ซื้อเมาส์เกมมิ่งถูกวิธี เลือกขนาด ประเภทที่ใช่ มีชัยไปกว่าครึ่ง
15 มี.ค. 2566
เมาส์เกมมิ่ง เปรียบเสมือนอาวุธของเหล่าเกมเมอร์ หากอาวุธตัวนั้นเข้ามือ เคลื่อนไหวได้ดั่งใจคิด มันจะกลายเป็นอาวุธชั้นดีที่สนับสนุนให้เกมเมอร์คว้าชัยชนะได้อย่างไม่ยากเย็น
เมาส์เกมมิ่งนั้นมีความแตกต่างจากเมาส์ทั่วไปสำหรับทำงานเป็นอย่างมาก ทั้งด้านดีไซน์ที่มีให้เลือกเยอะ สอดคล้องกับสรีระมือผู้ใช้งานที่แตกต่างกันออกไป จำนวนปุ่มที่มากกว่าแค่คลิกซ้าย คลิกขวา เซ็นเซอร์คุณภาพสูงที่ตามติดทุกการเคลื่อนไหวอย่างแม่นยำ และการเชื่อมต่อที่เสถียร ไม่ดีเลย์ นี่จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเกมเมอร์ ต้องใช้เมาส์เกมมิ่ง
แต่เมาส์เกมมิ่งในตอนนี้ก็มีให้เลือกเยอะเหลือเกิน ไหนจะต้องดูขนาด, รูปแบบการจับเมาส์, การเชื่อมต่อ, เทคโนโลยีเสริม, แล้วค่า DPI อะไรนั่นคืออะไร วันนี้เกมเมอร์คนไหนกำลังเจอปัญหา เลือกเมาส์ไม่ได้สักที ควรมีหลักการเลือกอย่างไร Mercular มีคำตอบครับ กับ “ซื้อเมาส์เกมมิ่งถูกวิธี มีชัยไปกว่าครึ่ง” มาเลือกคู่หูให้ถูกใจ สเปกที่ใช่ ตัวที่เข้ามือ
ก่อนซื้อเมาส์เกมมิ่ง ต้องดูอะไรบ้าง?
ที่เราเปรียบเมาส์เกมมิ่งเป็นอาวุธสำหรับเกมเมอร์ไม่เกินจริงเลยครับ เราต้องมีอาวุธที่มีขนาด สเปก การใช้งานที่เข้ามือ และสอดคล้องกับรูปแบบเกมที่เล่น มันจึงจะสามารถแสดงประสิทธิภาพของตัวเมาส์ และตัวผู้เล่นได้อย่างเต็มที่ หากเมาส์ใหญ่เกินไป จับไม่ถนัด ปุ่มไม่เพียงพอต่อการใช้งาน นั่นอาจทำให้การบังคับทิศทาง และการเคลื่อนไหวของเมาส์ไม่เป็นไปตามที่ต้องการ แล้วก่อนซื้อเมาส์เกมมิ่ง ต้องดูอะไรบ้าง มาลิสต์ไปพร้อมกันเลยครับ
ขนาด
เมาส์นะ ไม่ใช่เสื้อผ้า ไม่ต้องเผื่อโตเลย เมาส์เกมมิ่งในปัจจุบันมีให้เลือกหลายขนาด สอดคล้องกับขนาดมือของผู้ใช้งานที่แตกต่างกันไป ทั้งเล็ก กลาง และใหญ่ ซึ่งขนาดเมาส์ เราอาจอ้างอิงจากขนาดมือผู้ใช้งานได้ส่วนหนึ่ง แต่ถ้าได้ไปสัมผัสตัวจริงจะดีที่สุดครับ เพราะคนมือใหญ่ อาจไม่ได้ชอบเมาส์ใหญ่ ความพอดีมือ ความถนัด มันขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลนั่นเอง
น้ำหนัก
