วิธีเลือกการ์ดจอ ต้องดูอะไรบ้าง มือใหม่ต้องอ่าน
4 ต.ค. 2565
ถ้าพูดถึงอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์คอมพิวเตอร์ที่เหล่าคนเล่นเกมนี้ให้ความสำคัญกันเป็นหลักมาโดยตลอดนั้น ยังไงก็คงหนีไม่พ้นเจ้า “การ์ดจอ” อุปกรณ์สำหรับประมวลภาพกราฟิกต่างๆ ในเกมของให้ออกมาได้อย่างสวยสดงดงามและลื่นไหลน่ามอง ไร่จังหวะภาพกระตุกให้กวนใจ ทำให้เหล่าเกมเมอร์สาย PC ทั้งหลายเลือกที่จะลงเงินลงแรงไปกับการใช้การ์ดจอเทพๆ โหดๆ กันทั้งนั้น แต่ใช้ว่าเจ้าการ์ดจอเทพๆ โหดๆ นั้นจะเหมาะกับเราและคอมพิวเตอร์ของเราซะทีเดียว โดยเฉพาะเหล่าเกมเมอร์นักจัดคอมหน้าใหม่ที่อาจจะลงเงินเปล่าไปก็ได้ เพราะฉะนั้นวันนี้ เราจะทุกคนไปดูกันว่า วิธีเลือกการ์ดจอที่ดีและเหมาะสมกับตัวเราและคอมพิวเตอร์ ต้องดูอะไรบ้าง ถ้าพร้อมแล้ว เราไปดูพร้อมๆ กันเลย
วิธีเลือกการ์ดจอที่เหมาะสม ต้องดูอะไรบ้าง
ก่อนที่จะเข้าสู่เนื้อหาหลักของเรากัน มาดูกันก่อนดีกว่าว่าการ์ดจอนั้นมีความสำคัญยังไงกับคอมพิวเตอร์และการเล่นเกมของเรา โดยสรุปคร่าวๆ นั้น การ์ดจอนั้น จะทำหน้าที่ประมวลผลข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับด้านกราฟิกและการแสดงผลต่างๆ บนหน้าจอคอมพิวเตอร์ของเรา ซึ่งสำหรับการใช้งานเท่าไปนั้น การ์ดจอจะช่วยแบ่งเบาภาระในการประมวลผลกราฟิกช่วยซีพียูในเครื่องคอมของเรา ทำให้คอมของเราทำงานได้อย่างเต็มที่มากขึ้น ส่วนในด้านการเล่นเกมนั้น การ์ดจอก็จะมีส่วนสำคัญในการประมวลภาพกราฟิกให้มีความลื่นไหลขึ้น สามารถประมวลภาพออกมาได้ถี่ขึ้น หรือที่เรารู้จักกันว่า “เฟรมเรต” นั่นเอง พร้อมกับช่วยทำให้ภาพกราฟิกต่างๆ นั้นมีความสวยงาม คมชัดมากขึ้นนั่นเอง ส่วนวิธีเลือกการ์ดจอหลักๆ นั้นก็มีคร่าวๆ อยู่ตามนี้ด้วยกัน
เลือกค่ายที่ใช่ ใช้แบรนด์ที่ชอบ
สำหรับวิธีเลือกการ์ดจออันดับแรกเริ่มเลยก็คือ การเลือกแบรนด์หรือค่ายของการ์ดจอที่เราต้องการจะใช้ ซึ่งในปัจจุบันนั้นจะมีการ์ดจอให้ใช้อยู่ 2 ฝั่งด้วยกัน นั่นก็คือ Nvidia หรือที่หลายๆ คนเรียกกันว่าค่ายเขียวตามตีมสีของแบรนด์ และ AMD หรือค่ายแดง ซึ่งการ์ดจอของแต่ละฝั่งก็จะมีเทคโนโลยีชิป การประมวลผล และคาแรกเตอร์ที่แตกต่างกัน ซึ่งเราจะไม่ลงลึกในจุดนี้มากนัก แต่สำหรับข้อแตกต่างของการ์ดจอทั้งสองฝั่งที่หลายๆ คนเห็นตรงกันก็คือ การ์ดจอ Nvidia จะมีประสิทธิภาพที่สูงกว่าการ์ดจอ AMD ในรุ่นใกล้เคียงกัน ส่วนการ์ดจอ AMD นั้นราคาก็จะถูกกว่า ซึ่งในจุดนี้เราก็ตัดสินใจเอาเองว่า จะเลือกแบบแรง หรือแบบคุ้มดี
