สายชาร์จมีกี่แบบ แต่ละแบบต่างกันยังไง?
5 ม.ค. 2565
อุปกรณ์เสริม ที่ถือได้ว่าเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลช่วยให้เราใช้งาน สมาร์ทโฟน รวมไปถึงอุปกรณ์เสริมอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นไอแพด แท็บเล็ต หูฟังไร้สาย รวมไปถึงแบตสำรองได้ยาวนานของสมาร์ทโฟนอย่าง iPhone 13 ที่จะมาพร้อมกับแบตเตอรี่ที่อึดขึ้น ใช้ได้นานขึ้น จึงส่งผลทำให้สายชาร์จก็ต้องมีการพัฒนาขึ้นไม่แพ้กัน หลายคนอาจมีข้อสงสัยไม่น้อยว่าในตอนนี้สายชาร์จ ที่เราใช้งานกันอยู่เป็นแบบไหน แล้วตอนนี้มีสายชาร์จแบบไหนให้เลือกใช้งานบ้าง วันนี้ Mercular.com มีบทความเล็ก ๆ อย่าง สายชาร์จในปัจจุนี้มีกี่แบบ? แต่ละแบบต่างกันยังไงบ้าง? เพื่อที่ว่าจะได้เลือกใช้งานกันให้ถูกต้อง และเหมาะสมกับอุปกรณ์ที่เราใช้งานอยู่ครับ
การดูแลสายชาร์จให้คงสภาพใหม่ นอกจากจะช่วยให้ใช้งานได้มีประสิทธิภาพดีแล้ว ยังส่งผลให้เราไม่ต้องเสียเงินซื้อใหม่!
สายชาร์จแท้ คืออะไร ทำไมต้องเลือกใช้ ?
หลายอาจคิดว่า สายชาร์จที่มีขายอยู่ทั่วไป คุณสมบัติก็คงไม่ต่างกัน แต่ความเป็นจริงแล้วมีความแตกต่างกันอยู่มาก โดยเฉพาะผู้ใช้งาน iPhone ต้องหันกลับมาคิดใหม่แล้ว เพราะสาย Lightning ของ Apple นั้นเป็นสายชาร์จที่มีความอัจฉริยะมากในตัวสายจะมีชิป Lightning สามารถตรวจสอบได้ว่า ตัวสายนี้มีคุณภาพหรือไม่ หรือเป็นของปลอมหรือไม่ หากเราใช้งานสาย Lightning ปลอม ผลก็คือ เครื่อง iPhone จะไม่ยอมรับให้เราชาร์จไฟเข้า accessories not supported จนทำให้ตัวเครื่องอาจเกิดปัญหาขึ้นได้ในอนาคต และอาจทำให้เราเสียเงินไปฟรีๆ ดังนั้นการลงทุนกับสายชาร์จโทรศัพท์ที่ได้มาตรฐานนั้นจะช่วยให้คุณมีความปลอดภัย และชาร์จแบตได้อย่างไม่มีสะดุด เป็นการช่วยถนอมแบตเตอรี่ของอุปกรณ์นั่นเอง เราควรเลือกสายชาร์จไอโฟนที่ได้มาตรฐาน MFI เท่านั้น เพื่อที่จะทำให้เราใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยนอกจากสินค้าจากแบรนด์ Apple แล้วยังมีแบรนด์ผู้ผลิตอีกมายที่ได้รับ Logo MFI เช่นกัน ที่เราก็สามารถเลือกใช้งานได้อย่างมั่นใจไม่ว่าจะเป็น Belkin, Nomad และ Anker เป็นต้น
ก่อนที่จะซื้อสายชาร์จเพื่อใช้งาน เราต้องรู้ก่อนว่า สมาร์ทโฟนของเรารองรับสายชาร์จแบบไหน