เมาส์ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเน้นความเบากันสุดๆ เมื่อก่อน 90 - 80 กรัมก็ว่าเบาแล้ว ตอนนี้มีต่ำกว่า 50 กรัมเป็นที่เรียบร้อย ความหนักความเบาของเมาส์ ก็ขึ้นอยู่กับความชอบ และการนำไปใช้งาน แม้เราจะบอกว่าเมาส์เบา ก็ต้องเคลื่อนไหวได้ง่ายและเร็วกว่า แต่หากคนมือหนักมาขยับเมาส์เบา ก็ยิ่งไปกันใหญ่ กะจังหวะไม่ถูก เมาส์หนักอาจตอบโจทย์กว่าก็เป็นได้
การจับเมาส์
การจับเมาส์สามารถแบ่งออกเป็น 3 รูปแบบหลัก นั่นคือ Palm Grip, Claw Grip และ Fingertip แต่ละรูปแบบจะมีการวางนิ้วและอุ้งมือบนเมาส์ต่างกัน จะวางเยอะน้อยแล้วแต่ท่า ท่าจับนี้จะส่งผลต่อการบังคับทิศทาง การกดปุ่ม ซึ่งสอดคล้องกับความถนัดและเกมที่เล่นนั่นเอง ตอนนี้ให้ลองนึกภาพตอนจับเมาส์ หรือลองจับเมาส์ของจริงดูก่อนเลย จะได้ทราบว่ากำลังจับเมาส์รูปแบบไหน
DPI / Polling Rate
ถ้าใครเคยอ่านสเปกของเมาส์ ต้องเคยเจอคำเหล่านี้มาบ้าง เมาส์ทำงานข้อมูลนี้อาจไม่ได้สำคัญมากนัก แต่สำหรับเมาส์เกมมิ่ง ยิ่งเมาส์ตัวนั้นมีค่า DPI สูง แปลว่ามีความละเอียดมากตามมา และหากมาพร้อมโปรแกรมที่สามารถปรับแต่งค่า DPI เมาส์ของเราก็จะสามารถเลื่อนได้ช้าเร็วตามต้องการ ส่วนค่า Pooling Rate คืออัตราการส่งข้อมูลของเมาส์ ยิ่งเยอะ ก็ยิ่งส่งได้ถี่มากขึ้น แต่ก็กินแบตเตอรี่มากเช่นกัน
การเชื่อมต่อ
การเชื่อมต่อของเมาส์เกมมิ่งก็เหมือนอุปกรณ์เกมมิ่งอื่นๆ นั่นคือระบบไร้สาย และมีสาย ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับความถนัด และความชอบของแต่ละคน แต่ละการเชื่อมต่อก็มีข้อดี และข้อจำกัดแตกต่างกันออกไป ทั้งนี้ก็ควรดูรูปแบบการเคลื่อนไหวเมาส์ของแต่ละคนด้วยครับ เกมที่บางคนเล่นไม่ต้องขยับเมาส์มากนัก หรือบางคนตั้งเมาส์ช้า และลากมันตั้งแต่มุมไปจบที่อีกมุมของโต๊ะ เหล่านี้รูปแบบการเชื่อมต่อจะมีผลมากเลยครับ ต้องเลือกให้ดี
ฟีเจอร์เสริม
ฟีเจอร์เสริมเองก็มีความสำคัญสำหรับเกมเมอร์ครับ หากดูทุกขั้นตอนเสร็จแล้วก็อยากให้แวะมาดูฟีเจอร์ของตัวเมาส์อีกเล็กน้อย เพราะมันจะช่วยสนับสนุนการใช้งานมากขึ้น เช่น เมาส์ที่มาพร้อมโปรแกรมปรับแต่ง ทำให้เราสามารถปรับเปลี่ยนคำสั่งของการกดเมาส์ได้ หรือจะเป็นเมาส์ที่มาพร้อมไฟ RGB ที่หลายคนชอบกัน ไม่เพียงเท่านั้น หากเมาส์ตัวนั้นมาพร้อมฟีเจอร์เสริมด้านระบบไร้สาย ก็ยิ่งเพิ่มความมั่นใจในการใช้งานแบบไร้สายมากยิ่งขึ้น
ซื้อเมาส์เกมมิ่ง ดูที่ขนาด
