วิวัฒนาการของเมาส์เกมมิ่ง กว่าจะเป็นอาวุธคู่ใจเหล่าเกมเมอร์

ซึ่งนับได้ว่านี่เป็นก้าวแรกสำหรับการที่โลกจะได้รู้จักกับอุปกรณ์อย่างเมาส์ที่จะนำมาใช้กับคอมพิวเตอร์กันเลย ซึ่งหลังจาก Prototype Engelbart mouse นั้นได้ถูกนำออกมาให้ประชาชนได้ทำความรู้จักพร้อมกับการจดสิทธิบัตรในปี 1970 ซึ่งสำหรับบริษัทที่ถือสิทธิบัตรนั้นก็มีอยู่ด้วยกัน 2 เจ้าได้แก่ Apple และ Xerox นั่นเองจึงทำให้ตัวเมาส์ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องจนมาเป็นเมาส์ที่พวกเรานั้นได้คุ้นเคยและใช้งานกันอยู่ทุกวันนี้นี่เอง

แต่ทว่า เมาส์ทั่วไปนั้น ถึงจะเอาไปใช้งานได้อย่างเป็นอย่างดี และยังตอบสนองต่อการทำงานได้อย่างเต็มที่ ก็ในเมื่อโลกใบนี้ได้กำเนิดสิ่งที่เรียกว่า เกม ขึ้นมา การนำเมาส์ทั่วไปมาใช้งานก็ดูจะไม่ตอบโจทย์กับเหล่าเกมเมอร์ที่เล่นเกมกันอย่างบ้าคลั่งอีกต่อไป สิ่งที่เหล่าเกมเมอร์นั้นต้องการก็คือเมาส์ที่ได้รับการออกแบบ ให้สามารถใช้เล่นเกมได้อย่างยอดเยี่ยม รองรับการกดคลิกที่รัวและรุนแรงในจังหวะที่กำลังเมามัน ดังนั้นการพัฒนาจากเมาส์ทั่วไป สู่เมาส์เกมมิ่งจึงได้เริ่มต้นขึ้น

สำหรับเมาส์สำหรับการเล่นเกมตัวแรกนั้นไม่ได้เกิดขึ้นเพราะเกมคอมพิวเตอร์ แต่เกิดขึ้นมาเพราะว่าจะนำมาใช้เล่นเกมคอนโซลอย่าง Super Famicom เครื่องเล่นเกมที่ใช้ตลับในการเล่นเกมจากค่าย Nintendo หรือที่เรียกกันติดปากว่าปู่นินในปัจจุบันนั่นเองครับ โดยมีชื่อเรียกว่า Super NES Mouse โดยถูกผลิตออกมาให้ได้ใช้งานกันนั้นในปี 1992 โดยตัวเมาส์นั้นจะเป็นทรงที่เข้ากับอุ้งมือ พร้อมด้วยปุ่มคลิกจำนวน 2 ปุ่ม ไว้สำหรับการคลิกซ้ายคลิกขวา วางขายครั้งแรกที่ญี่ปุ่นในเดือนกรกฏาคม นั่นถือว่าเป็นครั้งแรกในโลกที่ทุกคนนั้นได้รู้กันว่า เมาส์สามารถนำมาเล่นเกมได้

เมาส์ตัวแรกสำหรับการเล่นเกมคอม

เมาส์สำหรับเกมคอมพิวเตอร์ตัวแรกนั้นก็ได้แก่ Razer Boomslang ผู้ที่สร้างออกมานั้นก็คือ Robert Krakoff ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานของ Razer นั่นเอง โดยปีที่เหล่าเกมเมอร์ได้สัมผัสกับเมาส์เกมมิ่งสำหรับการเล่นเกมคอมนั้นก็ได้แก่ปี 1999 ซึ่งเมาส์ตัวนี้เรียกได้ว่าปฏิวัติวงการเมาส์ได้อย่างสิ้นเชิง เป็นเมาส์ที่มาพร้อมกับค่า DPI 1000 และ 2000 ใช้ลูกกลิ้งแบบ cutting-edge optomechanical ที่เรียกว่าล้ำสมัยมาก ๆ ในสมัยนั้น เรียกเสียงฮือฮาได้เป็นอย่างดี มาพร้อมกับดีไซน์ที่ไม่ซ้ำใคร เรียกได้ว่าดึงดูดสายตาได้ทั้งตัวเมาส์และสเปกอย่างมากทีเดียวในสมัยนั้น

