มินิรีวิว FiiO BTR5

DAC-Amp ไร้สายรุ่นเรือธงใหม่จาก FiiO

สำหรับแบรนด์ FiiO ก็เป็นที่รู้จักกันอยู่แล้วในเรื่องของสินค้าสำหรับการใช้งานฟังเพลง ที่มีออกมาให้เลือกใช้งานมากมายหลากหลายประเภทด้วยกัน ทั้ง หูฟัง Headphone เครื่องเล่นเพลง Music Player ไปจนถึง DAC-Amp ไร้สาย ซึ่งทุก ๆ ปีก็มักจะมีการอัพเกรดในส่วนของเทคโนโลยีให้ออกมาตอบโจทย์ผู้ใช้งานอยู่ตลอด จึงทำให้เป็นที่นิยมของผู้ใช้งานนั่นเอง นอกจากนั้นยังมาพร้อมกับวัสดุ งานประกอบ ความเนี๊ยบที่ทำออกมาระดับเดียวกับแบรนด์จากอเมริกาหรือยุโรป แต่มาพร้อมราคาที่เบาสบายกว่ามากนั่นเอง และล่าสุดทางแบรนด์ก็ได้อัพเกรดสินค้าที่ต้องบอกเลยว่าเป็นเทคโนโลยีที่ FiiO ทำเป็นแบรนด์แรก ๆ และมีรุ่นออกมาแล้วถึง 3 รุ่นด้วยกันกับเทคโนโลยีของ DAC-Amp ไร้สายพกพาที่จะมาเปลี่ยน หูฟัง ตัวโปรดของคุณจากแบบ มีสาย ให้กลายเป็น แดคแบบไร้สาย พร้อมสำหรับการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ Smartphone ที่ยุคนี้มักจะตัดส่วนของการเชื่อมต่อผ่าน AUX/3.5 mm. ทิ้งไป ทำให้สินค้าตัวโปรดของหลาย ๆ คนที่ยังเป็นแบบมีสายอยู่ใช้งานไม่ได้นั่นเอง กับสินค้าในซีรีส์ FiiO BTR ซึ่งที่ผ่านมามีตั้งแต่รุ่นแรกอย่าง BTR1 และปีล่าสุดอย่าง BTR3 รวมไปถึงรุ่นเล็กอย่าง uBTR ที่แต่ละรุ่นล้วนแต่ได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม ซึ่งล่าสุดกับรุ่นอัพเกรดที่มาพร้อมความสามารถที่มากขึ้น ตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลายยิ่งขึ้น แต่มาพร้อมขนาดที่เล็กลงมาก ๆ กับรุ่น FiiO BTR5 ตัวใหม่ล่าสุดนั่นเอง

ความสามารถที่อัดแน่นมาอย่างเต็มเปี่ยม

การออกแบบของ Dac ตัวนี้นั้นก็จะมีการเพิ่มขนาดและน้ำหนักขึ้นมาจาก FiiO BTR3 เล็กน้อย จากน้ำหนักเดิมอยู่ที่ 23 กว่า ๆ กรัมก็เดิมขึ้นมาที่ 43 กรัม แม้จะดูเพิ่มขึ้นมาเยอะมากหากเทียบเป็นอัตราส่วนแต่ในชีวิตจริงนั้นน่าจะเรียกได้ว่าไม่ต่างกันมาก ส่วนอัตราส่วนภายนอกของ BTR5 อยู่ที่ 72*32*11.3 มม. ส่วน BTR3 จะมีขนาดอยู่ที่ 58*25*10.4 มม. ส่วนหนึ่งก็มาจากขนาดของแบตเตอรี่ที่ FiiO BTR5 จะใช้แบตขนาด 500 แอมป์ ขยายขนาดเพิ่มมากจาก BTR3 นั่นเอง

การเชื่อมต่อไร้สายที่ตอบโจทย์ที่สุด

สำหรับสเปคที่พัฒนาขึ้นมาของ Fiio BTR5 ตัวนี้ ก็เริ่มต้นจากการใช้ Chip Bluetooth ตัวใหม่ ทำให้มันเปลี่ยนจากการส่งสัยญาณ Bluetooth Version 4.2 มาเป็น 5.0 ที่เร็วกว่า เสถียรกว่า และประหยัดแบตเตอรี่มากกว่าเดิม โดนเจ้า BTR5 สามารถทำงานต่อเนื่องได้ 12 ชั่วโมงและรองรับ Fastcharging ที่สามารถเติมแบทของมันให้เต็มได้ภายใน 2 ชั่วโมง นอกจากนั้นตัว DAC Chip ยังได้รับการพัฒนาเปลี่ยนจาก AK4376A เป็น ชิป DAC คู่ ES9218 ทำให้ค่า SNR สูงขึ้น เสียงรบกวนน้อยลง เสียงสะอาด และคุณภาพเสียงเยี่ยมยอดขึ้นกว่าเดิม  

โดยตอนนี้สินค้าก็เปิดตัวเข้ามาขายในไทยแล้วในราคา 3,590 บาท !