มาดูหัวข้อแรกกันครับ สำหรับเรื่องขนาดอย่างที่บอก ตัวเมาส์มีขนาดให้เลือกตั้งแต่เล็ก กลาง และใหญ่ ซึ่งขนาดเหล่านี้จะส่งผลต่อรูปแบบการจับเมาส์ จำนวนปุ่มที่มีบนเมาส์ และประเภทเกมที่เล่นด้วย
เมาส์ขนาดเล็ก
เมาส์เล็กๆ สามารถเลื่อนเมาส์ได้รวดเร็วเพราะมีน้ำหนักเบาตามตัว ขึ้นอยู่กับรุ่นนั้นๆ ของทางแบรนด์ แต่ก็มีข้อจำกัดที่คนมือใหญ่อาจจับได้ยาก เพราะนิ้วเรานิ้วเดียวอาจกินพื้นที่ไปแล้วกว่าครึ่งเมาส์ โดยเมาส์ขนาดเล็กจะพอดีกับคนมือเล็กมากกว่า และเหมาะกับเกมแนว FPS ที่มีการเคลื่อนไหวบ่อย และต้องรวดเร็วกว่าใคร
เมาส์ขนาดกลาง
ใหญ่ขึ้นมาอีกหน่อย แต่เป็นเมาส์ที่จับได้ถนัดมือที่สุด ไม่เล็ก ไม่ใหญ่จนเกินไป ทำให้ไม่ว่าจะเป็นผู้ใช้งานที่มีขนาดมือเท่าไหร่ก็ยังรู้สึกเป็นมิตรกับเมาส์ขนาดลกาง แถมยังควบคุมเมาส์ได้ง่ายอีกด้วย แต่จับไปนานๆ อาจเมื่อยมือได้หากเป็นขนาดที่ไม่พอดีมือจริงๆ การใช้งานของเมาส์ขนาดกลางจะเหมาะกับเกมทั่วๆ ไป ไม่ได้มีความต้องการอะไรเป็นพิเศษ
เมาส์ขนาดใหญ่
เมื่อเมาส์มีขนาดใหญ่ ทำให้การจับค่อนข้างถนัดมือ ไม่ต้องคอยหลบนิ้วอื่นๆ หรือเบียดนิ้วตัวเองให้ไม่โดนปุ่มกด แต่หากมันใหญ่เกินไป ไม่พอดีมือ จะส่งผลให้ต้องเกร็งจับเมาส์ตลอดเวลา เมื่อยมือได้ และด้วยขนาดที่ใหญ่ ทำให้มันมีพื้นที่สำหรับใส่ปุ่มลงไปเพิ่มได้เยอะ จึงเหมาะสำหรับการเล่นเกม MMORPG / MOBA ที่ต้องการปุ่มเยอะ และเหมาะสำหรับคนมือใหญ่ครับ
ซื้อเมาส์เกมมิ่ง ดูที่น้ำหนัก
น้ำหนักของเมาส์ขึ้นอยู่กับความชอบ และรูปแบบเกมที่เล่นเลยครับ บางคนอาจชอบเมาส์เบา เพราะเคลื่อนไหวได้รวดเร็ว แต่บางคนอาจไม่ชอบเพราะมันลื่นเกินไป อยากได้เมาส์ที่พอมีน้ำหนัก จะได้ควบคุมได้ดี แต่เรามาดูข้อดีและข้อจำกัดของเมาส์หนัก และเมาส์เบากันครับ จะได้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจ
เมาส์เบา
สมันก่อนเมาส์เบาๆ จะเลือกใช้กรอบแบบมีรูเพื่อลดการใช้วัสดุ แต่สมัยนี้เมาส์เบาเลือกการลดชิ้นส่วนและวัสดุภายในแทน ทำให้เรามองด้วยตาเปล่าอาจตอบไม่ได้ว่านั่นคือเมาส์เบา หรือเมาส์หนัก ข้อดีของเมาส์เบาคือไม่ต้องออกแรงในการเคลื่อนที่เยอะ พกพาง่าย และเมื่อใช้งานไปนานๆ จะไม่เมื่อยมือ เพราะออกแรงน้อยในการเคลื่อนไหว
