สรุปสเปก iPad ใหม่ที่เปิดตัวในงาน Apple Let Loose

เรียกได้ว่านี่ก็เป็นอีเวนต์ที่เหล่าสาวก Apple ต่างก็ตั้งตารอกันมาตั้งแต่ต้นปี กับงาน Apple Event “Let Loose” อีเวนต์เปิดตัวโปรดักส์ใหม่ของทาง Apple ที่เป็นไปตามหลาย ๆ สื่อคาดกับการเปิดเผยโฉมใหม่ของ iPad ในรอบกว่า 2 ปี โดยยกทัพมาทั้ง iPad Pro จอ OLED ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังชิปชูโรงตัวใหม่อย่าง M4 และ iPad Air ปี 2024 ขนาด 13 นิ้วที่จะใช้ชิป M2 ยกระดับสเปกให้แรงกว่าเดิมถึง 50% นอกจากไลน์อัป iPad รุ่นใหม่แล้ว ยังเปิดตัว Apple Pencil Pro ที่มาพร้อมกับระบบ Haptic Feedback บีบ แตะหรือหมุน เพื่อใช้งานเครื่องมือต่าง ๆ ได้ และ Magic Keyboard ที่อัปเกรดมาใหม่ให้ใหญ่ขึ้น สัมผัสดีมากขึ้น ซึ่ง Gadget แต่ละตัวจะมีรายละเอียดที่น่าสนใจยังไงอีก พวกเรา Mercular ก็ได้ทำการสรุปมาให้แล้วครับ

iPad Air 2024 ไซซ์ใหม่ในสเปกที่แรงขึ้น

Apple ได้เริ่มต้นเปิดอีเวนต์ด้วย iPad Air รุ่นใหม่ ที่มีขนาดหน้าจอให้เลือก 2 ขนาด คือรุ่นหน้าจอกว้าง 13 นิ้วเทียบเท่ากับ iPad Pro ตัวใหม่ และขนาดปกติที่ 11 นิ้ว โดยมาพร้อมกับสีใหม่ 2 สีคือสีฟ้าและสีม่วง นอกจากขนาดใหม่ที่เพิ่มขึ้น ยังได้ขยับสเปกภายในให้แรงขึ้นกว่าเดิมถึง 50% ด้วยการเปลี่ยนไปใช้ชิป M2 แทนที่ชิป M1 ช่วยให้ตอบโจทย์การใช้งาน AI ในสมัยนี้ได้เลยล่ะครับ โดยจะมีความจุตั้งต้นอยู่ที่ 128GB และได้มีราคาเปิดตัวในไทย ดังนี้ครับ

iPad Air รุ่น 11 นิ้ว

• 128GB ราคาเริ่มต้น 23,900 บาท
• 256GB ราคาเริ่มต้นที่ 27,900 บาท
• 512GB ราคาเริ่มต้นที่ 35,900 บาท
• 1TB ราคาเริ่มต้นที่ 43,900 บาท

iPad Air รุ่น 13 นิ้ว

• 128GB ราคาเริ่มต้น 29,900 บาท
• 256GB ราคาเริ่มต้นที่ 33,900 บาท
• 512GB ราคาเริ่มต้นที่ 41,900 บาท
• 1TB ราคาเริ่มต้นที่ 49,900 บาท

iPad Pro 2024 ผลิตภัณฑ์ที่บางที่สุดที่ Apple เคยสร้างสรรค์มา

มาต่อกันกับดาวเด่นของอีเวนต์นี้กันอย่าง iPad Pro 2024 ที่เปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ด้วยการเป็นอุปกรณ์ชิ้นแรกจาก Apple ที่ได้ใช้ขุมพลังตัวใหม่อย่างชิป M4 ที่ได้โฟกัสการใช้งานในด้าน AI แบบเต็มรูปแบบ ผลิตด้วยสถาปตยกรรม 3nm รุ่น 2 ที่ประหยัดพลังงานมากกว่าเดิม แบตอึดขึ้น สเปกแรงขึ้น และเพิ่มเติมด้วย Neural Engine สำหรับการประมวลผลด้าน AI โดยเฉพาะ แถมตัวการ์ดจอภายในก็รองรับ Ray-Tracing แล้วด้วย เกมเมอร์ร้องกรี๊ดได้เลยครับ โดยสรุปแล้วจะแรงกว่าชิป M2 ถึง 4 เท่าในด้านประสิทธิภาพในการเรนเดอร์ และแรงกว่าถึง 1.5 เท่าในด้านประสิทธิภาพ CPU โดยรวม 

