วิธีเลือกซื้อตัวเชื่อมสัญญาณบลูทูธ ให้คุ้มค่าและเสียงชัดเจน

1 พ.ย. 2566

วิธีเลือกซื้อตัวเชื่อมสัญญาณบลูทูธ ให้คุ้มค่าและเสียงชัดเจน

สำหรับตัวรับสัญญาณบลูทูธหรือ Bluetooth Receiver นั้น หลักการในการมช้งานนั้นก็ง่าย ๆ คือเป็นตัวรับ - ส่งสัญญาณไร้สายบลูทูธ จากอุปกรณ์ที่ไม่ได้รองรับการเชื่อมต่อไร้สายอยู่ในตัวตั้งแต่แรก เช่น ลำโพงรุ่นเก่า ๆ เครื่องเล่นเพลงรุ่นเก่า ๆ หรือเครื่องเล่นเพลงที่ไม่รองรับการเชื่อมต่อไร้สายในตัว โดยหลักการทำงานก็คือในส่วนของการทำงานเป็นตัวส่งสัญญาณก็จะแปลงสัญญาณจากอุปกรณ์ต้นทางที่ปกติจะเป็นการเชื่อมต่อแบบมีสายให้เป็นสัญญาณดิจิตอลส่งไปยังอุปกรณ์อื่น ๆ ที่รองรับสัญญาณ Bluetooth (เมื่อใช้งานกับอุปกรณ์ที่เป็น Output เช่น เครื่องเล่นเพลง) ส่วนการทำงานเป็นตัวรับสัญญาณก็จะเป็นการถอดรหัสที่ถูกส่งมาจากอุปกรณ์อื่น ๆ จากนั้นจึงแปลงสัญญาณส่งต่อไปยังอุปกรณ์ที่เชื่อมต่ออยู่ (เมื่อใช้งานกับอุปกรณ์ที่เป็น Input เช่น ลำโพง, หูฟัง) ทำให้อุปกรณ์มีสายต่าง ๆ ไม่ต้องต่อสายพะรุงพะรังให้น่ารำคาญอีกต่อไป


ตัวอย่างการใช้งานเช่นถ้าเกิดเรานอนเล่นเกมอยู่ที่บ้านแต่เสียงที่ออกมาจากโทรศัพท์นั้นไม่สะใจพอ แล้วที่บ้านมีลำโพงหรือหูฟังที่มีเสียงดีอยู่แล้วและอยากใช้ให้เกิดประโยชน์ ตัวรับสัญญาณบลูทูธ ก็เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่จะทำให้ชีวิตสะดวกสบายขึ้น ไม่ต้องคอยมีสาย AUX/3.5 mm. ให้รุงรัง อีกทั้งสายบางเส้นยังให้เสียงที่ไม่ดีเท่าที่ควรอีกด้วย ซึ่งในครั้งนี้ mercular.com ก็ได้รวบรวมข้อมูล วิธีเลือกซื้อตัวเชื่อมสัญญาณบลูทูธ มาให้กับผู้อ่านกันเป็นที่เรียบร้อยแล้วดังนี้

วิธีเลือกซื้อตัวเชื่อมสัญญาณบลูทูธ

1. เลือกจากขนาดและพื้นที่ใช้งาน


ในปัจจุบัน ตัวเชื่อมสัญญาณบลูทูธ นั้นมีมากมายหลากหลายรุ่นให้ได้เลือกซื้อและจับจองเป็นเจ้าของ โดยในบางรุ่นก็มาพร้อมขนาดที่ใหญ่ตอบโจทย์การใช้งานแบบตั้งโต๊ะ และในบางรุ่นก็มาพร้อมขนาดที่เล็กกะทัดรัดเพื่อตอบโจทย์การใช้งานแบบพกพาสามารถเก็บได้ง่ายดายและใช้พื้นที่ในการใช้งานที่ไม่เยอะ ซึ่งการเลือกซื้อตัวเชื่อมสัญญาณบลูทูธ ผู้ซื้อก็ควรที่จะคำนึงถึงขนาดของอุปกรณ์ที่นำไปใช้ร่วมด้วยว่ามีขนาดใหญ่หรือมีขนาดเล็ก ใช้พื้นที่ในการตั้งวางมากแค่ไหน และเมื่อวางอุปกรณ์หลักแล้วจะเหลือพื้นที่ในการตั้งวาง ตัวเชื่อมสัญญาณบลูทูธ ถ้ามีพื้นที่เหลือมากก็สามารถใช้ตัวเชื่อมสัญญาณบลูทูธขนาดใหญ่ได้ แต่ถ้าไม่มีพื้นที่เหลือก็ควรเลือกซื้อเป็น ตัวเชื่อมสัญญาณบลูทูธที่มีขนาดเล็ก