แต่ก็มีข้อจำกัดหลักๆ คือวัสดุที่ใช้อาจไม่ค่อยแข็งแรงทนทานนัก เมาส์เบาจะเหมาะสำหรับการเล่นเกม FPS ที่ต้องรวดเร็วตลอดเวลา และเหมาะสำหรับท่าจับเมาส์แบบ Claw Grip และ FingerTip เพราะเป็นท่าจับเมาส์ที่ใช้ส่วนนิ้วในการเคลื่อนไหวเป็นหลัก ถ้าเมาส์หนัก แรงนิ้วไม่พอ ก็ยิ่งเมื่อยทั้งนิ้ว ทั้งมือไปกันใหญ่ครับ
เมาส์หนัก
เมาส์หนักเป็นอีกตัวเลือกที่หลายคนเลือกใช้ มีจุดเด่นที่มีน้ำหนักพอให้เราสามารถควบคุมเมาส์ได้แม่นยำ ไม่ได้ลื่นเหมือนเมาส์เบา และเมื่อไม่ต้องลดทอนวัสดุก็ทำให้มันมีความแข็งแรง ทนทานกว่า แต่ก็แลกมากับอาการเมื่อยนิ้ว เมื่อยมือเมื่อต้องใช้นานๆ เพราะยิ่งเมาส์หนัก ก็ยิ่งใช้แรงเยอะในการเคลื่อนไหว ทำให้เมื่อยมือได้นั่นเอง แต่หากใช้งานไปนานๆ จนชิน ปัญหานี้ก็ไม่รบกวนการใช้งานเท่าไหร่นัก
ทางด้านการใช้งาน เมาส์หนักจะเหมาะสำหรับการเล่นเกมที่เน้นควบคุม จริงๆ แล้วนำไปเล่น FPS ก็ยังได้ถ้าเกมเมอร์สบัดเมาส์ได้รวดเร็ว หรือจะเล่นเกมที่ไม่ต้องขยับเมาส์มากนัก แต่ต้องเลื่อนหน้าจอบ่อยอย่างเกม Strategy หรือ Simulator ส่วนการจับเมาส์ จะเหมาะกับรูปแบบ Palm Grip เพราะท่าจับเมาส์นี้จะใช้พื้นที่มือเยอะ ทำให้ออกแรงได้ดี ไม่เหมือนอีกสองท่าที่จับเฉพาะจุด
ซื้อเมาส์เกมมิ่ง ดูที่การจับเมาส์
หลายคนอาจไม่เคยคิดถึงเรื่องการจับเมาส์สักเท่าไหร่ ปกติแล้วจับตามที่ถนัด แต่ท่าที่เราจับนั้นมีชื่อเรียกเหมือนกัน ท่าจับเมาส์จะส่งผลต่อการบังคับ การกดปุ่ม และการออกแรงเคลื่อนไหวเมาส์ ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับความถนัดของผู้ใช้ ขนาดของเมาส์ และเกมที่เล่นด้วย ก่อนอื่นต้องรู้จักรูปแบบการจับเมาส์ของตนเองก่อน เพื่อให้วิเคราะห์ว่าเหมาะสมกับการเล่นเกมหรือไม่ เจอข้อจำกัดของการจับเมาส์รูปแบบนั่นหรือไม่ ถ้ามีอาจต้องลองเปลี่ยนท่าจับ หรือเอาให้ชิน จนปิดจุดที่เป็นข้อจำกัดนั้นลงได้
การจับเมาส์แบบ Palm Grip
การจับเมาส์รูปแบบนี้จะเป็นการวางทั้งฝ่ามือลงบนเมาส์ ส่วนที่นูนขึ้นมาของเมาส์สัมผัสกับอุ้งมือของเรา การออกแรงจึงเป็นการใช้ทั้งมือบังคับทิศทาง มีข้อดีที่ควบคุมเมาส์ได้ดี จับถนัด แต่มีข้อจำกัดที่ต้องออกแรงกดทั้งนิ้วในการคลิกปุ่ม และเคลื่อนไหวได้ช้ากว่าอีก 2 รูปแบบ แต่หากจับจนชำนาญ ก็แค่เสริมแรง หรือปรับ DPI ให้เหมาะต่อการใช้งานก็จะช่วยปิดข้อจำกัดตรงนี้ได้