2004 ปีของเมาส์ไร้ลูกกลิ้ง

หลังจากใช้เมาส์แบบลูกกลิ้งมาหลายปี ในที่สุดเทคโนโลยีก็เริ่มวิวัฒนาการเข้าสู่ความทันสมัย ตัวเมาส์เกมมิ่งได้มีการเปลี่ยนการใช้งานจากลูกกลิ้ง มาเป็นเซนเซอร์แทน ทำให้ตัวเมาส์นั้นรองรับการใช้งานกับพื้นผิวของโต๊ะโดยที่ไม่มีแผ่นรองเมาส์ได้ โดยได้มีการเซนเซอร์มาใช้เข้ากับเมาส์เกมมิ่งถึง 2 แบบได้แก่ Optical และ Laser

Optical sensor

สำหรับ Optical sensor ผู้ที่ริเริ่มนำมาใช้เป็นเจ้าแรกนั้นก็หนีไม่พ้น Razer เจ้าเก่าเจ้าเดิมที่ต้องการพัฒนาอุปกรณ์ของตัวเองให้ออกมาได้อย่างเหนือชั้น โดยในปี 2004 นี้ก็ได้สร้างเมาส์ที่ใช้เซนเซอร์แบบนี้ตัวแรกได้แก่ Razer Viper ให้ DPI มาที่ 1000 พร้อมกับความสามารถในการปรับค่า DPI ให้เป็นไปตามที่ต้องการของผู้ใช้งานอีกด้วย พร้อมด้วยตัวแผ่นรองเมาส์ที่ทำมาจาก Teflon เพื่อการเคลื่อนที่ของเมาส์ในพื้นผิวต่าง ๆ ได้อย่างสบาย 

Laser sensor

ส่วน Laser sensor นั้นผู้ที่นำมาใช้งานกับเมาส์เล่นเกมเป็นเจ้าแรกก็ได้แก่ Logitech โดยเมาส์เกมมิ่งตัวนี้มีชื่อว่า Logitech MX1000 ซึ่งเป็นอีกหน้าหนึ่งในประวัติศาสตร์ที่พลิกโฉมหน้าของวงการเมาส์เล่นเกมกันเลยทีเดียว โดยเมาส์ตัวนี้นั้นมาพร้อมกับปุ่มกดจำนวน 6 ปุ่ม และค่า DPI 800 ไว้ใช้สำหรับการเล่นเกม และด้วยความที่ตัวเมาส์นั้นใช้เลเซอร์ ทำให้นอกจากพื้นผิวแผ่นรองเมาส์และโต๊ะแล้ว ก็ยังนำไปใช้กับพื้นผิวที่เป็นกระจกอีกด้วย 

2005 กับการ Custom เมาส์เกม

เพื่อให้การเล่นเกมนั้นสามารถทำได้อย่างยอดเยี่ยมในปีนี้ เมาส์เกมมิ่งก็ได้วิวัฒนาการขึ้นไปอีกขึ้น โดยแบรนด์ดังแบรนด์เดิมอย่าง Logitech ที่รอบนี้มาพร้อมกับ Logitech G5 ที่เรียกได้สั่นสะเทือนวงการเมาส์เกมมิ่งกันอย่างสั่นสะเทือน ด้วยการที่ตัวเมาส์นั้นสามารถปรับแต่งผ่านซอฟต์แวร์ ที่จะทำให้ตัวเมาส์เกมมิ่งนั้นสามารถใช้งานได้ตามความต้องการของผู้ใช้งาน อีกทั้งยังมาพร้อมกับปุ่มมาโครจำนวน 6 ปุ่ม ที่จะทำให้คุณนั้นตั้งค่าการใช้งานของปุ่มได้แบบอิสระอีกด้วย และสำหรับสเปกนั้นก็เหมาะสมสำหรับการเล่นเกมด้วย Laser sensor S6006 ที่ให้ 2,000 CPI และตัวอัตราการโพลที่ 1,000Hz พร้อมกับเวลาแฝง 1 ms ที่ทำการตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว และน้ำหนักเบาเพียง 106 กรัม สะบัดเมาส์ได้อย่างรวดเร็ว