2. เลือกให้ตรงกับจุดประสงค์การใช้งาน


ในการเลือกซื้อตัวเชื่อมสัญญาณบลูทูธนอกจากจะต้องคำนึงถึงในส่วนของขนาดแล้วนั้น อีกเรื่องที่ควรคำนึงถึงและมีความสำคัญไม่แตกต่างกันเลยก็คือ เลือกให้ตรงกับจุดประสงค์การใช้งาน เพราะถ้าผู้ซื้อรู้ว่าต้องการนำไปใช้งานประเภทไหน หรือใช้งานกับอุปกรณ์ใด ก็จะสามารถเลือกซื้อ ตัวเชื่อมสัญญาณบลูทูธ ให้คุ้มค่ามากที่สุดได้นั่นเอง เช่น สำหรับคนที่ต้องการใช้งานตัวเชื่อมสัญญาณบลูทูธในรถยนต์ ก็ควรที่จะเลือกรุ่นที่ออกแบบสำหรับการใช้งานในรถที่มีขนาดเล็กกะทัดรัด พกพาได้สะดวก รวมถึงในบางรุ่นก็อาจจะมาพร้อมรูปร่างหน้าตาที่เท่ทันสมัยเข้ากับรถยนต์มากกว่าที่จะนำไปใช้กับอุปกรณ์อื่น ๆ สำหรับใครที่ต้องการตัวรับสัญญาณบลูทูธไปใช้เชื่อมต่อกับตัวลำโพงบลูทูธก็ควรที่จะเลือกในรุ่นที่เหมาะกับการเชื่อมต่อกับลำโพงบลูทูธ หรือควรเลือกในรุ่นที่มาพร้อมเทคโนโลยีหรือมาตรฐานด้านการเชื่อมต่อเสียงที่มีคุณภาพสูง รองรับ Codec ต่าง ๆ ที่ทำให้สามารถส่งสัญญาณเสียงคุณภาพสูงแบบไร้สายได้เช่น aptX, aptX HD ไปจนถึง LDAC เป็นต้น และสำหรับคนที่ต้องการใช่งานเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ไปจนถึง Laptop ที่ไม่มีการเชื่อมต่อบลูทูธในตัวก็ควรที่จะเลือกในรุ่นที่ใช้การเชื่อมต่อ USB ที่สามารถเชื่อมต่อเข้ากับ Port ของคอมพิวเตอร์และใช้งานได้ทันที

วิธีเลือกซื้อตัวเชื่อมสัญญาณบลูทูธ

3. เลือกจากเวอร์ชั่นของ Bluetooth


2 ข้อข้างต้นเป็น วิธีเลือกซื้อตัวเชื่อมสัญญาณบลูทูธ จากรูปร่างหน้าตาภายนอกกันไปแล้ว ข้อต่อไปเพื่อให้ผู้ซื้อนั้นได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ตอบโจทย์ึความต้องการและทันสมัยมากที่สุด จึงเป็นในส่วนของการเลือกซื้อจากสเปกภายในหรือ เวอร์ชั่นของ Bluetooth เพราะต้องยอมรับเลยว่าเทคโนโลยีบลูทูธนั้นเวอร์ชั่นของบลูทูธเรียกได้ว่ามีความสำคัญเป็นอย่างมากถึงมากที่สุดก็ว่าได้ โดยในบลูทูธแต่ละเวอร์ชั่นจะมีความเร็วในการรับส่งข้อมูลและสามารถรับส่งข้อมูลได้กว้างและมีขนาดของข้อมูลที่ใหญ่แตกต่างกัน ยิ่งเป็นเวอร์ชั่นใหม่ก็ยิ่งส่งสัญญาณได้รวดเร็วและส่งข้อมูลได้ใหญ่มากยิ่งขึ้น โดยเวอร์ชั่นที่ยังคงใช้กันอยู่จะมีตั้งแต่เวอร์ชั่น 4.0 หรือเวอร์ชั่น 4.2 ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นเวอร์ชั่นพื้นฐานที่มีความเร็วเพียงพอสำหรับการใช้งานทั่ว ๆ ไป เหมาะสำหรับการใช้งานในพื้นที่อาคารและสำนักงาน แต่ในปัจจุบันได้มีการพัฒนาเป็นเวอร์ชั่น 5.0 ไปจนถึงเวอร์ชั่น 5.3 ทำให้การรับส่งข้อมูลของอุปกรณ์ต่าง ๆ ทำได้อย่างรวดเร็ว แม่นยำ มีความเสถียร ลดสัญญาณรบกวนได้ดี รวมไปถึงลดอาการหน่วงหรือดีเลย์และประหยัดพลังงานได้ดีอีกด้วย ทำให้สามารถใช้งานอุปกรณ์ต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากให้เปรียบเทียบกันระหว่างเวอร์ชั่น 4.0 กับเวอร์ชั่น 5.0 ที่ใหม่กว่าก็ต้องบอกเลยว่าเวอร์ชั่น 5.0 ที่ใหม่กว่าก็ย่อมสามารถใช้งานได้ดีกว่า


