เลือกหัวชาร์จโทรศัพท์ สายชาร์จเร็วดูยังไง ? ให้เครื่องไม่พัง
18 พ.ค. 2564
สายชาร์จมือถือ หัวชาร์จมือถือ หลาย ๆ คนอาจจะมองว่าใช้รุ่นไหนก็เหมือนกัน แต่จริง ๆ แล้ว สายชาร์จ และหัวชาร์จ ที่ไม่ได้มาตรฐานจะทำให้แบตเตอรี่ของคุณเสื่อมสภาพลงอย่างแน่นอน
สายชาร์จแท้ หัวชาร์จแท้ คืออะไร ทำไมต้องมี
หลาย ๆ คนอาจจะคิดว่า สายชาร์จแท้คืออะไรทำไมต้องมี มีแล้วเปลืองตังเปล่า ๆ อาจจะต้องคิดใหม่ โดยเฉพาะ iPhone User ที่ต้องซีเรียสกับเรื่องนี้สุด ๆ เพราะสาย Lightning ของ Apple นั้นเป็นสายชาร์จอัจฉริยะที่สามารถสื่อสารกับเครื่องและ อะแดปเตอร์ชาร์จไฟได้ ซึ่งถ้าชิปบนสาย Lightning นั้นไม่ได้คุณภาพ หรือเป็นของปลอม ก็อาจจะทำให้การสื่อสารนั้นล่ม ผลก็คือตัวเครื่องไม่ยอมรับให้ไฟเข้ากลายเป็นเคส accessories not supported จนทำให้หลาย ๆ คนต้องหัวร้อนกัน การลงทุนกับสายชาร์จที่ได้มาตรฐานนั้นจะช่วยให้คุณมีความปลอดภัย และชาร์จแบตได้อย่างลื่นไหล ถนอมแบตเตอรี่ของอุปกรณ์นั่นเอง ส่วนหัวชาร์จนั้นก็ไม่ต่างกัน อะแดปเตอร์ชาร์จไฟเหล่านี้หลาย เจ้าก็ผลิตมาไม่ได้มาตรฐาน ทำให้เมื่อใช้งานกับสายชาร์จเร็ว (Fast Charge Cable) หรือทำงานต่อเนื่อง ๆ นาน เกิดเป็นการจ่ายไฟไม่เสถียรสร้างความเสียหายให้กับแบตของอุปกรณ์ รวมไปถึงอาจจะทำให้เกิดการระเบิดของหัวชาร์จไฟได้เช่นกัน
วิธีดู สายชาร์จ iPhone แท้ ทำยังไง ?
แน่นอนว่าเขียนเชียร์มาแล้วครึ่งทางขนาดนี้ทาง Mercular.com ก็ต้องมาพร้อมกับเทคนิคดี ๆ ในการเลือกสายชาร์จ iPhone แน่นอน โดยหลักการในการเลือกทั้งสายธรรมดา และสายชาร์จเร็ว iPhone นั้นง่ายมาก ๆ และมีหลักการหลักแค่อย่างเดียวเท่านั้น คือให้เราสังเกต Logo MFI (ตามภาพประกอบ) ที่แปลว่าสินค้านี้ถูกออกแบบมาให้ใช้งานกับ iOS Device เท่านั้น บนแพคเกจสินค้า ก็จะเป็นการการันตีว่าสายชาร์จนั้นสามารถใช้งานกับเครื่อง iOS ของเราได้อย่างไม่ติดขัด แต่ถ้าไม่มีก็อนุมานไว้ก่อนได้เลยว่าตัวสายชาร์จที่คุณได้มา ทางแบรนด์ไม่ได้ขออนุญาต Apple หรือไม่ใช่ Partner กัน แน่นอนว่าชาร์จไปไม่ต้องครบเดือนปัญหา iPhone accessories not support เด้งขึ้นมาให้คุณแก้แน่ ๆ โดยนอกจากสินค้าจาก Apple แล้ว Brand สายชาร์จ Partner ที่ได้รับ Logo MFI นั้นก็จะได้แก่ Belkin, Nomad และ Anker เป็น 3 แบรนด์ใหญ่ ๆ นั่นเอง แต่แน่นอนว่ายังมีอีกหลายแบรนด์หลายตัวเลือกที่สามารถใช้งานกับเจ้า Smartphone ตัวนี้ได้