นอกจากสายชาร์จของระบบ iOS แล้ว อีกหนึ่งสายชาร์จ ที่คนส่วนใหญ่นิยมใช้งานกันนั่นก็คือ สายชาร์จระบบ Android ที่มาในหัวพอร์ตแบบ USB Type C และ สาย Micro USB ส่วนใหญ่มักจะไม่ค่อยพบปัญหาการเสียบชาร์จไม่เข้า สิ่งที่อาจจะเจอคือ ปัญหาที่เลือกสายชาร์จจ่ายไฟไม่ตรงตามอุปกรณ์ที่เราใช้งานอยู่ สายชาร์จ USB Type C และ สาย Micro USB ถือว่าหาซื้อได้ค่อนข้างง่าย ราคาก็มีตั้งแต่หลักร้อยไปจนถึงหลักพัน ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ มากมาย แต่แน่นอนว่าสายชาร์จที่มีราคาแพงก็ย่อมมาพร้อมกับคุณภาพ เทคโนโลยีที่ใหม่กว่าที่ดีกว่า ซึ่งถ้าสายชาร์จไม่ดีไม่ได้มาตรฐาน ก็ส่งผลให้ชาร์จแบตเตอรี่ได้ช้าลง แบตเตอรี่เสื่อมไว เครื่องร้อน จนอาจเกิดการระเบิดได้ เรื่องคุณภาพของสายชาร์จของ Android ก็ดูได้ไม่ยาก ส่วนใหญ่คนนิยมใช้สายชาร์จจากแบรนด์ ผู้ผลิตมือถือ อย่างสายชาร์จ Samsung, Xiaomi หรือ Huawei นอกจากนี้ยังมีอีกหลายแบรนด์ที่เริ่มหันมาผลิต สายชาร์จนี้มากขึ้นอีกด้วยครับ
5 สายชาร์จ ที่คนนิยมเลือกใช้งานกันอยู่
1. สายชาร์จไอโฟน
ขอเริ่มต้นด้วยสายชาร์จยอดนิยมอย่าง สายชาร์จไอโฟน หรือ สายชาร์จ iPhone มาในพอร์ตหัว USB A to Lightning สายแบบเดียวกับที่แถมมากับตัวเครื่อง iPhone/iPad รุ่นก่อนๆ เป็นสายชาร์จที่ได้มาตรฐานที่ใช้ทั้งชาร์จแบตเตอรี และถ่ายโอนข้อมูล ดีไซน์สายนอกจากสวยงาม สีขาวดูพรีเมียมแล้ว วัสดุที่ทางแบรนด์ Apple เลือกเป็นมิตรกับธรรมชาติ ดังนั้นหากว่าเราใช้งานไม่ระมัดระวังก็อาจจะเกิดอาการขาด เกิดการเหลือง หรือเปื่อยขาดได้ง่าย จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้สายชาร์จไอโฟนจากแบรนด์ทางเลือกต่าง ๆ หันมาได้รับความสนใจมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีสายแบบ USB C to Lightning ที่รองรับการชาร์จเร็วให้กับ iPhone/iPad Pro ที่จะทำให้ช่วยลดระยะเวลาในการชาร์จลงไปได้มากขึ้น ซึ่งจะถูกพัฒนาตั้งแต่รุ่น iPhone 8 ขึ้นไป ทำให้ชาร์จแบตเตอรี่ได้ 50% ภายในระยะเวลาเพียง 30 นาที แต่จำเป็นต้องใช้คู่กับหัวชาร์จเร็วที่สามารถรองรับการจ่ายไฟแบบ PD ด้วย ถ้าเป็นหัวชาร์จแบบธรรมดาทั่วไป การจ่ายไฟแบบ PD ก็จะไม่เกิดขึ้นครับ
2. สายชาร์จ Type C
สายชาร์จ Type C สายแบบ USB A to USB C ที่มาพร้อมความปลอดภัยในการใช้งานมากกว่าสายชาร์จแบบปกติ นอกจากนี้ยังรองรับการจ่ายไฟตั้งแต่ 3 A ถึง 5 A สามารถเสียบปลายสายด้านใดก็ได้ สายชาร์จที่ถูกพัฒนาให้ชาร์จไวขึ้น พร้อมถ่ายโอนข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว ปัจจุบันสาย USB Type-C ถูกพัฒนามาจนถึงเทคโนโลยีเวอร์ชั่น 3.1 สามารถส่งข้อมูลได้ในอัตราความเร็วที่สูงกว่า วิดีโอ 4K และทำให้การถ่ายโอนไฟล์ข้อมูลได้สูงสุดถึง 10 Gbps มีประสิทธิภาพมากขึ้น
