วิธีเลือกซื้อโดรนต้องดูอะไรบ้าง ?
7 เม.ย. 2563
โดรน (Drone) หรือเครื่องอากาศยานไร้คนขับถือว่าเป็นแก็ดเจ็ตที่มีการใช้งานแพร่หลายกันมากขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก ๆ ซึ่งในปัจจุบันผู้ใช้งานกล้องโดรนเหล่านี้สามารถพบเห็นได้แต่ช่างภาพ ช่างภาพยนตร์ ไปจนถึงนักท่องเที่ยวธรรมดา ๆ ด้วยราคาที่ไม่สูงมากเท่าแต่ก่อน และการหาซื้อที่ง่ายมากขึ้นนั่นเอง แต่แม้ว่าราคาจะเบาลงมา แต่การลงทุนกับไอเทมที่เรียกว่าโดรนนั้น ก็ยังเป็นเงินก้อนจำนวนหนึ่งอยู่ดี ฉะนั้นก่อนที่คุณจะเลือกซื้อโดรนมาแล้วไม่ตอบโจทย์การใช้งาน เรามาดูกันก่อนดีกว่าว่า มีปัจจัยใดบ้างที่คุณควรใส่ใจก่อนจะมีเครื่องบินโดรนตัวแรกเป็นของตัวเอง
ไลฟ์สไตล์ และ ความต้องการในการใช้งาน
Drone บางชนิดนั้นมีระยะควบคุมไกลมาก ๆ ถึง 8 กิโลเมตร สามารถถ่ายภาพภูเขา ทะเล ภาพวิวต่าง ๆ ชนิดที่เห็นคนในขนาดเม็ดงา ซึ่งพวกมันมักจะถูกนำไปใช้ในงานภาพยนตร์หรืองานถ่ายภาพระดับโปร ซึ่งแน่นอนว่าสำหรับ Backpacker การใช้งานโดรนในระดับอาชีพอาจจะไม่ตอบโจทย์และเป็นการลงทุนที่มากเกินไป อีกทั้งยังมีขนาดที่ใหญ่พกพายาก และเมื่อพกพายาก ก็ง่ายต่อการเกิดความเสียหายกับตัวเครื่องบินด้วยนั่นเอง นอกจากนั้นการควบคุมโดรนเองก็ไม่ใช่เรื่องง่าย สำหรับคนที่ไม่มีเซนส์ในการใช้งานพาหนะ โดรนขนาดใหญ่ก็จะควบคุมได้ยากกว่า เสียงต่อการตก และเกิดความเสียหายด้วยนั่นเอง ฉะนั้นถ้ามองภาพรวมโดยคร่าว ๆ นั้น โดรนก็จะถูกจำแนกออกแบบ 2 จำพวกใหญ่ ๆ ได้แก่ โดรนสำหรับมืออาชีพ และโดรนสำหรับมือสมัครเล่นนั่นเอง
ปัจจัยในการเลือกซื้อโดรน
ใบพัด
อย่างที่กล่าวไปว่าโดรนนั้นมีมากมายหลายขนาด บางตัวสามารถบินได้ไกลมากที่สุดถึง 8 กิโลเมตรเหมาะกับการถ่ายภาพสำรวจพื้นที่ หรือวิวแบบ Landscape ส่วนสำหรับผู้ใช้งานทั่ว ๆ ไปนั้นก็จะมีโดรนขนาดเล็กที่มีระยะบินอยู่ที่ประมาณหลัก 100 -500 เมตร สำหรับใช้เก็บภาพวิวทั่ว ๆ ไป หรือใช้เป็นกล้อง Hands-free สำหรับเก็บภาพมุมกว้างหรือภาพหมู่ ซึ่งขนาดและจำนวนของใบพัดนั้นส่งผลต่อระยะทางที่บินได้ของโดรนนั่นเอง เพราะใบพัดที่มีขนาดใหญ่นั้นก็สามารถแบกโดรนที่มีน้ำหนักได้มากขึ้น มีกำลังมากขึ้นสามารถพาโดรนไปได้สุงและไกลขึ้น รวมไปถึงจำนวนที่มากขึ้น ก็จะทำให้โดรนมีความเสถียรในการบินมากขึ้นและปลอดภัยขึ้นนั่นเอง เช่นโดยปกตินั้น โดรน 4 ใบพัดหากใบพัดใดใบพัดหนึ่งหยุดทำงาน โดรนก็จะตกโดยทันที แต่สำหรับโดรน 6 ใบพัดนั้น จะยังพอบินกลับมาได้