Mercular Tips - ข้อเสียจากการใช้สายชาร์จ Apple ปลอมคือ สายชาร์จควบคุมแรงดันไฟได้ไม่ดี แบตเสื่อม แบตบวม เครื่องร้อน อายุการใช้งานสายสั้น ไม่นานก็ขึ้น Not Support
สายชาร์จ Android แท้ มีไหม ? มีอะไรบ้าง
ตัดมาที่ฝั่ง Android กันบ้าง ที่ชาว Android Gadget อาจจะไม่คุ้นหูกับคำว่าสายชาร์จแท้มากกว่า Apple เพราะฝั่ง USB Type C และ สาย Micro USB นั้น ไม่ค่อยมีปัญหางอแง เมื่อไฟไม่ได้ตามสเปค หรือไม่ได้พยายามสื่อสารระหว่างหัวชาร์จมือถือและตัวเครื่องขนาดนั้น ทำให้ไม่มีปัญหาแม้ว่าจะใช้งานสายชาร์จเส้นละร้อย หรือเส้นละพันก็สามารถชาร์จไฟได้เหมือนกัน แต่แน่นอนว่าสายที่แพงกว่าก็ย่อมมาพร้อมกับคุณภาพที่ดีกว่า ซึ่งข้อเสียก็ไม่ต่างอะไรกับของ iPhone ถ้าสายไม่ดี ก็ชาร์จแบตเตอรี่ได้ช้า แบตเตอรี่เสื่อมไว เครื่องร้อน ชาร์จไปเล่นเกมไปไม่ไหวนั่นเอง โดยคุณภาพสายชาร์จของ Android นั้นก็ดูง่ายมาก คือเลือกใช้สายชาร์จยี่ห้อที่คุ้นหูโดยเฉพาะเจ้าของมือถือเองอย่างสายชาร์จ Samsung, Xiaomi หรือ Huawei ซึ่งเป็น สายชาร์จ ราคาถูก อยู่แล้ว แม้ว่าจะไม่ถูกที่สุดในตลาด แต่ปัญหาน้อยกว่าแน่นอน
ปัจจัยอื่น ๆ ในการเลือกสายชาร์จมีอะไรบ้าง
นอกจากการดูสัญลักษณ์ต่าง ๆ บนสายชาร์จแล้ว ถ้าเกิดคุณอยากจะเลือกซื้อสายชาร์จมือถือด้วยตัวเองในเชิงลึก ก็สามารถทำได้โดยพิจารณาจากสเปคต่าง ๆ ของตัวสายได้เช่นกัน โดยสเปคของตัวสายนั้นจะมีส่วนสำคัญอยู่ที่ ปริมาณที่กระแสไฟสามารถผ่านได้ (แอมแปร์) หรือถูกย่อด้วยตัว A บนแพคเกจเช่น สาย 1 A หรือสาย 2.1 A ซึ่งแน่นอนว่าสายที่ตัวเลขมากกว่าก็จะสามารถส่งกระแสไฟได้มากกว่า และชาร์จได้ไวกว่านั่นเอง *แต่ก็ต้องอย่าลืมว่า หัวชาร์จของเราสามารถจ่ายไฟได้ในปริมาณที่สายรองรับด้วย
เลือกสายชาร์จแบบไหนดี สายแบน สายกลม หรือสายถัก ?
