ฟิล์มกันรอย iPhone มีกี่แบบ แล้วแบบไหนเหมาะกับใคร
19 ก.ค. 2564
หลังจากซื้อ iPhone เครื่องใหม่แล้ว สิ่งที่คุณต้องซื้อตามมาก็คงจะเป็นอะไรไม่ได้เลยนอกเสียจากฟิล์มกันรอย เพราะฟิล์มกันรอยนั้นเรียกได้ว่าเป็นไอเทมสำคัญที่จะช่วยปกป้อง iPhone ของคุณจากการถูกขีดข่วนและแรงกระแทกที่จะให้หน้าจอเกิดความเสียหาย หากไม่ติดฟิล์มแล้วมือถือเกิดเป็นรอยหรือถูกกระแทกจนหน้าจอแตกขึ้นมา คงจะต้องเสียค่าใช้จ่ายในการซ่อมหลายบาทแน่ ๆ คงไม่มีใครอยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนั้นใช่ไหมล่ะครับ เพราะฉะนั้นฟิล์มกันรอยจึงมีบทบาทสำคัญเป็นอย่างมาก หรือจะเรียกได้ว่าเป็นของคู่กันกับ iPhone เลยก็ได้ครับ
ฟิล์มกันรอย iPhone มีกี่แบบ ?
ในปัจจุบันบริษัทที่ผลิตเกี่ยวกับฟิล์มกันรอยก็ได้ผลิตฟิล์มออกมาหลากหลายแบบให้ผู้บริโภคเลือกใช้กันอย่างตรงตามความต้องการ ซึ่งทาง Mercular.com ก็ได้รวบรวมมาให้แล้วว่าฟิล์มกันรอย iPhone นั้นมีมากถึง 5 แบบให้เลือกใช้กัน แต่ละแบบก็จะมีข้อดี / ข้อเสียที่แตกต่างกันออกไป เราไปดูกันเลยดีกว่าครับว่ามีฟิล์มประเภทไหนบ้าง
1. ฟิล์มกันรอยนิรภัย (ฟิล์มกระจก) เป็นฟิล์มกันรอยที่มีความหนา ความทนทานและความแข็งแรงมาก สามารถปกป้องหน้าจอมือถือได้ดีเพราะตัวฟิล์มมีความคล้ายกับหน้าจอมือถือจริง ๆ แต่อาจตอบสนองต่อการสัมผัสได้ช้ากว่าฟิล์มชนิดอื่นเพราะมีลักษณะที่แข็งและหนากว่า เมื่อติดแล้วดูสวยมากแต่ราคาอาจสูงกว่าฟิล์มชนิดอื่น ๆ เพียงเล็กน้อย แต่ถ้าโดยรวมแล้วคุ้มค่ากับราคาฟิล์มกระจกจึงเป็นฟิล์มกันรอยที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก
2. ฟิล์มกันรอยแบบใส เป็นอีกหนึ่งชนิดของฟิล์มที่ได้รับความนิยม เพราะราคาค่อนข้างถูก สามารถป้องกันรอยขีดข่วนที่จะเกิดขึ้นกับหน้าจอได้ในระดับปานกลาง หลังจากติดแล้วยังคงจะเห็นสีสันของภาพที่แสดงผลออกมาได้คมชัดกว่าฟิล์มชนิดอื่น แต่ฟิล์มกันรอยแบบใสจะมีความเงา ถ้าใช้งานมือถือกลางที่แจ้งคงทำให้ภาพสะท้อนทำให้มองหน้าจอยาก แต่โดยรวมแล้วคุ้มค่ากับราคามากครับ
3. ฟิล์มกันรอยแบบด้าน เป็นฟิล์มที่สามารถติดแล้วใช้งานมือถือกลางแจ้งได้อย่างสบาย ๆ เลยครับ เพราะคุณสมบัติของฟิล์มกันรอยแบบด้านคือช่วยลดแสงสะท้อน อีกทั้งยังเป็นรอยนิ้วมือหรือคราบต่าง ๆ ได้ยาก แต่ใครที่ชอบดูหนังโดยใช้มือถืออาจไม่ค่อยประทับใจตรงที่สันของภาพจะไม่คมชัดสวยงามเท่าฟิล์มแบบใส เพราะฟิล์มแบบด้านจะทำให้ภาพที่เห็นมีความมืดกว่าภาพจริงนั่นเองครับ
4. ฟิล์มกันรอยกรองแสง เป็นฟิล์มกันรอยที่นอกจากจะช่วยป้องกันการขีดข่วนที่จะเกิดขึ้นกับหน้าจอมือถือแล้วยังสามารถช่วยป้องกันแสงสีฟ้าจากมือถือที่จะก่อให้เกิดอันตรายกับสายตา เช่น ทำให้สายตาเสีย ทำให้ตาเหนื่อยล้าจากการจ้องมือถือเป็นเวลานานได้อีกด้วย
5. ฟิล์มกันรอย Privacy นอกจากจะเป็นฟิล์มกันรอยได้แล้วยังเป็นฟิล์มที่ทำมาสำหรับใครต้องการความเป็นส่วนตัวเวลาใช้งานมือถือในที่สาธารณะเพราะเราก็ไม่อาจรู้ได้ว่าใครจะจ้องมองสิ่งที่อยู่ในมือถือเราตอนไหน เมื่อไหร่ แล้วคนที่มองนั้นมีความประสงค์ที่ดีต่อเราหรือไม่ ซึ่งฟิล์มแบบ Privacy จะสามารถมองเห็นหน้าจอเมื่อมองจากด้านหน้าเท่านั้น หากมองจากมุมอื่นจะไม่สามารถมองเห็นหน้าจอได้เลยครับ
ฟิล์มกันรอยแต่ละแบบเหมาะสำหรับใคร ?