3.สายชาร์จ Micro USB
ถือได้ว่าเป็นสายชาร์จ Micro USB ที่ออกแบบมาเพื่อ รองรับการใช้สำหรับสามาร์ทโฟนระบบ Android ทั่วไป รวมไปถึงระบบ Window Phoneที่รองรับการชาร์จ ทั้งยังสามารถถ่ายโอนข้อมูลได้ แต่ในปัจจุบัน Smartphone เหล่านี้ส่วนใหญ่มักจะไม่ค่อยมีคนเลือกใช้งานกันมากเท่าไหร่ เลยส่งผลให้ อุปกรณ์เสริมอย่าง ลำโพงบลูทูธ, หูฟังบลูทูธ รวมไปถึงอุปกรณ์อื่นๆ ที่ไม่ต้องการกำลังไฟในการชาร์จมาก ที่ยังเลือกใช้งานสายประเภทนี้อยู่ นอกจากนี้ยังหาซื้อได้ค่อนข้างง่าย ราคาจึงไม่ค่อยสูงมากเมื่อเทียบเท่ากับสายชาร์จไวที่จะมาพร้อมเทคโนโลยีใหม่ๆ ครับ
4.สายชาร์จ 3in1 / สายชาร์จ 2in1
อีกหนึ่งสายชาร์จที่ได้รับความนิยมไม่แพ้กัน สายชาร์จ 3in1 / สายชาร์จ 2in1 จุดเด่นอยู่ที่เป็นพอร์ตชาร์จแบบมัลติฟังก์ชันที่รองรับการใช้งานได้หลายพอร์ต นอกจากจะสามารถชาร์จแบตเตอรีได้แล้ว ยังซิงก์ข้อมูลจากสมาร์ทโฟนของคุณไปยังอุปกรณ์อื่นๆ ได้อีกด้วย ดีไซน์จะมาในรูปแบบสายแบบ USB A ที่มีพอร์ตอีกฝั่งที่สามารถเปลี่ยนได้หลายหัวทั้ง USB C, Lightning และ Micro USB จึงทำให้ใช้งานได้หลากหลาย ถือว่าเป็นสายที่คุ้มค่าพกแค่สายเดียวก็ใช้งานได้คุ้มค่า เหมาะกับคนที่มี Smartphone/Tablet หลายเครื่องที่มีช่องชาร์จต่างกันครับ
5.สายชาร์จอื่นๆ
นอกจากนี้ยังมี สายชาร์จอื่นๆ ที่ออกแบบมาสำหรับอุปกรณ์บางอย่างโดยเฉพาะ อย่างเช่น สายชาร์จ Apple Watch สายชาร์จแบบแม่เหล็กสำหรับ Apple Watch ที่จะไม่สามารถใช้งานร่วมกับสายชาร์จประเภทอื่นๆ ได้เลยครับ
ก็จบลงไปแล้วกับ Buying Guide สายชาร์จมีกี่แบบ แต่ละแบบต่างกันยังไง? ที่เรานำมาแนะนำกันในวันนี้ ที่จะช่วยให้ผู้ซื้อสายชาร์จทุกคนเข้าใจมากขึ้น ว่าสายชาร์จที่เราใช้งานอยู่เป็นสายชาร์จประเภทใด แล้วควรเลือกใช้งานอย่างไรให้เหมาะสมกับอุปกรณ์ที่เราใช้งานกันอยู่ รับรองเลยว่า หากเราเลือกใช้งานสายชาร์จได้ถูกต้อง จะช่วยส่งผลให้เราชาร์จใช้งานได้อย่างดี ใช้งานได้นานขึ้น ไม่ต้องคอยมาเปลี่ยนสายชาร์จอยู่บ่อย ๆ วันนี้ Mercular อยากจะมาแนะนำ สายชาร์จคุณภาพดีแบรนด์ชั้นนำ ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ Apple, Belkin, Unitek, Remax, Energea, Nomad, Anker และ Aukey เป็นต้น แบรนด์เหล่านี้มักเป็นที่นิยมที่คนส่วนใหญ่เลือกซื้อใช้งานกัน จึงมั่นใจได้ในเรื่องของปลอดภัย ดังนั้นก่อนทำการเลือกซื้อสายชาร์จ เราควรเลือกสายชาร์จให้เหมาะสมเพื่อจะใช้งานได้อย่างถูกต้อง