4. เลือกจาก Port การเชื่อมต่อระหว่างอุปกรณ์


และข้อสุดท้ายที่ควรคำนึงใน วิธีเลือกซื้อตัวเชื่อมสัญญาณบลูทูธ ซึ่งก็เป็นอีกข้อที่ตอบโจทย์การใช้งานเป็นอย่างมากนั่นก็คือการเลือกซื้อจาก Port การเชื่อมต่อระหว่างอุปกรณ์ เพราะในแต่ละอุปกรณ์มักจะมาพร้อมกับ Port การเชื่อมต่อที่แตกต่างกันออกไป และตัวเชื่อมสัญญาณบลูทูธในแต่ละรุ่นก็มาพร้อม Port การเชื่อมต่อที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงด้วยเช่นกัน ดังนั้นการเลือกซื้อให้ตอบโจทย์ความต้องการมากที่สุดจึงควรจะตรวจสอบดูว่าอุปกรณ์หลักนั้นมี Port การเชื่อมต่อแบบใดบ้าง และตัวเชื่อมสัญญาณบลูทูธมี Port เชื่อมต่อใดบ้าง สามารถเชื่อมต่อด้วยกันได้หรือไม่ก็จะสามารถเลือกซื้อได้ตอบโจทย์ความต้องการมากที่สุด เช่น อุปกรณ์คอมพิวเตอร์หรือ Laptop อุปกรณ์เหล่านี้ส่วนใหญ่จะมาพร้อม Port แบบ USB A ซึ่งเป็น Port มาตรฐานที่อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่ต้องมีและเลือกใช้กันอยู่แล้ว ถูกใช้เป็นช่องสำหรับเชื่อมต่ออุปกรณ์เสริมคอมพิวเตอร์อีกมากมายเป็นมาตรฐานของวงการ เช่น แฟลชไดรฟ์ เป็นต้น หรือจะเป็นในส่วนของอุปกรณ์เครื่องเสียง เช่น ลำโพงหรือชุดเครื่องเสียงในรถยนต์ ที่ปกติจะมาพร้อม Port AUX/3.5 mm. ที่มีลักษณะเป็นก้านยาวกลม ๆ ใช้สำหรับต่อสายหูฟัง ซึ่งพอร์ต USB Type-A และพอร์ต AUX 3.5 mm เป็นพอร์ตหลัก ๆ ที่นิยมใช้กันเป็นมาตรฐานของทั้ง 2 อุปกรณ์ เนื่องจากเป็น Port มาตรฐาน ผู้ใช้งานก็เพียงเลือกซื้อ ตัวเชื่อมสัญญาณบลูทูธ ที่รองรับ 2 Port นี้เท่านี้ก็สามารถใช้งานได้ร่วมกันได้แล้ว



และทั้งหมดนี้ก็คือ วิธีเลือกซื้อตัวเชื่อมสัญญาณบลูทูธ ที่ mercular.com ได้รวบรวมมาแนะนำเป็นข้อมูลให้ผู้อ่านได้นำไปเป็นส่วนประกอบในการตัดสินใจเลือกซื้อตัวเชื่อมสัญญาณบลูทูธกันในครั้งนี้ ในครั้งหน้าหากมีข้อมูลใด ๆ น่าสนใจและมีประโยชน์อีกทางทีมงานก็จะรีบรวบรวมมานำเสนอกันอีกอย่างแน่นอนครับ สำหรับครั้งนี้สวัสดีครับ

best-seller-ads
article-banner-1
article-banner-2