การจับเมาส์แบบ Palm Grip เหมาะสำหรับคนใช้งาน DPI ต่ำ ใช้พื้นที่บนแผ่นรองเมาส์แบบเต็มสูบ เกมส่วนมากที่คนจับเมาส์ท่านี้เล่นจะเป็น FPS ที่ต้องแม่นยำต่อการเล็งเป้า และคนใช้งานเมาส์หนัก การจับเมาส์ท่านี้จะช่วยให้ออกแรงได้ดีขึ้นมากกว่าการจับเมาส์ด้วยนิ้วเหมือนกับ 2 ท่าที่เหลือ
การจับเมาส์แบบ Claw Grip
ตามชื่อเลยครับ ท่าจับนี้จะเหมือนเราใช้กรงเล็บจิกลงไปบนเมาส์ อุ้งมือจะยกขึ้นเล็กน้อย ส่วนนิ้วจะไม่แบนราบเหมือนท่า Palm Grip แต่จะตั้งขึ้น ทำให้กดได้แม่นยำ และด้วยการวางนิ้วโป้งที่ล่นลงมาส่วนท้ายเมาส์มากขึ้น ทำให้การออกแรงจากส่วนนี้มีมากขึ้น ส่งผลให้เคลื่อนไหวเมาส์ได้รวดเร็ว และควบคุมได้ดี แต่ใช้งานไปนานๆ จะเมื่อย เพราะต้องเกร็งส่วนนิ้วโป้งและยกนิ้วด้านบนเยอะ
การจับเมาส์แบบ Claw Grip เหมาะสำหรับการใช้งานที่คลิกบ่อย นิ้วจับแบบกรงเล็บนี้ช่วยให้กดเมาส์ได้ดี คนที่ใช้งาน DPI สูงๆ ก็เหมาะสำหรับท่านี้ เพราะควบคุมแรงได้ดี และคนใช้งานเมาส์เบาที่ต้องควบคุมแรงเช่นกันก็เหมาะกับท่าจับนี้นั่นเองครับ
การจับเมาส์แบบ Fingertip
ท่านี้จะมีส่วนที่สัมผัสกับเมาส์น้อยที่สุด ผู้ใช้งานจะเลื่อนอุ้งมือออกมานอกเมาส์ และใช้เพียงปลายนิ้ว วางบนปุ่มคลิก และบริเวณด้านข้างเพื่อเป็นการบังคับทิศทางเท่านั้น ข้อดีคือเลื่อนที่และคลิกเมาส์ได้รวดเร็ว แต่เนื่องจากนิ้วชี้และนิ้วกลางเป็นนิ้วหลักสำหรับการบังคับทิศทาง และยังต้องออกแรงเพื่อเคลื่อนที่ด้วย จึงทำให้ใช้ปุ่ม Scroll Wheel ลำบาก แถมยังบังคับได้ไม่แม่นยำเท่าไหร่นักเมื่อเทียบกับอีกสองท่าที่ผ่านมา เพราะมีส่วนสัมผัสเมาส์มากน้อยต่างกัน
การจับเมาส์แบบ Fingertip จะเหมาะสำหรับเกมที่ไม่ได้ต้องกด ต้องเคลื่อนไหวหน้าจอเยอะเท่าไหร่นักเช่นเกม MMORPG หรือเกม MOBA ที่ไม่ได้เน้นแม่นยำมากนัก แต่เน้นความคล่องมือ กดได้รวดเร็ว ไปเน้นสมาธิที่คีย์บอร์ดเสียมากกว่า
ซื้อเมาส์เกมมิ่ง ดูที่ DPI และ Polling Rate
ค่า DPI และ Polling Rate เป็นสเปกส่วนหนึ่งที่เกมเมอร์จำเป็นต้องดูกันหน่อยครับ ไม่อยากให้ข้ามเลย เพราะค่าเหล่านี้ส่งผลต่อการเลื่อนเมาส์ของผู้ใช้งาน และการส่งข้อมูลนั่นเอง
ค่า DPI หรือ CPI
Dots per Inch หรือ DPI เป็นมาตรฐานที่ใช้ในการวัดความไวของเมาส์ คือจำนวนพิกเซลที่เคอร์เซอร์เคลื่อนที่ได้เมื่อขยับเมาส์เช่น เราตั้งค่า 800DPI แปลว่า เมื่อเราขยับเมาส์ไป 1 ตารางนิ้ว เมาส์จะเคลื่อนที่ไป 800 Pixels นั่นทำให้เมื่อยิ่ง DPI ต่ำ เมาส์จะเคลื่อนที่ได้ช้า ตรงกันข้ามกับ DPI สูงที่ตัวเคอร์เซอร์จะไวมากเพียงแค่ขยับไปไม่เท่าไหร่