2008 เมาส์สำหรับเล่น MMORPG ถือกำเนิด

เพราะว่าตัวเกมนั้นไม่ได้มีแค่ยิงกันสนั่นหวั่นไหวเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีเกมระดับ AAA หรือว่าเกมแนว MMORPG ที่ผู้เล่นจะได้ดื่มด่ำกับเนื้อเรื่องที่ยอดเยี่ยมและระบบการเล่นที่หลากหลาย สามารถเล่นได้ทั้งแบบคนเดียว และออนไลน์หลายคนได้ในเวลาเดียวกัน นั่นทำให้ตัวเมาส์ต้องมีการพัฒนาเพื่อการเล่นเกมแนวนี้โดยเฉพาะ และแบรนด์แรกที่ทำเมาส์ของเกมนี้ออกมาก็คือ SteelSeries ซึ่งตัวเมาส์นั้นก็ได้แก่ SteelSeries WoW ที่สร้างขึ้นมาเพื่อรองรับการใช้งานร่วมกับเกม World of Warcraft ที่กำลังโด่งดังในช่วงเวลานั้นอย่างทันท่วงที ซึ่งตัวเมาส์นี้มาพร้อมกับปุ่มกดที่ข้างนิ้วโป้ง รวมถึงปุ่มอีก 4 ปุ่มตรง scroll wheel ให้ DPI มาสูงสุดที่ 3200 เพียงพอต่อการใช้เล่นเกมแนวนี้อย่างถึงที่สุด

2009 ยกระดับเป็นเมาส์ไร้สาย

เมื่อการเชื่อมต่อไร้สายเข้ามา เมาส์เกมมิ่งก็ต้องมีการวิวัฒนาการ จากที่เคยใช้งานแบบมีสายก็ถูกนำออกไป แล้วใช้การเชื่อมต่อผ่าน Bluetooth และ Wireless เข้ามา ซึ่งเจ้าแรกที่ริเริ่มนั้นก็ได้แก่ Microsoft Sidewinder X8 จาก Microsoft มาพร้อมกับค่า DPI ที่ 4000 เรียกได้ว่ารวดเร็วมาก ๆ ในสมัยนั้น พร้อมด้วยอัตราการโพลที่ 500Hz ที่มีในเฉพาะเมาส์ไร้สายเท่านั้น พร้อมด้วยการใช้งานที่ 30 ชั่วโมงต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง พร้อมกับการใช้งานร่วมกับการชาร์จได้อย่างเต็มที่ ไม่ให้การเล่นเกมนั้นถูกจังหวะในตอนที่แบตเตอรี่นั้นหมดไป เรียกได้ว่านี่คือครั้งแรกที่วงการเมาส์เกมมิ่งต้องสั่นสะเทือน และเริ่มหันมาทำเมาส์เกมมิ่งไร้สายกันอย่างจริงจัง

และในปีเดียวกันนี้เองที่ทางแบรนด์ ROCCAT นั้นได้สร้างเมาส์เกมมิ่งที่มี RGB โดดเด่นออกมาด้วยวัสดุที่ทำในส่วนของตัวคลิกปุ่มนั้นเป็นแบบโปร่งแสง สามารถรับแสงไฟ RGB ได้แบบเต็ม ๆ สร้างความสวยงามและน่าดึงดูดสายตา จนทำให้เหล่าเมาส์เกมมิ่งในช่วงเวลาต่อมานั้น ใส่แสง RGB เข้าไป ทำให้กลายเป็นมาตรฐานของความเป็นเกมมิ่งที่จะต้องมีไฟ RGB ไว้ตกแต่งโต๊ะเล่นเกม

2010 ปีแห่งการเล่นเกมทั้งวันก็ยังไหว

เหล่าเกมเมอร์มักจะเกิดปัญหาในการเล่นเกมตลอดทั้งวันด้วยการปวดที่ข้อมือเสมอ ดังนั้นในปี 2010 นั้นจึงมีการออกตัวเมาส์การเล่นเกมที่สามารถเล่นได้ตลอดทั้งวันอย่าง Cyborg R.A.T 7 โดยเป็นเมาส์ที่ได้รับการออกแบบให้ตรงกับหลักสรีรศาสตร์ ที่จับเมาส์ได้อย่างสบายมากยิ่งขึ้น ช่วยลดอาการเกร็งกล้ามเนื้อของส่วนข้อมือ ไม่ต้องให้ตัวข้อมือและกล้ามเนื้อแขนนั้นไม่ต้องรับภาระหนักจนเกินไป เหล่าเกมเมอร์จึงสามารถเล่นเกมได้อย่างยาวนานมากยิ่งขึ้น เป็นอีกหนึ่งเมาส์เกมมิ่งที่ได้รับการตอบรับที่ดีไม่น้อยเลย โดยตัว DPI นั้นสูงสุดที่ 5600 พร้อมด้วยปุ่มมาโคร 8 ปุ่ม มีน้ำหนักฐาน 158 กรัม แต่สามารถเพิ่มเป็น 184 กรัมได้โดยใช้ตุ้มน้ำหนักโลหะ 5 ชิ้น ที่มีให้มาในกล่อง