นอกจากได้ชิปใหม่แล้ว หน้าจอก็ถูกเปลี่ยนให้เป็นจอ Tandem OLED โดยจะใช้เป็นจอ Ultra Retina XDR เทคโนโลยีจอที่ล้ำที่สุดของ Apple ซึ่งพอเปลี่ยนมาเป็นหน้าจอ OLED แบบนี้ สีสันบนจอไอแพดก็จะสดใสแบบก้าวกระโดดยิ่งกว่า Mini-LED แบบเดิม ๆ เยอะเลยครับ พร้อมแสดงคอนทราสต์ของแสงและเงาออกมาอย่างแม่นยำ โดยมีความสว่างหน้าจอที่ 1000 nits และรองรับความสว่างได้ HDR สูงสุดที่ 1600 nits ส่วนอัตรารีเฟรชจะอยู่ที่ 120Hz ProMotion เหมือนเดิมครับ และยังมาพร้อมกับกล้องหลังที่มีความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ซึ่งรองรับการถ่ายวิดีโอที่ความละเอียด 4K, ProRes และแฟลชแบบ True Tone ที่ปรับตามบรรยากาศโดยรอบ เรียกได้ว่าจัดมาให้ครบเครื่องเรื่องภาพจริง ๆ ครับ

ด้านดีไซน์ก็ได้รับการยกเครื่องใหม่ด้วย โดยจะมี 2 ขนาดให้เลือกคือ 11 นิ้ว และขนาดใหม่ 13 นิ้ว ที่ได้อัปเกรดตัวบอดี้และกรอบหน้าจอให้บางลง โดยจะสินค้าที่บางที่สุดที่ Apple เคยทำมา โดยตัวเครื่องจะบางลงเหลือเพียงราว ๆ 5 มม. เท่านั้น (5.1 มม. ในรุ่น 13 นิ้วและ 5.3 มม. ในรุ่น 11 นิ้ว) และตัวกล้องหน้าก็ได้ย้ายไปอยู่ด้านข้างเหมือนกับรุ่นเจน 10 และรุ่น Air ทำให้ยิ่งตอบโจทย์การใช้งานแบบแนวนอนมากยิ่งขึ้นครับ โดยยังคงมีสีให้เลือก 2 สีเหมือนเดิมกับสีเงินและสีดำสเปซแบล็ก และมีราคาจัดจำหน่ายในไทย ดังนี้

iPad Pro M4 รุ่น 11 นิ้ว

• 256GB ราคาเริ่มต้นที่ 39,900 บาท
• 512GB ราคาเริ่มต้นที่ 47,900 บาท
• 1TB (จอมาตรฐาน) ราคาเริ่มต้นที่ 63,900 บาท
• 1TB (จอกระจกผิวนาโน) ราคาเริ่มต้นที่ 67,900 บาท
• 2TB (จอมาตรฐาน) ราคาเริ่มต้นที่ 79,900 บาท
• 2TB (จอกระจกผิวนาโน) ราคาเริ่มต้นที่ 83,900 บาท

iPad Pro M4 รุ่น 13 นิ้ว

• 256GB ราคาเริ่มต้นที่ 52,900 บาท
• 512GB ราคาเริ่มต้นที่ 60,900 บาท
• 1TB (จอมาตรฐาน) ราคาเริ่มต้นที่ 76,900 บาท
• 1TB (จอกระจกผิวนาโน) ราคาเริ่มต้นที่ 80,900 บาท
• 2TB (จอมาตรฐาน) ราคาเริ่มต้นที่ 92,900 บาท
• 2TB (จอกระจกผิวนาโน) ราคาเริ่มต้นที่ 96,900 บาท