อีก 1 ปัญหาโลกแตกสำหรับคนมีมือถือ ที่ต้องเปลี่ยนสายชาร์จเองครั้งแรก คือเลือกไม่ถูกว่าเอาสายแบบไหนดี ซึ่งในตลาดปัจจุบันก็มีการออกแบบสายชาร์จมือถือหลัก 3 รูปแบบ คือสายกลม ธรรมดา ๆ สายแบน และสายถัก ซึ่งทั้ง 3 รูปแบบนั้นก็จะมีการใช้งานแตกต่างกันออกไปไม่มากก็น้อยดังนี้
- สายกลม: สายชาร์จแบบเส้นกลมจะมีความยืดหยุ่นสูง แต่ความทนทานอาจจะไม่สูงมากนัก แต่ไม่ถูกจำกัดทิศทางและองศาในการโค้งงอ เหมือนสายอีก 2 แบบ
- สายแบน: สายชาร์จเส้นแบนโดยพื้นฐานจะมาพร้อมกับจุดขายอย่าง ขาดยาก ไม่พันกัน เหมาะกับการพกพา
- สายถัก: สำหรับสายชาร์จที่เป็นสายถักนั้นจะขึ้นชื่อในเรื่องความทนทานของวัสดุห้ามสาย โดยเหยียบได้ตกพื้นได้ ถึกทนนาน โดยเฉพาะถ้าเป็นถักโลหะ ถือว่าเป็นอันดับ 1 ในเรื่องความทานแน่ ๆ แต่จะมีปัญหาเรื่องการบิดโค้งงอทำได้ไม่เท่าสายอื่น ๆ และมีราคาสูงเริ่มต้นกว่า
แล้วสาย 2.1 A / สาย 3 A ใช้แล้วแบตเสื่อมจริงไหม
แต่ในความสเปคแรง หลาย ๆ คนอาจจะกังวลว่าสายชาร์จที่ไฟสูงมาก ๆ อาจจะก่อให้เกิดอันตรายทั้งแบตเสื่อม ไปจนถือมือถือระเบิด ถามว่าจริงไหม คำตอบก็คือ “จริง” แต่ ถ้าใช้สายที่ไม่ได้มาตรฐาน จากแบรนด์ที่เราไม่รู้จัก แต่สำหรับสายชาร์จที่มีคุณภาพและมาตรฐาน อย่างที่เราได้บอกไป ทั้งสายชาร์จ Lightning และสายชาร์จ USB Type C จะสื่อสารกับเครื่อง และหัวชาร์จของเราเองว่าควรชาร์จความเร็วเท่าไหร่ ต้องเพิ่มหรือลดกำลังไฟในจังหวะไหน อาจจะฟังดูเกินจริง แต่เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นในทุก ๆ ครั้งที่คุณชาร์จไฟและเป็นการทำให้ฟีเจอร์ชาร์จเร็วของคุณปลอดภัยมากขึ้น
วิธีการเลือกหัวชาร์จ ให้ปลอดภัย
แต่ปัญหาของการเลือกอุปกรณ์ชาร์จแบตมือถืออาจจะมีมากกว่านั้นเพราะนอกจากสายชาร์จแล้ว หัวชาร์จ ถือว่าเป็นอีก 1 อุปกรณ์ที่กำหนดชีวิตของเราได้ไม่ต่างจากสายชาร์จเลย อย่างที่เราเห็นข่าว มือถือระเบิดบ่อย ๆ อยู่ช่วงหนึ่ง นอกจากสาเหตุจะมาจากตัวมือถือแล้วก็มีโอกาสที่จะมาจากตัวหัวชาร์จนี่แหละเป็นอันดับต้น ๆ เพราะหัวอะแดปเตอร์พวกนี้มีหน้าที่คุมแรงดันไฟ ให้เสถียรและพอเหมาะสำหรับมือถือในปัจจุบัน และสื่อสารกับสายชาร์จ Lightning หรือ สายชาร์จ Type C ให้จ่ายกำลังไฟให้พอเหมาะ แต่หัวชาร์จราคาถูก ไม่ได้คุณภาพ นั้นอาจจะทำหน้าที่ในส่วนนี้ได้ไม่ดีเท่าไหร่ หรือจัดการกับแรงดันไฟได้ไม่ดีพอจนฮีท และระเบิดสร้างความเสียหายให้กับทั้งชีวิตและทรัพย์สินได้ แน่นอนว่าสินค้าจากแบรนด์ชั้นนำก่อน ๆ ที่เราได้กล่าวไปแล้ว ย่อมไว้วางใจและปลอดภัย แต่นอกเหนือจากการเลือกซื้อสินค้าของแบรนด์แนะนำแล้ว เรายังมีวิธีดี ๆ ในการเลือกซื้อหัวชาร์จแท้ง่าย ๆ มาเล่าให้ฟัง
วิธีการเลือกซื้อหัวชาร์จ ยี่ห้อไหนดี ?