และอีกทั้งในปีนี้ยังมาพร้อมกับเมาส์เกมมิ่งสำหรับการใช้งานในมือซ้าย ช่วยให้คนที่ถนัดซ้ายนั้นได้เลือกมาใช้งานเพื่อการเล่นเกมที่จะรีดเอาประสิทธิภาพการเล่นเกมของคนถนัดซ้ายได้มากยิ่งขึ้น นั่นก็คือ Razer DeathAdder จากแบรนด์ Razer นั่นเอง

2015 เกิดเมาส์เกมมิ่งพร้อมกับระบบการสัมผัส

ในปีนี้ SteelSeries ได้มาพร้อมกับเมาส์เกมมิ่งที่ใช้เทคโนโลยีเพื่อการสัมผัสที่จะทำให้ใช้งานได้ง่ายดายมากยิ่งขึ้น โดยตัวเมาส์นั้นมีสวิตช์ Flickdown ที่เพียงปัดนิ้วหัวแม่มือก็สามารถกดปุ่มล่างทั้งสองปุ่มได้อย่างรวดเร็วและไหลลื่นอย่างเป็นธรรมชาติ สามารถล็อคปุ่มเหล่านี้และทำหน้าที่เป็นที่พักนิ้วหัวแม่มือแบบขยายได้อีกด้วย ซึ่งเมาส์ตัวนั้นมีชื่อว่า SteelSeries Rival 500 ตัวเมาส์นั้นใช้เซนเซอร์ optical PixArt PMW3360 มอบ DPI ที่เรียกได้ว่าสูงมาก ๆ ถึง 16,000 DPI และยังมีอัตราการโพล 1,000 Hz และเวลาแฝง 1 ms ที่ทำให้การเคลื่อนที่เมาส์นั้นรวดเร็วและไม่มีสะดุด และยังพักนิ้วมือได้ตามเวลาที่ต้องการอีกด้วย

2016 ปีนี้เน้นเรื่องเร็วและต้องเงียบ

ในปี 2016 นี้ ตัวเมาส์เกมมิ่งก้าวขึ้นไปอีกขั้นในเรื่องของความเร็วในการเล่นเกมที่จะทำให้เหล่าเกมเมอร์นั้นได้รับประสบการณ์สำหรับการเล่นเกมที่ไม่สะดุด และแบรนด์ที่ส่งเมาส์เกมมิ่งสุดรวดเร็วนี้ลงตลาดนั้นก็ได้แก่ Logitech ที่ดันเอาเมาส์เกมมิ่งอย่าง Logitech G403 ที่ใช้เซนเซอร์ HERO 25K มอบความเร็วมาให้ 25,600 DPI การติดตาม 1:1 และ 400+ IPS เรียกได้ว่าเป็นเมาส์ที่สามารถใช้เล่นเกมได้อย่างรวดเร็วสุด ๆ และด้วยตัวน้ำหนัก 87.3 กรัม นั้นก็ยังสามารถเพิ่มน้ำหนักได้อีก 10 กรัม ทำให้ได้น้ำหนักที่ถนัดมือมากยิ่งขึ้น 

และนอกจากนั้นทางแบรนด์ก็ยังออกเมาส์ Logitech M330 Silent Plus ที่ทำให้ตัวเมาส์นั้นสามารถคลิกได้อย่างเงียบ ไม่เกิดเสียงรบกวนที่จะก่อให้เกิดความรำคาญ หรือเสียงที่จะเข้ามาขัดสมาธิให้หลุดตอนที่ตั้งมั่นอยู่กับการเล่นเกม เรียกได้ว่าในปีนี้เป็นปีของแบรนด์ Logitech จริง ๆ ครับ ที่ได้ขนเอาเมาส์เกมมิ่งออกมาให้กับเหล่าเกมเมอร์ได้ใช้งานกันอย่างมากมาย