อุปกรณ์เสริมร่างใหม่ Apple Pencil Pro และ Magic Keyboard 

หลังจากที่ได้มีกิมมิกหยอดมาเล็ก ๆ บนหน้าเว็บ Apple ในที่สุดเราก็ได้เห็นการใช้งานจริงของ Apple Pencil ตัวใหม่สักทีนะครับ ซึ่งจะใช้ชื่อว่า Apple Pencil Pro ที่ Pro สมชื่อด้วยฟีเจอร์ Haptic Feedback ที่สามารถตอบสนองกับการสัมผัสบนตัวปากกาของเราได้ และสามารถบีบเพื่อเปิดแผงเครื่องมือแบบใหม่ขึ้นมา ให้ตั้งค่า Brush ได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งนอกจากการบีบแล้ว ยังมีฟีเจอร์การใช้งานใหม่อีก 4 แบบ ดังนี้ครับ

ตัว Apple Pencil Pro จะสามารถติดเข้ากับด้านข้างของ iPad Pro ใหม่ด้วยแม่เหล็กได้ทันที ทำได้ทั้งจับคู่ ชาร์จแบตและเก็บไปในตัว นอกจากนี้แอปค้นหา Find My ก็สามารถติดตาม Apple Pencil Pro ได้แล้ว ใครที่ขี้ลืม ชอบทำหายบอกเลยว่ายิ้มแก้มปริได้เลยครับ สำหรับเจ้า Pencil Pro ตัวนี้จะมีราคาไทยอยู่ที่ 4,990 บาท และรองรับการใช้งานกับ iPad รุ่นใหม่ทั้ง Air และ Pro เท่านั้นครับ

ปิดท้ายกันด้วยอุปกรณ์เสริมการพิมพ์อย่าง Magic Keyboard ที่มาพร้อมกับดีไซน์แบบใหม่ที่เพรียวบางให้เหมาะกับการพกพา โดยจะใช้วัสดุเป็นอะลูมิเนียมที่ให้สัมผัสการพิมพ์ที่ยอดเยี่ยม ตัวคีย์บอร์ดยังมีฟังก์ชันการใช้งานที่ครบจบในตัวทั้ง Function-row ด้านบนและ Trackpad ด้านล่างที่รองรับคำสั่งนิ้วแบบ Multi-Touch ให้ลากและสัมผัสไม่ต่างกับใช้งานบน Macbook เลย ซึ่ง Magic Keyboard ตัวใหม่นี้จะออกแบบมาเพื่อ iPad Pro M4 เท่านั้น มีสีให้เลือก 2 สีคือ สีขาวและสีดำ โดยมีราคาดังนี้ครับ

• ราคา 11,990 บาท สำหรับ iPad Pro รุ่น 11 นิ้ว
• ราคา 13,990 บาท สำหรับ iPad Pro รุ่น 13 นิ้ว 

หลังจากเปิดตัว iPad ชุดใหม่แล้วก็ได้ประกาศลดราคารุ่นเก่าลง ซึ่งตอนนี้ในรุ่นปกติจะมีราคาเริ่มต้นที่อยู่ที่ 13,900 บาทเท่านั้นครับ และนี่คือข้อมูลทั้งหมดที่เราได้จากงาน Let Loose อีเวนต์แรกประจำปี 2024 ของ Apple ครับ ซึ่งภายในเว็บไซต์หลักก็ได้แต่เปิดเผยราคาไทย แต่ยังไม่ได้บอกว่าระบุว่าจะวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการเมื่อไหร่ สาวก Apple ชาวไทยก็ทำได้แค่รอประกาศต่อไปครับ ซึ่งดูจากจังหวะในการเปิดตัวแล้วคิดว่าไม่นานเกินรอแน่นอน สุดท้ายนี้ถ้ามีอะไร Gadget อะไรเปิดตัวใหม่อีก พวกเรา Mercular ก็จะไม่พลาดนำมาสรุปให้เพื่อน ๆ อ่านกันอีกแน่นอนครับ สำหรับวันนี้ต้องขอตัวลาไปก่อน แล้วเจอกันในบทความหน้า สวัสดีครับ