สำหรับวิธีการเลือกซื้อหัวชาร์จนั้นจะแบ่งจุดสังเกตออกเป็นหัวข้อหลัก ๆ ได้แก่
- ปริมาณไฟขาเข้า: บางครั้งคุณกลับมาจากการเรียนต่อต่างประเทศ แต่มือถือที่คุณซื้อที่นั่นทำไมถึงเอากลัวมาชาร์จที่ไทยไม่ได้ หรือมีกลิ่นไหม้บนอะแดปเตอร์ ส่วนมากก็มาจาก ปริมาณไฟขาเข้าที่แตกต่างกัน (ตามปกติบ้านเราไฟแรงกว่าที่อื่น ทำให้ส่วนมากจะเกิดอาการหัวชาร์จไหม้) แม้ว่าหัวชาร์จใหม่ ๆ ส่วนมากจะเป็น Smart Charger กันหมดแล้ว แต่ถ้าซื้อมาจากต่างประเทศพอกลับไทยถ้าไม่ใช่ของแบรนด์ใหญ่ ๆ อย่างหัวชาร์จ Apple หัวชาร์จ Samsung หรือระดับเทียบเท่ากัน แนะนำให้ลองหาซื้อใหม่ในไทยเพื่อความชัวร์ ไม่อย่างนั้นอาจจะสร้างความเสียหายให้ทั้งสายชาร์จและหัวชาร์จได้
- ปริมาณไฟขาออก: ต่อมาเรามาดูที่ปริมาณไฟขาออกว่าตัวหัวชาร์จสามารถขับไฟออกได้เท่าไหร่ กระแสเท่าไหร่ ก็มาจาก W และ A ของตัวอะแดปเตอร์เรานี่แหละ โดยการหัวชาร์จมือถือทั่วไปก็จะเริ่มต้นที่ 5 W ไปจนถึง 20 W สำหรับหัวชาร์จเร็ว (Fast Charger) ส่วนกระแสนั้นก็พยายามเลือกให้สัมพันธ์กับสายชาร์จของเรา เช่นถ้าเราใช้สาย 2.1 A ตัวหัวก็ควรเป็น หัวชาร์จ 2.1 A เป็นต้น
- สัญลักษณ์ Certified ต่าง ๆ : ปิดท้ายด้วย สัญลักษณ์ Certified ต่าง ๆ เช่น MFI, UL, IEC, FCC, CE และ RoHS เป็นต้น
*ส่วนหัวชาร์จที่มีหลาย ๆ รูให้เลือกใช้งานนั้นควรมีแรงดันไฟขาออกไม่ต่ำจำนวนหัวคูณด้วย 1 เพราะเมื่อใช้งานหลาย ๆ หัวแล้วตัวอะแดปเตอร์จะหารไฟแบบเท่า ๆ กัน ฉะนั้น ถ้าต้องการหัวชาร์จเร็ว ที่รองรับการชาร์จ 2 รูอาจจะมองหาหัวชาร์จ 4.2 A หรือมากกว่า เป็นต้น
ทำไมต้องใช้ หัวชาร์จเร็ว กับสายชาร์จเร็ว
สำหรับการใช้ชีวิตที่อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเรา แล้วการที่เราต้องหยุดรอชาร์จแบตมือหรือ อุปกรณ์ Smart Gadget ของเรา 3 - 5 ชั่วโมงด้วยสายชาร์จทั่ว ๆ ไปอาจจะทำให้พลาดโอกาสดี ๆ หรือมีจังหวะชีวิตสะดุดกันได้ ซึ่งหลายแบรนด์หลายค่ายมือถือก็พยายามออกมาตรการในการช่วยเหลือผู้ใช้งาน ให้ได้รับประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมที่สุด ในการใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ของตัวเอง และฟีเจอร์ที่ทุกยี่ห้อเลือกใช้ก็คือ การชาร์จเร็ว (Fast Charging) ด้วยสายและ หัวอะแดปเตอร์มือถือ ไปจนถึงเทคโนโลยีแบตชนิดใหม่ ทำให้เกิดเป็น สายชาร์จเร็ว และหัวชาร์จเร็ว ที่สามารถเร่งบรรจุพลังงานให้กับแบตเตอรี่ของคุณได้ในเวลาสั้น จากที่ต้องชาร์จแบตต่อเนื่อง 3 - 5 ชั่วโมงสำหรับมือถือสมาร์ทโฟน 1 เครื่อง ก็อาจจะลดเหลือเพียง ไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น