แต่ค่า DPI นี้จะสอดคล้องกับความละเอียดหน้าจอด้วย ยิ่งเราเลือกใช้จอคอมพิวเตอร์ความละเอียดสูงๆ จำนวนพิกเซลจะมากขึ้นด้วย เช่น Full-HD ที่มีความละเอียดที่ 1920x1080 px เทียบกับ 2K ที่มีความละเอียด 2560x1440 px จะเห็นได้ว่าความละเอียดต่างกัน ทำให้ค่า DPI เดียวกัน ก็อาจเคลื่อนที่ไม่เหมือนกัน เพราะความละเอียดหน้าจอต่างกันนั่นเอง
แล้วต้องซื้อเท่าไหร่ ปกติแล้วขึ้นอยู่กับความถนัดเลยครับ อย่างบางคนชอบเมาส์ช้า จะได้ควบคุมได้แม่นยำ ลากหัวคมๆ บางคนก็ชอบเมาส์เร็ว แต่ก็ลากหัวได้เช่นกัน แต่สมัยนี้เมาส์เกมมิ่งมีให้ปรับเยอะ บางตัวสูงสุดถึงหลายหมื่น แต่เราคงไม่ได้ใช้เยอะขนากนั้น ที่ควรมองหาจริงๆ คือตัวที่สามารถปรับ DPI ได้หลายระดับ มีเมมโมรี่ในตัว จะได้ปรับค่า DPI และบันทึกไว้ได้ จะได้เปลี่ยนจากเมาส์ได้ทันที สลับใช้ได้ตามสถานการณ์
Polling Rate
เป็นอัตราการส่งข้อมูลของเมาส์ โดยเมาส์ทั่วไปจะมีค่า Polling Rate อยู่ที่ 125Hz หมายความว่า ภายใน 1 วินาที เมาส์จะส่งข้อมูลตำแหน่งไปยังคอมพิวเตอร์ทราบ 125 ครั้ง หรือทุก 8 มิลลิวินาที ยิ่งมีค่า Polling Rate มาก ก็ทำให้คอมพิวเตอร์ทราบข้อมูลของเมาส์ได้ละเอียดมากขึ้น สำหรับเกมเมอร์แล้ว มองค่า Polling Rate สัก 500 - 1000 Hz จะดีที่สุดครับ เพราะเกมเมอร์ขยับเมาส์และรวดเร็วบ่อยครั้ง แต่ค่า Polling Rate ยิ่งสูง ก็ยิ่งกินแบตเตอรี่มากขึ้น สำหรับคนใช้งานเมาส์มีสายก็คงไม่ต้องกังวลเรื่องนี้มากนัก แต่สำหรับเมาส์ไร้สาย ก็อาจทำให้แบตเตอรี่หมดก่อนที่ควรจะเป็น
ซื้อเมาส์เกมมิ่ง ดูที่การเชื่อมต่อ
เมาส์เกมมิ่งก็เหมือนกับอุปกรณ์เกมมิ่งอื่นๆ คือมีทั้งแบบไร้สาย และแบบมีสาย การใช้งานแต่ละแบบก็มีข้อดี และข้อจำกัดต่างกัน ซึ่งขึ้นอยู่กับเกมที่เล่น รูปแบบการขยับเมาส์ และการใช้งานอื่นๆ แต่เมาส์บางรุ่นก็ใช้งานได้ทุกแบบ จะสายก็ดี ไร้สายก็ได้ ยิ่งไปกว่านั้น บางตัวไร้สายได้ถึง 2 ระบบด้วย เข้ากันได้ดีกับทุกอุปกรณ์เลยครับ
เมาส์เกมมิ่งมีสาย
