ซื้อจอเกมมิ่ง ควรเริ่มต้นที่กี่นิ้ว ?
14 ต.ค. 2563
เรียกว่าเป็นปัญหาโลกแตกอีกหนึ่งปัญหาเลยสำหรับหลาย ๆ คนที่ต้องการจะซื้อจอคอมพิวเตอร์เพื่อมาใช้สำหรับเล่นเกมโดยเฉพาะ แต่ก็ไม่รู้ว่าควรจะซื้อกี่นิ้วดี บางครั้งซื้อมาแล้วก็รู้สึกว่ามีขนาดเล็กเกินไป บางครั้งซื้อมาแล้วก็พบว่าใหญ่เกินกว่าความต้องการ อีกทั้งยังไม่สามารถวางบนโต๊ะของเราได้ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะว่าซื้อมาแล้ว จำเป็นต้องทนใช้งานต่อไปเรื่อย ๆ หรือบางคนอาจจะต้องยอมขายต่อเพื่อไปซื้อรุ่นอื่น วันนี้ทาง Mercular.com จะมาแนะนำให้ผู้อ่านทราบครับ ว่าถ้าหากต้องการซื้อจอเกมมิ่งชิ้นใหม่สักตัวหนึ่ง ควรเริ่มต้นที่กี่นิ้วดี จึงจะเหมาะกับตัวเรามากที่สุด
ประเภทของเกมที่เล่น
ก่อนอื่นเราต้องถามตัวเองก่อนว่า โดยปกติแล้วเกมที่เราเล่นนั้นเป็นเกมประเภทไหนเป็นหลัก เพราะว่าเกมแต่ละประเภทนั้นให้มุมมองของภาพที่ไม่เหมือนกัน ซึ่งทางเราจะจำแนกประเภทให้อย่างง่าย ๆ ตามนี้ครับ
ขนาดของจอที่แนะนำสำหรับเกมประเภท FPS หรือ Shooting
หากเป็นเกมประเภท FPS หรือ Shooting นิยมใช้หน้าจอระหว่าง 21 – 24.5 นิ้วเท่านั้น เนื่องจากควรโฟกัสไปที่รายละเอียดบนหน้าจอเป็นหลัก หากใช้หน้าจอขนาดใหญ่มากกว่านี้ จะได้รายละเอียดของภาพและจำนวนพิกเซลที่เพิ่มขึ้นมาก็จริง แต่มุมมองของภาพก็กว้างขึ้นด้วยเช่นกัน ทำให้ไม่สามารถเก็บรายละเอียดภายในหน้าจอได้ทั้งหมด แถมยังต้องเลื่อนเมาส์ให้มากกว่าเดิม ทำให้อาจจะยิงพลาดได้ง่าย ๆ เลย ที่สำคัญจอขนาดเล็กยังประหยัดพื้นที่ในการจัดวาง สามารถนั่งใกล้ ๆ ได้อย่างสบาย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าขนาดใหญ่จะไม่เหมาะกับการเล่นเกมประเภทนี้นะครับ ขึ้นอยู่กับความถนัดของแต่ละบุคคลด้วย ถ้าหากต้องการเล่นเกมประเภทนี้ด้วยหน้าจอขนาดใหญ่ ควรจะเลือกใช้เป็นจอโค้ง เนื่องจากความโค้งของหน้าจอนั้นจะช่วยทำให้ผู้ใช้งานเห็นภาพได้มากยิ่งขึ้น โดยที่ยังสามารถมองได้อย่างทั่วถึง แต่เหล่าผู้เล่น E-Sports มืออาชีพ รวมไปถึงโปรเพลเยอร์ จะไม่ค่อยนิยมใช้จอโค้ง เพราะว่าภาพที่ได้จะหลอกตา นอกจากนี้ยังทำให้การตั้งค่า Sensitivity ของเมาส์ ยุ่งยากกว่าหน้าจอแบบปกติอีกด้วยครับ
ขนาดของจอที่แนะนำสำหรับเกมประเภท RTS, Racing, MMORPG
สำหรับเกมที่อยู่ในประเภทนี้ มักจะต้องการความกว้างขอจอภาพเพื่อที่จะให้เห็นรายละเอียดที่ชัดเจน การเลือกจอ 27 นิ้วขึ้นไป จะทำให้ผู้เล่นสนุกสนาน เพลิดเพลินไปกับกราฟิกมากกว่าขนาดเล็กนั่นเอง แต่ผู้ใช้งานก็ต้องคำนึงถึงความละเอียดของภาพเพื่อให้ได้ภาพที่ลื่นไหล รายละเอียดคมชัด รวมไปพื้นที่ในการจัดวาง และระยะห่างระหว่างอุปกรณ์กับตัวบุคคล เพื่อไม่ให้ปวดตาขณะเล่นด้วยนั่นเองครับ
ขนาดของจอที่แนะนำสำหรับเกมประเภทอื่น ๆ
หากเป็นเกม Action, Sport, Puzzle, Simulation หรือประเภทอื่น ๆ ขนาดของหน้าจอนั้นขึ้นอยู่กับความชื่นชอบของผู้ใช้งานเลย ว่าถนัดในการใช้งานแบบไหนมากกว่ากัน แต่ถ้าเราซื้อจอเกมมิ่งที่มีขนาดใหญ่มาแล้วรู้สึกว่าภาพที่ได้นั้นมีมุมมองที่กว้างเกินไป ก็สามารถปรับเปลี่ยนความละเอียด รวมไปถึงสัดส่วนของภาพให้มีขนาดเล็กลงภายในตัวเกมได้เลยทันที โดยการปรับภาพมุมมองของภาพให้เป็น Windows mode เนื่องจากหากปรับความละเอียดของภาพให้ลดลงแต่หากยังใช้มุมมองแบบ Full Screen อยู่ จะทำให้ภาพแตกนั่นเองครับ ส่วนถ้าซื้อจอภาพที่มีขนาดเล็กมา จะไม่สามารถปรับความละเอียดให้สูงเกินค่าที่จอกำหนดมาให้นะครับ ต้องระวังตรงนี้ด้วย