การชาร์จเร็วคืออะไร
สำหรับการชาร์จเร็วนั้น จะเป็นการเร่งแรงดันไฟเข้าแบตเตอรี่ให้เพิ่มมากขึ้น จนเกินจุดปลอดภัย ทำให้ไฟเต็มขึ้น แต่เมื่อ Keyword คือคำว่าเกินจุดปลอดภัยสำหรับแบตทั่ว ๆ ไป ทำไมเราถึงใช้การชาร์จเร็วได้ไม่ผิดกฎหมาย นั่นก็เพราะว่าตัวสายชาร์จอย่างสายชาร์จ Lightning และสาย Type c นั้นมีความสามารถในการสื่อสารข้อมูลระหว่างอะแดปเตอร์ และมือถือ ทำให้มันรู้ว่าเมื่อไหร่ควรจะหยุดรับไฟ ทำให้จริง ๆ แล้วเจ้าเทคโนโลยี Fast Charge ในสายชาร์จเร็วนั้น จะชาร์จมือถือได้เร็วในช่วงที่แบตเหลือต่ำเท่านั้น ซึ่งกลายเป็นอีกเทคนิคนึงของคนที่ต้องใช้มือถือบ่อย ๆ แต่ไม่มีเวลาชาร์จ คืออาจจะไม่ต้องชาร์จให้เต็ม แต่ใช้แบตในช่วงที่ต้อง Fast Charge เท่านั้นก็สามารถทำได้ แม้ว่าจะแลกมากับอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ที่ลดลงไปเล็กน้อย และอย่าลืมใช้สายชาร์จเร็วล่ะ
สรุปวิธีเลือกสายชาร์จเร็ว
สำหรับวิธีในการเลือกสายชาร์จเร็วนั้น ง่าย ๆ คือเลือกใช้สายชาร์จที่สามารถขับไฟได้มากกว่า 1 A และมีตรารองรับ สำหรับใครที่ใช้มือถือที่ยังเป็นสาย micro USB ไม่แนะนำให้ใช้งานสาย Fast Charge เพราะส่วนมากจะเป็นสายไม่ได้มาตรฐาน และไม่รองรับการสื่อสารระหว่างเครื่องและอะแดปเตอร์ ทำให้อาจจะเป็นอันตรายต่อผู้ใช้งานได้
สรุปวิธีเลือกหัวชาร์จเร็ว
เลือกหัวชาร์จให้มีกำลังไฟขับสูงสุดเท่ากับ หรือมากกว่าสายชาร์จของเรา พยายามอ่านรีวิวก่อนว่าหัวชาร์จร้อนง่ายไหม หรือมีการระเบิดรึเปล่า เพราะอันตรายจากการชาร์จเร็วนั้นจะเกิดมาจากหัวชาร์จเป็นหลักไม่ใช่สายชาร์จ แน่นอนว่าหัวชาร์จที่มีสัญลักษณ์หรือ Certified จาก FCC, CE หรือ RoHS และหน่วยงานอื่น ๆ เช่นเดียวกับสายชาร์จจะรองรับความปลอดภัย และคุณภาพได้ในระดับหนึ่งทีเดียว
สุดท้ายนี้ก็หวังว่า แฟน ๆ Mercular ทุกคนจะพอใจกับวิธีแนะนำการเลือกซื้อสินค้าจำพวกสายชาร์จ และหัวชาร์จของเราทีมงาน ต่อจากนี้ไปก็ขอให้ทุกคนได้เจอสายชาร์จที่แข็งแรงทนทาน ไม่พังง่าย แล้วพบกันใหม่บทความต่อไปสวัสดีครับ