การใช้งานแบบมีสาย แน่นอนว่ามันใช้งานง่าย เสียบแล้วใช้งานได้เลย ไม่ต้องคอยกดเชื่อมต่อแต่อย่างใด หาซื้อได้ง่าย และมีการส่งสัญญาณเสถียรอย่างแน่นอน แต่ก็แลกมากับสายที่เกะกะ บางคนใช้งาน DPI ต่ำ ลากเมาส์ครึ่งโต๊ะ สายเมาส์อาจไปติดกับอุปกรณอื่นๆ บนโต๊ะ ทำให้เคลื่อนไหวได้ไม่สะดวก แถมหากสายตกลงไปด้านล่างโต๊ะ ก็ต้องใช้แรงลากมากขึ้น จึงต้องคอยเก็บสายให้ดี และที่สำคัญ ต้องมีพอร์ต USB-A รองรับด้วยครับ ถึงจะใช้งานได้
เมาส์เกมมิ่งไร้สาย
เมื่อไร้สาย ก็ไร้ความเกะกะ จากลากเมาส์จากสุดโต๊ะไปใต้โต๊ะก็ยังได้ ไม่ต้องพะวงสายเลย แถมยังใช้งานได้ระยะไกล ไม่มีระยะสายมาเป็นข้อจำกัด แถมยังพกพาได้สะดวกสุดๆ แต่ด้วยความไร้สาย ก็แลกมากับการต้องตรวจสอบแบตเตอรี่บ่อยครั้ง เพราะหากแบตหมดระหว่างเล่น ก็มีหัวร้อนบ้าง บางรุ่นหากเทคโนโลยีไร้สายไม่ดี ก็อาจเกิดอาการดีเลย์กันได้ ส่วนการเชื่อมต่อ ส่วนมากจะผ่านดองเกิล USB-A ทำให้อุปกรณ์ที่ใช้งานร่วมต้องมีพอร์ตเช่นเดียวกัน แถมหากดองเกิลหาย ก็ใช้งานไม่ได้เลย
ซื้อเมาส์เกมมิ่ง ดูที่ฟีเจอร์เสริม
เป็นอีกหัวข้อที่พลาดไม่ได้เลยครับ ถ้าอยากได้เมาส์เกมมิ่งที่เข้ากับการใช้งานมากขึ้น หรือเมาส์ที่พร้อมสนับสนุนการเล่นเกมแบบเต็มประสิทธิภาพ ก็ไม่ควรมองข้ามบางฟีเจอร์เลยครับ
ไฟ RGB
ใครที่จัดห้องไว้พร้อมสำหรับเล่นเกม ก็มีเรื่องไฟ RGB อยู่ด้วยแน่นอน ถ้าเมาส์มาพร้อมไฟ RGB ก็ยิ่งเพิ่มความสวยงามขึ้นอย่างมาก และหากเมาส์และคีย์บอร์ดสามารถ Sync กันได้ ไฟ RGB ของทั้งสองอุปกรณ์ก็จะไปในทิศทางเดียวกัน เด่นกว่าใครเขาแน่นอน
ซอฟต์แวร์
การมีซอฟต์แวร์ของเมาส์เหมือนปลดล็อกให้เมาส์ตัวนั้นมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยโปรแกรมส่วนมากสามารถปรับแต่งคำสั่งรายปุ่ม ทำปุ่มมาโคร และยังปรับค่า DPI และ Polling Rate ได้ด้วย เพื่อให้เมาส์ตัวนั้นเข้ากับเกมที่เราเล่นมากที่สุด
ตุ้มถ่วงน้ำหนัก
เมาส์บางรุ่นมาพร้อมช่องสำหรับติดตั้งตุ้มถ่วงน้ำหนัก จุดประสงค์ไม่ได้ทำให้เมาส์หนักขึ้นเพื่อเพิ่มการควบคุมเท่านั้น แต่เป็นการเพิ่มศูนย์ถ่วงของเมาส์ เพื่อให้เหมาะสมต่อการใช้งานมากยิ่งขึ้น เช่น ถ่วงให้ฝั่งขวาหนักกว่า จะได้ขยับได้เข้ามือ
Lightspeed / Hyperspeed
ทั้งสองเป็นชื่อเทคโนโลยีไร้สายของแบรนด์เกมมิ่งเกียร์ เพื่อให้ผู้ใช้งานมั่นใจมากขึ้นแม้จะใช้งานเมาส์แบบไร้สายก็ตาม โดยเทคโนโลยีนี้จะช่วยให้การใช้งานไร้สาย ไร้อาการดีเลย์ เคลื่อนไหวได้ดั่งใจคิด
ชอบเล่นเกมแนวนี้ ซื้อเมาส์แบบไหนดีนะ ?
