหาผ่าน Airplay 2 สตรีมเพลง Spotify Connect รวมถึงรองรับการใช้งานร่วมกับโปรแกรม Roon และการใช้งานระบบ Multiroom จุดแตกต่างจะอยู่ที่การเชื่อมต่อแบบใช้สายโดย Phantom I ทั้งสองรุ่นย่อยรองรับการเชื่อมต่อ Optical TOSLINK ซึ่งเป็นการเชื่อมต่อใยแก้วนำแสงความเร็วสูง ส่วน Phantom II ทั้งสองรุ่นย่อยไม่รองรับ ทั้งนี้ ลำโพง Devialet Phantom ทุกรุ่นยังรองรับการเชื่อมต่อสาย Ethernet RJ-45 สำหรับเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตด้วย

รีโมทคอนโทรลของ Devialet Phantom

Devialet Phantom I ทั้งรุ่น 108dB และ 103dB มีรีโมทคอนโทรลแบบไร้สายมาให้ด้วย เป็นรีโมททรงกลมดีไซน์เรียบหรูพร้อมจอแสดงผลดิจิตอลสวยงาม ช่วยให้ควบคุมลำโพงได้สะดวกมากขึ้น ขณะที่น้องเล็ก Devialet Phantom II จะไม่มีรีโมทมาให้

ขนาดลำโพง Devialet Phantom

ขนาดลำโพงเป็นความแตกต่างที่ชัดเจนที่สุดเมื่อมองด้วยตาเปล่า โดยพี่ใหญ่ Phantom I จะมีขนาดใหญ่กว่า Phantom II ทุกมิติ รายละเอียดดังนี้

• Devialet Phantom I กว้าง 252 มม. สูง 255 มม. ลึก 342 มม. น้ำหนัก 11.4 กิโลกรัม ทั้งรุ่น 108dB และ 103dB มีขนาดเท่ากัน
• Devialet Phantom II กว้าง 157 มม. สูง 168 มม. ลึก 219 มม. น้ำหนัก 4.3 กิโลกรัม ทั้งรุ่น 98dB และ 95dB มีขนาดเท่ากัน

เพื่อความง่ายในการเปรียบเทียบความแตกต่างของลำโพง Devialet Phantom ทั้ง 4 รุ่น เราทำเป็นตารางเปรียบเทียบมาให้ดูกันอีกครั้งครับ

ทั้งหมดนี้คือความแตกต่างของลำโพงที่เป็นที่สุดของวงการอีกซีรีส์หนึ่งจากแบรนด์ฝรั่งเศส หวังทุกท่านจะได้รับข้อมูลที่ครบถ้วนและนำไปประกอบการตัดสินใจซื้อได้นะครับ สุดท้ายนี้ Mercular อยากจะบอกว่าบนเว็บไซต์ของเรามีลำโพง Devialet Phantom ทุกรุ่นวางขาย ถ้าสนใจสามารถแวะเข้ามาชมมาช้อปกันได้ตามอัธยาศัย สุดท้ายนี้ทางเราต้องขอตัวลาไปก่อน ครั้งหน้าจะมีสินค้าอะไรมาเปรียบเทียบกันอีก รอติดตามกันได้ สำหรับครั้งนี้สวัสดีครับ