และนอกจากทั้งทั้งสองแบรนด์ที่เป็นเจ้าตลาดแล้ว ล่าสุดตลาดการ์ดจอนั้นก็มีคู่แข่งเพิ่มเข้ามาอีกแบรนด์นึงก็คือ Intel ผู้ผลิตซีพียูแบรนด์ดังที่หันมาจับตลาดกราฟิกบ้างกับการ์ดจอ Intel Arc รุ่นต่างๆ ที่เปิดตัวไปในช่วงกลางปีนี้ สำหรับใครที่อยากลองของใหม่ดูก็เก็บไว้เป็นตัวเลือกได้
เลือกรุ่นที่โดนใจ ใช้งานได้อย่างคุ้มค่า
หลังจากที่ตัดสินใจเลือกค่ายการ์ดจอได้แล้ว เรามาดูวิธีเลือกการ์ดจอกันต่อ ว่าจะเลือกการ์ดจอรุ่นไหนดี ซึ่งการ์ดจอแต่ละฝั่งนั้นก็จะมีซีรีส์และรุ่นต่างๆ ที่ออกมาเพื่อรองรับตลาดในแต่ละช่วง โดยที่แต่ละรุ่นนั้นก็จะมีสเปกที่แรงจากน้อยไปมาก ตามเลขรุ่นและราคา ซึ่งการ์ดจอทั้งสองฝั่งนั้นก็จะมีวิธีในการเรียงรุ่นที่ไกล้เคียงกัน อย่างเช่นฝั่ง Nvidia ก็จะเป็นตัวแรกสี่หลัก โดยเลข 2 หลักแรกจะเป็นชื่อของซีรีส์การ์ดจอ อย่างเช่น 30 ก็หมายถึงการ์ดจอ Nvidia RTX 30 Series เป็นต้น ส่วนเลข 2 หลักหลังก็จะเป็นชื่อรุ่นของการ์ดจอในซีรีส์นั้น อย่างเช่น 3050, 3060, 3080 ซึ่งการ์ดจอ Nvidia บางรุ่นจะมีชื่อ Ti หรือ Super ต่อท้ายเลขรุ่น ซึ่งรุ่นที่มี Ti นั้นจะมี CUDA Core ที่เป็นส่วนหนึ่งของชิพประมวลผลที่มากกว่ารุ่นปกติ ส่วนรุ่นที่มี Super นั้นจะเป็นรุ่นที่ใช้แรม GDDR6 ซึ่งรุ่น Super ส่วนใหญ่จะเจอในการ์ดจอรุ่นเก่าๆ อย่าง RTX 20xx, 10xx เป็นต้น ทำให้รุ่นที่มีตัวอักษรทั้งสองนั้นจะแรงกว่าการ์ดจอตัวปกติอยู่พอประมาณ
ส่วนทางฝั่ง AMD ก็จะมีเลขรุ่นอยู่ 4 หลักและวิธีในการเรียงชื่อที่คล้ายคลึงกับของ Nvidia โดยตัวเลขหลักแรกจะเป็นชื่อซีรีย์ของการ์ดจอรุ่นนั้น อย่างในปัจจุบันนที่เป็นการ์ดจอ AMD RX 6000 Series ก็จะเป็นเลข 6 ส่วนเลขหลักที่สองก็จะเป็นชื่อรุ่นในซีรีส์นั้นๆ อย่างเช่น RX 6500, 6600, 6800 และในส่วนของเลข 2 หลักท้ายก็จะเป็น 00 ที่เป็นรุ่นปกติ และ 50 ที่เป็นรุ่นย่อยที่แรงขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย รวมถึงตัวอักษร XT ต่อท้ายที่หมายถึงรุ่นที่มี Stream Processor หรือ CUDA Core ในฝั่ง AMD ที่มากขึ้นนั่นเอง
ซึ่งวิธีเลือกการ์ดจอนั้น เราก็สามารถวางเทียบแบบง่ายๆ ว่า การ์ดจอรุ่น 1 - 4 จะเป็นรุ่นล่างๆ เหมาะกับการใช้งานทั่วไปมากกว่า หรือการเล่นเกมแบบพอไถๆ ส่วนรุ่น 5 - 7 ก็จะเป็นรุ่นกลางๆ จะเหมาะสำหรับการเล่นเกมในระดับกลางถึงสูง และรุ่น 8 - 9 ที่จะเป็นรุ่นท็อปสำหรับการเล่นเกมแบบ High-End จอ 4K ภาพ Ultra แบบตัวจบเลย ส่วนจะเลือกรุ่นไหนนั้นก็ขึ้นอยู่กับรูปแบบการใช้งาน และเงินในกระเป๋าของเรา และที่สำคัญที่สุดเลยคือต้องใช้รุ่นที่เหมาะสมกับสเปคอื่นๆ ในคอมพิวเตอร์ของเรา เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาคอขวด จากการที่ซีพียูของเราช้ากว่าการ์ดจอ ทำให้ซีพียูทำงานหนักเกินไป แต่ไม่สามารถขับพลังของการ์ดจอออกมาได้เท่าที่ควรนั่นเอง