สำหรับเกมเมอร์ ไม่มีรูปแบบเมาส์ที่ตายตัวสักทีเดียว คนที่เล่นเกมเดียวกัน มีขนาดมือเท่ากัน อาจถนัดเมาส์ต่างกันไป เมาส์จึงเป็นสินค้าที่ผู้ใช้งานต้องสำรวจความชอบ และความต้องการของตัวเอง เมื่อเล็งเมาส์ตัวไหนไว้ ก็ควรได้ลองจับ ลองขยับด้วยตัวเอง จะได้รู้ว่าเข้ากับมือมากแค่ไหน แต่หากยังนึกภาพไม่ออก เรามีก็ไกด์เล็กๆ เพื่อให้การเลื่อกซื้อเมาส์ ตรงกับรูปแบบเกมที่เล่นมากขึ้น
เล่นเกมทั่วไป
สำหรับการเล่นเกมทั่วไป ไม่ได้มีสเปกเจาะจง ในด้านขนาดก็เลือกได้ตามความชอบ ขนาดที่เข้ามือ รวมถึงน้ำหนักเองก็เช่นกัน ไม่มีตายตัว ขอเพียงไม่หนักเกินไป หรือเบาจนคุมไม่อยู่ การเชื่อมต่อเน้นมีสายไว้ เพราะจะได้ไม่ต้องคอยชาร์จแบตเตอรี่ แถมยังมีราคาถูก ฟีเจอร์เสริมจะเน้นความสวยงามอย่างไฟ RGB ก็ได้ แต่อยากให้มีซอฟต์แวร์ เพื่อปรับแต่งเมาส์ให้ตรงกับการเล่นเกมมากที่สุด
เล่นเกม FPS
สำหรับเกม FPS ที่ต้องขยับเมาส์รวดเร็วและบ่อยครั้ง ควรดูเมาส์ขนาดเล็ก หรือกลางขึ้นอยู่กับขนาดมือเพื่อให้จับได้มั่นคง ควบคุมได้ เน้นน้ำหนักเบา เพราะเราเคลื่อนที่เมาส์บ่อยครั้ง จะได้ไม่เมื่อยมือ และยิ่งต้องขยับเยอะ เมาส์ไร้สายจะดีที่สุด จะได้ไม่มีสายมาเกะกะ ส่วนฟีเจอร์ ก็ควรมองหาตัวที่มาพร้อมเทคโนโลยีไร้สาย จะได้ไม่มีอาการดีเลย์ ถ้ามีซอฟต์แวร์มาด้วย เราจะได้ปรับความเร็ว DPI หรือปรับคำสั่งปุ่มได้นั่นเอง
เล่นเกม MMORPG / MOBA
สำหรับเกมเหล่านี้ต้องใช้ปุ่มเยอะ เมาส์กลาง และเมาส์ใหญ่จึงตอบโจทย์ เพราะยิ่งมีขนาดใหญ่ ก็ยิ่งมาพร้อมลูกเล่นอย่างจำนวนปุ่มที่มากกว่าปกติ จะได้กดสกิล กดเติมเลือดได้ผ่านเมาส์โดยตรง ส่วนน้ำหนักก็แล้วแต่ความชอบได้เลยครับ เพราะเกมเหล่านี้ไม่ได้ขยับเมาส์บ่อยมากนัก ทางด้านฟีเจอร์ที่อยากให้มีคือซอฟต์แวร์ จะได้ปรับแต่งคำสั่งปุ่มที่เพิ่มเข้ามา เป็นคำสั่งในเกมที่เราใช้บ่อย มันนิ้วแน่นอน
ซื้อเมาส์เกมมิ่งถูกวิธี ได้เมาส์ที่ถูกใจ ตัวที่เข้ามือ
เป็นอย่างไรกันบ้างครับสำหรับวิธีการซื้อเมาส์เกมมิ่งที่ถูกวิธี สำหรับใครที่กำลังเล็งเมาส์เกมมิ่งตัวใหม่ หรือผู้ที่อยากมีเมาส์เกมมิ่งตัวแรก คงได้วิธีการเลือกเมาส์ที่ถูกต้องไปแล้ว หัวข้อเหล่านี้จะเป็นไกด์ให้กับเกมเมอร์ ค่อยๆ สำรวจการใช้งานของตัวเองและการใช้งานที่ชอบ จะได้เลือกซื้อเมาส์เกมมิ่งที่เหมาะสมกับเกม และตัวผู้ใช้งานมากที่สุดนั่นเอง
หากใครกำลังมองหาอุปกรณ์สำหรับเล่นเกม ไม่ว่าจุะเป็นเมาส์เกมมิ่ง คีย์บอร์ดเกมมิ่ง หูฟังเกมมิ่ง หรืออุปกรณ์สำหรับสตรีมมิ่งอยู่ ที่ Mercular เรามีสินค้าให้เลือกมากมาย คัดสรรจากแบรนด์ชั้นนำ สินค้าคุณภาพ การรับประกันหลังการขายหายห่วงครับ