แบตเตอรี่
สำหรับโดรนส่วนมากนั้น แบตเตอรี่ 1 ก้อนจะใช้งานได้ประมาณ 30 – 40 นาที และสำหรับการใช้งานระดับมืออาชีพสำคัญมาก ๆ ที่จะมีแบตสำรองเอาไว้เพื่อใช้งานอย่างต่อเนื่องอย่างน้อย 1 ก้อน และพยายามเลือกซื้อโดรนที่มีช่วงเวลาการบินตั้งแต่ 30 นาทีขึ้นไป เพราะถ้าสั้นมากเกินไปแค่ส่งโดรนขึ้นบิน และหาตำแหน่งถ่ายภาพก็อาจจะหมดเวลาทำกินแล้วก็ได้ ไหนจะต้องเผื่อเวลาบินกลับด้วย ฉะนั้นถ้าแบตน้อยเกินไปก็ถือว่าไม่เหมาะกับการใช้งานนั่นเอง
น้ำหนัก
แต่เมื่อมีใบพัดมากขึ้น แบตเตอรี่ก็ต้องมากขึ้นไปด้วย ทำให้ตัวโดรนมีน้ำหนักที่มากขึ้นด้วย ซึ่งน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นมาจะช่วยให้โดรนสามารถต้านทานแรงลมต่าง ๆ ได้มากขึ้น เป็นเหตุผลว่าทำไมภาพรวมของโดรนระดับโปรถึงจะค่อนข้างมีน้ำหนัก และขนาดที่ใหญ่ ซึ่งถือว่าเป็นข้อแตกต่างระหว่างโดรนของมือสมัครเล่น และมืออาชีพที่ทำให้มีความสะดวกในการพกพาที่แตกต่างกัน แน่นอนว่าโดรนขนาดเล็กย่อมพาพาได้ง่ายกว่าด้วยขนาดและน้ำหนักที่ถือว่าเป็นข้อได้เปรียบ
ความละเอียดของภาพ
สำหรับกล้องโดรนในปัจจุบันถือว่ามีสเปคให้เลือกหลากหลาย อีกหนึ่งสิ่งที่จะช่วยผู้ใช้งานตัดชอยส์ในการเลือกซื้อก็คือความละเอียดของภาพนั่นเอง เพราะก่อนที่จะไปดูฟีเจอร์ ฟังก์ชั่น หรือแบรนด์ ราคาและความละเอียดภาพขั้นต่ำ จะเป็นตัวตัดสินให้คุณเลือกโดรนให้เหมาะกับตัวเองได้ สำหรับผู้ใช้งานทั่วไปภาพระดับ 2.7K ก็อาจจะถือว่าเหมาะสม หรือมากเกินไปด้วยซ้ำ แต่สำหรับคนที่ต้องการงานภาพวีดีโอก็อาจจะเหมาะกับภาพระดับ 4K ขึ้นไป ในส่วนนี้เพราะการถ่ายงานด้วยโดรนนั้นถือว่ามีความเสี่ยง การเก็บภาพควรจะเก็บเผื่อเอาไว้เสมอเพื่อที่จะไม่พลาดรายละเอียดสำคัญที่อาจจะเกิดขึ้นในชั่ววินาที และควรใช้โดรนที่สามารถเปลี่ยนระยะของภาพได้เพื่อความยืดหยุ่นในการใช้งาน แม้จะลงทุนสูงแต่ก็ครั้งเดียวจบ
ฟีเจอร์การใช้งาน และฟังก์ชั่นรักษาความปลอดภัย
