เปิดตัวซีรีย์ JBL Live 3 หูฟังไร้สาย 3 รุ่นใหม่ พร้อมเคสจอทัชสกรีน

หากจะให้พูดถึงแบรนด์หูฟังและลำโพงพกพายอดนิยมในปัจจุบัน เชื่อได้ว่าชื่อของแบรนด์ JBL ย่อมน่าจะขึ้นมาเป็นชื่อแรก ๆ หรือชื่อในอันดับต้น ๆ อย่างแน่นอน ด้วยจุดเด่นอย่างสินค้าที่มีรูปร่างหน้าตาสุดเท่ทันสมัย ฟังก์ชันการใช้งานล้ำ ๆ และแนวที่ฟังสนุกทุกแนวเพลงตามสไตล์ JBL

และล่าสุดในงาน CES 2024 ทาง JBL ก็ได้ต่อยอดความสำเร็จของหูฟังรุ่น JBL Tour Pro 2 ที่มีจุดเด่นคือเคสมาพร้อมหน้าจอแสดงผลแบบ Touch Screen ซึ่งเป็นอีกรุ่นที่ได้รับความนิยมสูงมาก ๆ กับการเปิดตัวหูฟังไร้สาย True Wireless ซีรีส์ใหม่กับ JBL Live 3 โดยแบ่งออกเป็นรุ่นย่อยอีก 3 รุ่น 3 สไตล์แตกต่างกันไปตอบโจทย์ผู้ใช้งานที่ชื่นชอบแตกต่างกัน โดยที่มาพร้อมจุดเด่นเดียวกันกันคือเคสชาร์จมาพร้อมหน้าจอ Touch Screen

สำหรับหูฟัง True Wireless ซีรีส์ JBL Live 3 ที่ได้เปิดตัวออกมานั้นมีมาให้ได้เลือกจับจองเป็นเจ้าของกันถึง 3 รุ่นยอยด้วยกัน ประกอบไปด้วย

• JBL Live Buds 3 - หูฟัง True Wireless สวมใส่แบบ In Ear มาพร้อมรูปทรงคล้าย ๆ เมล็ดถั่วให้ความรู้สึกสวยงาม ล้ำสมัย
• JBL Live Beam 3 - หูฟัง True Wireless สวมใส่แบบ In Ear พร้อมรูปทรงแบบแท่งยาวสไตล์ที่มีความเท่ทันสมัยสไตล์ JBL
• JBL Live Flex 3 - หูฟัง True Wireless สวมใส่แบบ Earbuds ใส่สบายไม่ต้องสอดหูฟังเข้าไปในข้างในหู เหมาะกับคนที่ไม่ชอบหูฟังสวมใส่แบบ In Ear

ในส่วนของรายละเอียดสเปกและฟังก์ชันของทั้ง 3 รุ่นนั้น จุดเด่นยังคงเป็นแบบเดียวกับในรุ่น JBL Tour Pro 2 ที่ตัวเคสมาพร้อมหน้าจอแสดงผลสถานะต่าง ๆ และสามารถควบคุมได้แบบ Touch Screen โดยตัวหน้าจอจะเป็นจอ LED ที่มีความคมชัดและมีขนาดอยู่ที่ 1.45 นิ้ว นอกจากผู้ใช้งานจะใช้ดูสถานะต่าง ๆ ได้แล้วนั้น ยังใช้ควบคุมหูฟังได้อย่างง่ายดายทั้งควบคุมการเล่นเพลง, ปรับระดับเสียง, รับโทรศัพท์ และดูการแจ้งเตือนต่าง ๆ โดยไม่ต้องหยิบ Smartphone ขึ้นมาให้วุ่นวายอีกด้วย

ฟังก์ชันการใช้งานที่ทั้งล้ำสมัยและครบครัน

หูฟัง JBL Live 3 ทั้ง 3 รุ่นยังมาพร้อมฟีเจอร์ที่ทันสมัยและตอบโจทย์ทุกความต้องการอย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของฟังก์ชันการตัดเสียงรบกวน True Adaptive Noise Cancelling ที่เป็นเทคโนโลยีจากทาง JBL โดดเด่นตรงที่สามารถตัดเสียงรบกวนได้เหมาะสมกับทุกสถานการณ์โดยอัตโนมัติ โดยที่ผู้ใช้งานไม่จำเป็นต้องไปเปลี่ยนโหมดหรือปรับการตั้งค่าให้ยุ่งยากแต่อย่างใด ในขณะเดียวกันก็สามารถใช้งานได้ในทุกสถานการณ์ไม่กลัวทั้งน้ำและฝุ่นด้วยมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น ซึ่งในรุ่น JBL Live Buds 3 และ JBL Live Beam 3 จะมาพร้อมมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่นที่ IP55 ส่วนในรุ่น JBL Live Flex 3 จะอยู่ที่ IP54

และด้วยรูปร่างหน้าตาและขนาดของหูฟังที่แตกต่างกัน ทำให้ปริมาณแบตเตอรี่ของทั้ง 3 รุ่นก็แตกต่างกันไปด้วย โดยระยะเวลาการใช้งานของทั้ง 3 รุ่นนั้นมีดังนี้

• JBL Live Buds 3 - ใช้งานได้ต่อเนื่องยาวนานถึง 10 ชั่วโมงจากนั้นชาร์จเพิ่มจากเคสได้อีก 30 ชั่วโมง
• JBL Live Beam 3 - ใช้งานได้ต่อเนื่องยาวนานถึง 12 ชั่วโมงจากนั้นชาร์จเพิ่มจากเคสได้อีก 36 ชั่วโมง
• JBL Live Flex 3 - ใช้งานได้ต่อเนื่องยาวนานถึง 10 ชั่วโมงจากนั้นชาร์จเพิ่มจากเคสได้อีก 40 ชั่วโมง

จะเห็นได้ว่าทุกรุ่นมาพร้อมแบตเตอรี่ที่ใช่งานได้ยาวนานกว่ารุ่นก่อน ๆ หลายเท่าเลยทีเดียว นอกจากนี้ทุกรุ่นยังมาพร้อมความสามารถในการชาร์จเร็วเพียง 10 นาทีใช้งานได้ยาวนานถึง 4 ชั่วโมง รวมถึงรองรับการชาร์จไร้สายอีกด้วย

ด้านสเปกเสียง JBL Live Buds 3 และ JBL Live Beam 3 จะได้ไดรเวอร์เสียงเป็น Dynamic Driver ขนาด 10 มิลลิเมตร ส่วน JBL Live Flex 3 จะได้ไดรเวอร์ใหญ่กว่ารุ่นอื่นที่ Dynamic Driver ขนาด 12 มิลลิเมตร ทั้ง 3 รุ่นรองรับ ทั้ง 3 รุ่นรองรับระบบเสียงรอบทิศทาง JBL Spatial Sound สนทนาได้อย่างคมชัดในทุกสถานการณ์ด้วยไมโครโฟนถึง 6 ตัว และรองรับการฟังเสียงคุณภาพสูงแบบไร้สาย Hi-Res Wireless ผ่าน Codec เสียงคุณภาพสูง LDAC อีกด้วย

JBL Live 3 Earbuds Series เตรียมวางจำหน่ายในช่วงเดือน มิถุนายน - กันยายน 2024 พร้อมเปิดราคาค่าตัวมาอยู่ที่ 199.95 เหรียญ หรือประมาณประมาณ 7,000 บาทครับ