ความละเอียดของภาพที่แนะนำ
ในปัจจุบันนั้นการเลือกซื้อจอเกมมิ่งนอกจากจะดูที่ขนาดความกว้างแล้ว ควรจะเลือกซื้อจอที่ความละเอียดสูงสุดเริ่มต้นในระดับ Full HD เพื่อความคมชัดของภาพ ขนาดของหน้าจอไม่ควรเล็กกว่า 21 นิ้ว และมีรีเฟรชเรทมากกว่า 144Hz ขึ้นไปเพื่อการใช้งานที่ลื่นไหลครับ สำหรับขนาดหน้าจอและความละเอียดที่เหมาะสมกันสามารถดูได้จากตารางด้านข้างเลยครับ
ปัจจัยเสริม
- ค่ารีเฟรชเรท มีหน่วยเป็นเฮิรตซ์ โดยปกติแล้วจอทั่วไปนั้นจะมีค่ารีเฟรชเรทอยู่ที่ 60 แต่ถ้าเป็นจอเกมมิ่งในปัจจุบันมักจะมีรีเฟรชเรทเริ่มต้นที่ 120 หรือ 144 เฮิรตซ์ ซึ่งความต่างของจำนวนเลขนี้ ยิ่งมากขึ้นจะยิ่งทำให้เราได้ภาพที่มีความลื่นไหลมากยิ่งขึ้น เหมาะสำหรับหรับการเล่นเกมประเภท FPS เป็นอย่างมาก ซึ่งทางเราจะอธิบายให้ฟังในบทความหน้าครับ ว่าจอ 144Hz ดีกว่าจอ 60Hz ยังไง คุ้มค่าต่อการเปลี่ยนหรือไม่
- อัตราการตอบสนองหรือ Response Time มีหน่วยเป็น ms ย่อมาจาก millisecond หรือ 1 ใน 1,000 ต่อวินาที โดยค่านี้ยิ่งน้อยก็จะยิ่งส่งผลดีต่อความเร็วในการขยับของภาพ โดยปกติแล้วจอเกมมิ่งที่ดีควรจะมีอัตราการตอบสนองอยู่ที่ประมาณ 1-4 ms
- เทคโนโลยีเสริม หรือซอฟต์แวร์ต่าง ๆ ที่ให้มาในผลิตภัณฑ์นั้น ๆ ซึ่งส่วนมากจะช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ใช้งานเป็นอย่างมากครับ ทั้งในเรื่องของการใช้งานและการตั้งค่า เรียกได้ว่าหากจะเสียเงินแล้วก็ควรมั่นใจว่าเงินที่จ่ายไปนั้นคุ้มค่ากับสินค้าที่ได้มาหรือไม่ เพื่อที่จะได้ไม่ต้องมาเสียใจในภายหลัง
- พอร์ตเชื่อมต่อ ยิ่งเป็นจอเกมมิ่งที่มีราคาสูง ก็จะยิ่งมีพอร์ตเชื่อมต่อที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการใช้งานให้มากยิ่งขึ้น เช่นพอร์ต USB-C หรือ USB-A เวอร์ชั่นใหม่ที่มีความเร็วสูง ทำให้เราสามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่น ๆ ได้ผ่านทางหน้าจอเลย รวมไปถึงบางรุ่นก็สามารถชาร์จแบตเตอรี่ให้กับโน้ตบุ๊กหรือแล็ปท็อปได้อีกด้วย เช่น จอคอม 24 นิ้ว อย่างเช่นรุ่น MSI 24.5" Optix @240Hz MAG251RX Monitor
สุดท้ายแล้วการเลือกซื้อจอเกมมิ่งนั้นไม่ควรมีขนาดที่ต่ำกว่า 21 นิ้ว เพื่อประสบการณ์ในการใช้งานที่ดียิ่งขึ้น พิจารณาว่าถึงไลฟ์สไตล์ของตัวเองเป็นหลักว่าชอบเล่นเกมประเภทใดเป็นหลัก ขนาดที่เลือกมานั้นเหมาะสมกับพื้นที่บนโต๊ะคอมพิวเตอร์หรือไม่ รวมไปถึงนำมาใช้งานประเภทอื่นด้วยรึเปล่า เพราะในการใช้งานจริง ๆ เราอาจจะไม่ได้ใช้แค่ใช้เล่นเกมอย่างเดียว การรับชมภาพยนตร์หรือใช้งานประเภทอื่น ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญที่ควรนำมาพิจารณาประกอบด้วย นอกจากนี้ฮาร์ดแวร์ภายในเครื่องคอมพิวเตอร์ เช่น การ์ดจอ, CPU, RAM ก็เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญเช่นเดียวกัน หากซื้อจอที่มีความละเอียดที่สูงแต่เครื่องคอมพิวเตอร์ของเรานั้นไม่สามารถประมวลผลได้นั้น จอมอนิเตอร์ก็จะไม่สามารถแสดงประสิทธิภาพสูงสุดออกมาได้นั่นเองครับ