อย่างต่อมาหลังจากคัดรุ่นที่สนใจได้แล้ว ก็คือฟังก์ชั่นการรักษาความปลอดภัยต่าง ๆ ซึ่งแน่นอนว่าระบบรักษาความปลอดภัยที่ดี อาจจะทำให้ราคาของโดรนสูงขึ้นมาก แต่อย่างน้อย ๆ ก็เป็นการการันตีให้คุณได้ว่าระหว่างการใช้งานตัวโดรนนั้นจะมีความปลอดภัยในการใช้งานแน่ ๆ เช่นระบบ GPS ที่ทำให้เราตามโดรนที่หลงทาง หรือโดนขโมยได้ ทั้งในกรณีโดรนตกกลางทาง ก็สามารถตามเก็บได้โดยง่ายนั่นเอง หรือใน DJI Mavic Pro ก็จะมีฟีเจอร์ Auto-Pilot ที่ตัวเครื่องจะบินกลับมายังตำแหน่งปล่อยตัวหากสัญญาณขาดหาย หรือพบว่าแบตเตอรี่ของตัวเองกำลังจะหมดไม่เพียงพอต่อการบินกลับถ้าบินไปต่อ ซึ่งฟีเจอร์เหล่านี้จะช่วยดูและให้โดรนอยู่กับคุณไปอีกนานแสนนาน ก่อนที่จะมาดูต่อในเรื่องของการประกันการซ่อมแซม โดยศูนย์ต่าง ๆ ในไทย ซึ่งปฏิเสธไม่ได้เลยว่า DJI ถือว่าได้เปรียบเป็นอันดับต้น ๆ ในเรื่องนี้ เนื่องจากตัวแบรนด์ถือว่าครองตลาดผู้ใช้โดรนส่วนมากในเมืองไทยทำให้มีการบริการที่เป็นมืออาชีพ อะไหล่ครบครันและมีศูนย์ให้บริการหลายจุดกระจายกันไป
บริการหลังการขาย และลงทะเบียนโดรน
ปิดท้ายด้วยบริการหลังการ ซึ่งการซื้อโดรนจากตัวแทนขายแต่ละเจ้านั้นก็จะมีบริการให้ความช่วยเหลือต่างกันตั้งแต่ยื่นลงทะเบียนโดรนให้ ไปจนถึง Service ต่าง ๆ และระยะประกันที่ต่างกัน ซึ่งการลงทะเบียนให้ผู้ซื้อนั้นก็ถือว่าเป็นบริการที่ดีและสะดวกมาก ๆ สำหรับคนที่สั่งซื้อแต่ตัวอยู่ต่างจังหวัดจะได้ไม่ต้องเข้ามาลงทะเบียนภายในกรุงเทพ ซึ่งแน่นอนว่าหลังจากการซื้ออากาศยานไร้คนขับแล้วไม่ว่าจะซื้อจากที่ไหน ราคาเท่าไหร่ ก็ต้องอย่าลืมลงทะเบียนโดรนของตัวเองที่เข้าข่าย รวมไปถึงขอใบอนุญาตใช้ย่านความถี่ของในช่วงบังคับของเราด้วย มิฉะนั้นนอกจากค่าโดรนราคาหลักหมื่นแล้วผู้ใช้งานอาจจะต้องจ่ายค่าปรับอีกหลักแสน และสำหรับใครที่สงสัยว่าโดรนของตัวเองนั้นเข้าข่ายที่จะต้องลงทะเบียนหรือไม่ก็ไปติดตามได้ที่บทความ “บินโดรนอย่างไรให้ถูกกฏหมาย” ได้เลย
โดยสรุปแล้วสำหรับการซื้อโดรนนั้นก็จำเป็นจะต้องดูเรื่องของการใช้งานของเราเป็นหลักนั่นเอง ต้องการใช้งานทั่ว ๆ ไปสำหรับมือสมัครเล่น หรืออยากได้โดรนขนาดใหญ่ไปเลยสำหรับใช้ถ่ายหนังหรือถ่ายภาพ Landscape กว้าง ๆ สามารถบินได้ไกล จากนั้นจึงค่อยดูในส่วนของแบตเตอรี่ว่าได้มาตรฐานมีระยะการบินใกล้เคียง 30 นาทีหรือไม่ ปิดท้ายด้วยฟีเอจร์ความปลอดภัยต่าง ๆ ซึ่งสำหรับแบรนด์อย่าง DJI แล้วก็วางใจได้ไม่มีปัญหา สำหรับบทความนี้ Mercular.com ก็หวังว่าจะช่วยให้ทุกคนสามารถเลือกซื้อโดรนได้อย่างถูกใจ และบินได้อย่างถูกต้อง ตามกฏหมาย และสำหรับใครที่กำลังมองหาโดรน DJI เจ๋ง ๆ อยู่ก็อย่าลืมเข้าไปดูเข้าไปซื้อกันได้ใน Mercular.com นะครับ !