2017 ถึงเวลาติดตามแบบ 1 ต่อ 1

ไม่ว่าจะผ่านมากี่ปีแต่บางครั้งเมาส์เกมมิ่งก็ยังมีปัญหาในการเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์อยู่เสมอ แต่ในปี 2017 นี้นั้น ปัญหาเหล่านี้จะหมดไป ด้วยการใช้งาน SteelSeries Sensei 310 จากแบรนด์ SteelSeries นั่นเอง โดยเป็นเมาส์ที่มาพร้อมกับ True 1-to-1 Tracking Sensor การติดตามแบบ 1 ต่อ 1 กับหน้าจอคอมพิวเตอร์ ไม่ให้ตัวเครเซอร์นั้นหลุดโฟกัสจนเกิดอาการหลุดออกจากการเพ่ง ไม่ไปขัดจังหวะในการเล่นเกมทำให้คุณนั้นได้ใช้งานเมาส์เกมมิ่งตัวนี้อย่างยอดเยี่ยม เรียกได้ว่าเป็นการยกระดับเมาส์เกมมิ่งให้มีความแม่นยำมากยิ่งขึ้น เล่นเกมได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นเข้าไปอีก

2018 ปีนี้ยกเมาส์ก็ยังเล่นได้

ก็ต้องยอมรับว่านักเกมเมอร์หลายคนนั้นเวลาที่ยกเมาส์ขึ้นมานั้นการใช้งานจะถูกตัดขาดออกทันที แต่ว่า 2018 ทำได้สำเร็จในการขจัดปัญหานี้ให้ออกไป ด้วย SteelSeries Rival 600 ที่ทางแบรนด์นั้นใช้เทคโนโลยี Lift-off System เป็นครั้งแรกของโลก เพื่อทำให้การยกเมาส์ออกจากโต๊ะในระดับ 0.5 mm เพียงชั่วครู่ ก็ยังสามารถใช้งานตัวของเมาส์ได้อย่างต่อเนื่อง ไม่มีการขาดช่วง การเล่นเกมจึงยังสามารถทำได้อย่างสมบูรณ์แบบ ไม่มีจังหวะสะดุด อีกทั้งตัวเมาส์ตัวนี้ยังมาพร้อมกับตัวถ่วงน้ำหนักไว้สำหรับเพิ่มน้ำหนักให้กับเมาส์อีก 8 ก้อน ใครที่รู้สึกว่าน้ำหนักเมาส์ที่ใช้งานอยู่นั้นเบาเกินไป ก็ใช้เจ้าเหล็กเหล่านี้มาถ่วงดุลน้ำหนักได้เป็นอย่างดี

2020 การมาถึงของเมาส์ไม่กลัวความสกปรก

และในที่สุดอุบัติเหตุอย่าง น้ำหกใส่ หรือสิ่งสกปรกขนาดเล็กที่จะเข้ามาทำให้ตัวเมาส์นั้นเสียหายก็ได้รับการขจัดออกไปเสียที เพราะว่าในปี 2020 นั้นมาพร้อมกับเทคโนโลยีที่ช่วยปกป้องเมาส์จากน้ำและสิ่งสกปรกด้วย IP54 เพื่อประสิทธิภาพในการเล่นเกมที่ทำได้อย่างต่อเนื่อง โดยเมาส์ตัวแรกของโลกที่ใช้ IP54 นั้นก็ได้แก่ SteelSeries Aerox 3 ที่มาพร้อมกับกรอบเมาส์รวงผึ้ง เรียกได้ว่าท้าทายทั้งน้ำและก็ฝุ่นกันอย่างกล้าหาญมาก ๆ เลยทีเดียว 

และนอกจากการกันน้ำกันฝุ่นแล้ว ปีนี้ยังเป็นปีแรกที่ได้มีการใส่พัดลมลงไปในเมาส์ เพื่อให้การระบายความร้อนนั้นสามารถทำได้อย่างยอดเยี่ยม ใช้งานได้ตลอดทั้งวันโดยที่ตัวเมาส์จะไม่เกิดอาการโอเวอร์ฮีท สร้างความเย็นสบายตลอดการใช้งาน โดยตัวเมาส์แรกที่เริ่มใช้เทคโนโลยีนั้นก็คือ Mindshunter’s Zephyr ครับ