ดูเทคโนโลยี ฟีเจอร์สำคัญ ว่ารองรับหรือไม่
นอกจากสเปกภายใน อีกหนึ่งสิ่งที่ถูกเพิ่มเข้ามาในวิธีเลือกการ์ดจอในยุคปัจจุบัน ก็คือเรื่องของเทคโนโลยีและฟีเจอร์ต่างๆ ที่ถูกใส่เข้ามาในการ์ดจอของเรา อย่างเช่นเทคโนโลยี Ray Tracing ที่ช่วยประมวลผลแสงเงาตกกระทบให้ออกมาสมจริงมากขึ้น หากเราต้องการใช้งาน Ray Tracing ก็ต้องดูว่าการ์ดจอรุ่นที่เราเลือกนั้นรองรับ Ray Tracing หรือไม่ แล้วประสิทธิภาพเป็นอย่างไรบ้าง และนอกจาก Ray Tracing ก็ยังมีเทคโนโลยีและฟีเจอร์อื่นๆ อย่างเช่น DLSS (Nvidia) และ FSR (AMD) ที่เป็นเทคโนโลยีช่วยประมวลผลภาพ การรองรับเทคโนโลยี VR รวมถึงฟีเจอร์อื่นๆ อย่างเช่นช่อง Input ว่ามีเพียงพอสำหรับการใช้งานกับจอคอมพิวเตอร์หรือไม่ ระบบระบายความร้อนต่างๆ เป็นต้น
เช็คไฟ และขนาดให้ดี
การ์ดจอนั้น ถือว่าเป็นหนึ่งในฮาร์ดแวร์ที่กินไฟเป็นอันดับต้นๆ ของคอมพิวเตอร์เราเลยก็ว่าได้ เพราะฉะนั้นวิธีเลือกการ์ดจอที่สำคัญห้ามลืมเลยก็คือการสังเกตุกำลังไฟที่การ์ดจอใช้นั้น เพียงพอกับ PSU หรือพาวเวอร์ซัพพลาย และอุปกรณ์คอมพิวเตอร์อื่นๆ ที่เรามีในเครื่องหรือไม่ หากการ์ดจอที่เราเลือกไว้มีกำลังไฟ หรือแนะนำกำลังไฟที่ 500W ก็ต้องใช้ร่วมกับพาวเวอร์ซัพพลายที่มีกำลังไฟตั้งแต่ 700W ขึ้นไป เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาจ่ายไฟไม่พอ คอบดับกลางคัน และนอกจากเรื่องของกำลังไฟแล้ว ก็อย่าลืมเรื่องของขั่วต่อสายไฟ ว่ามีเพียงพอสำหรับต่อกับการ์ดจอของเราด้วย
และนอกจากเรื่องของไฟแล้ว วิธีเลือกการ์ดจออีกข้อที่บางคนอาจจะมองข้ามกัน ก็คือเรื่องของขนาดการ์ดจอ ซึ่งในการ์ดจอบางรุ่นก็จะมีขนาดที่เล็ก - ใหญ่ตามขนาดของฮีตซิงค์ที่แตกต่างกัน เพราะฉะนั้นก่อนจะเลือกซื่อการ์ดจอสักรุ่น ก็อย่าลือดูว่ามันจะใส่เข้าไปในเคสของเราได้รึ่เปล่าด้วยหละ
และทั้งหมดนี้ ก็เป็นวิธีเลือกการ์ดจอที่เราอยากจะแนะนำให้ทุกคนได้นำไปลองใช้กัน โดยเฉพาะกับเหล่าเกมเมอร์หน้าใหม่ที่เพิ่งเริ่มจะจัดคอมประกอบหรือกำลังมองหาคอมพิวเตอร์เซ็ตไว้เล่นเกม จะได้เลือกการ์ดการ์ดจอที่ตอบโจทย์การเล่นเกมของเราได้มากที่สุด และทำให้การลงทุนของเรานั้นคุ้มค่า ทุกบาท ทุกสตางค์นั่นเอง ส่วนบทความหน้า จะมีเรื่องราวอะไรที่น่าสนใจอีกบ้าง เตรียมรออ่านกันได้เลย