ฟิล์มกันรอยมีมากด้วยกันถึง 5 แบบ หลายคนอาจเกิดคำถามตามมาว่าแล้วแบบไหนเหมาะกับใครบ้าง ทาง Mercular.com จึงได้รวบรวมข้อมูลมาให้อย่างคร่าวๆ เพื่อให้ทุกคนสามารถเลือกฟิล์มที่ตรงตามการใช้งานและเหมาะกับตนเองมากที่สุดได้นะครับ
1. ฟิล์มกันรอยนิรภัย (ฟิล์มกระจก)
- มีงบประมาณในการติดฟิล์มเยอะเพราะฟิล์มกันรอยนิรภัยมีราคาที่สูงกว่าฟิล์มชนิดอื่น
- ทำมือถือตก/หลุดมือบ่อย เพราะฟิล์มกระจกมีความแข็งแรงและหนา ถ้าติดฟิล์มกระจกก็จะเป็นเรื่องยากที่ทำมือถือตกแล้วหน้าจอจะแตก ใครที่ทำมือถือตกบ่อยควรติดฟิล์มกระจกเพื่อเป็นการป้องกันที่ดีที่สุดครับ
2. ฟิล์มกันรอยแบบใส
- มีงบประมาณในการติดฟิล์มไม่เยอะมากนัก
- เปลี่ยนฟิล์มบ่อย เช่น สายเกมเมอร์
- ชอบภาพแสดงผลที่มีความคมชัด สีสันสวยงามเสมือนจริง
3. ฟิล์มกันรอยแบบด้าน
- ใช้งานมือถือกลางแจ้งเป็นประจำ เช่น ชอบถ่ายรูปกลางแจ้ง
- มีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องฟิล์มสะท้อนอยู่บ่อย ๆ
- รักความสะอาด ไม่ชอบให้มีคราบและความมันติดอยู่ที่หน้าจอ
- ไม่มีปัญหาเกี่ยวกับภาพแสดงผลที่ไม่ค่อยชัด
4. ฟิล์มกันรอยกรองแสง
- จ้องหน้าจอมือถือเป็นเวลานาน
- อยากได้ทั้งฟิล์มที่ปกป้องทั้งหน้าจอและสายตาไปในตัว
5. ฟิล์มกันรอย Privacy
- ต้องการความเป็นส่วนตัวเป็นอย่างมากในที่สาธารณะ
- เดินทางด้วยรถประจำทาง รถไฟฟ้า ฯลฯ เป็นประจำ
วิธีการเลือกซื้อฟิล์มกันรอยที่ดี
หากคุณเจอชนิดของอุปกรณ์เสริมมือถือประเภทฟิล์มที่เหมาะกับตนเองแล้ว อีกสิ่งที่คุณต้องคำนึงถึงก็คือคุณภาพของฟิล์มที่ซื้อ เพราะถ้าซื้อฟิล์มกันรอยที่ดีก็จะสามารถใช้งานไปได้ยาวนาน ไม่ต้องเสียเงินเปลี่ยนฟิล์มบ่อย วิธีการเลือกซื้อฟิล์มที่ดีนั้นสามารถทำได้ดังนี้ครับ
- เลือกซื้อฟิล์มกันรอยที่ได้รับมาตรฐาน เช่น ถ้าเลือกซื้อฟิล์มนิรภัย (ฟิล์มกระจก) จะต้องมีความแข็งอยู่ที่ระดับ 9H (ตัวเลขที่อยู่ด้านหน้าของตัว H จะบ่งบอกถึงระดับความแข็งของฟิล์ม ซึ่งระดับที่สูงที่สุดคือระดับ 9H นั่นเอง) อย่างไรก็ตามถึงฟิล์มจะมีความแข็งมากขนาดไหน เราก็ต้องใช้อย่างระมัดระวังนะครับ
- เลือกฟิล์มกันรอยที่ตอบโจทย์กับการใช้งานในชีวิตประจำวัน เลือกจากวัสดุของฟิล์ม ที่มีถึง 2 ชนิด ได้แก่ PET (Polyethylene Terephthalate) จะนิยมใช้ผลิตขวดน้ำพลาสติก หรือ TPU (Thermoplastic Polyurethane) มีความยืดหยุ่นและความเหนียวมากกว่าแต่ราคาแพงกว่าชนิด PET
เป็นยังไงกันบ้างครับกับคำแนะนำในการเลือกซื้อฟิล์มกันรอย iPhone ที่ทาง Mercular.com ได้นำมาแนะนำกันในครั้งนี้ โดยก็หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้คุณตัดสินใจเลือกซื้อฟิล์มกันรอย iPhone ที่คุ้มค่าและตอบโจทย์กับความต้องการได้นะครับ โดยในครั้งหน้าถ้าหากมีสินค้าหรืออะไรดี ๆ ที่น่าสนใจ ทางทีมงานจะนำมาแนะนำกันอีกอย่างแน่นอนครับ สำหรับครั้งนี้สวัสดีครับ