Klipsch ปล่อยลำโพงพกพา 3 รุ่นเทียบชน Marshall

8 พ.ย. 2566

Klipsch ปล่อยลำโพงพกพา 3 รุ่นเทียบชน Marshall

หากจะให้พูดถึงชื่อแบรนด์ของลำโพงยอดนิยม ทั้งลำโพงบ้าน ลำโพง Soundbar และลำโพงคอมพิวเตอร์ที่มีจุดเด่นในเรื่องของรูปร่างหน้าตาที่ผสมผสานระหว่างความคลาสสิคและความทันสมัย แนวเสียงที่ยอดเยี่ยมตอบโจทย์การใช้งานในทุกกิจกรรม และเทคโนโลยีการเชื่อมต่อต่าง ๆ ที่มีความทันสมัยใช้งานได้กับทุกอุปกรณ์ แน่นอนว่าชื่อของแบรนด์ Klipsch น่าจะเป็นชื่อแรก ๆ ที่ขึ้นมาในใจอย่างแน่นอน แต่ถ้าหากพูดถึงแบรนด์ลำโพงพกพาที่มาพร้อมความคลาสสิคผสมผสานกับความทันสมัยทั้งด้านรูปร่างหน้าตาการออกแบบ ฟังก์ชันการใช้งาน และแนวเสียงที่ฟังสนุกในทุกกิจกรรม เชื่อได้ว่าผู้ใช้งานอาจจะนึกถึงแบรนด์อื่น ๆ ที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับต้น ๆ อยู่ในตลาดอย่างแบรนด์ Marshall เป็นต้น


และล่าสุดกับการขยายตลาดของลำโพงจากแบรนด์ Klipsch กับการเปิดตัวลำโพงพกพารุ่นใหม่ที่ตั้งใจมาเทียบชนกับแบรนด์ Mashall ที่ไม่ได้เปิดตัวมาแค่รุ่นเดียวเพราะมากันถึง 3 รุ่นด้วยกันในซีรีส์ลำโพง Music City Series ประกอบไปด้วย Klipsch Austin, Klipsch Nashville และ Klipsch Detroit ที่นำชื่อเมืองจากประเทศสหรัฐอเมริกาที่มีชื่อเสียงในด้านดนตรีมาเป็นชื่อรุ่นเพื่อง่ายต่อการจดจำรุ่นต่าง ๆ และทำให้ชื่อรุ่นติดหูเหล่าบรรดาผู้ใช้งานได้ง่าย ๆ อีกด้วยนั่นเอง โดยลำโพงพกพา Klipsch ทั้ง 3 รุ่นอย่าง Klipsch Austin, Klipsch Nashville และ Klipsch Detroit จะมีจุดเด่นใดบ้างและน่าสนใจแค่ไหนนั้น เราไปดูรีวิวคร่าว ๆ กันเลยครับ

Klipsch Austin

Klipsch Austin


ลำโพงพกพา Klipsch Austin เป็นลำโพงรุ่นเล็กที่สุดในซีรีส์ Music City Series หรือก็คือรุ่นที่มีขนาดเล็กที่สุดในบรรดาลำโพงทั้ง 3 รุ่น โดยมาพร้อมราคาที่เป็นมิตรที่สุดอยู่ที่ 99$ โดยมีขนาดอยู่ที่ 4.1 x 4.1 x 1.7 นิ้ว และน้ำหนักที่เบาสุด ๆ พกพาได้อย่างสะดวกแน่นอนอยู่ที่ 397 กรัมเท่านั้น ภายในมาพร้อมสเปกเสียงที่ไม่ธรรมดาอย่างไดรเวอร์เสียงขนาด 1.5 นิ้วและ Passive Radiator แบบคู่ โดยจุดเด่นของรุ่นนี้คือ เป็นลำโพงขนาดพกพาสะดวก ได้รับแรงบันดาลใจมาจากความหลงใหลและศิลปะ มีชื่อรุ่นเหมือนชื่อเมืองหลวงแห่งดนตรีแสดงสดของโลก และออกแบบมาเพื่อให้ผู้ใช้สามารถพกเวทีคอนเสิร์ตติดตัวไปได้ทุกที่ ตัวลำโพงมาพร้อมกับแบตเตอรี่ในตัวที่สามารถใช้งานได้นานถึง 12 ชั่วโมง

Klipsch Nashville

Klipsch Nashville


รุ่นที่ 2 ของลำโพงพกพา Klipsch ในซีรีส์ Music City Series กับรุ่นกลางที่มีขนาดกลาง ๆ หรือใหญ่กว่ารุ่น Klipsch Austin แต่เล็กกว่ารุ่น Klipsch Detroit กับ Klipsch Nashville รุ่นนี้มาพร้อมราคาที่เพิ่มขึ้นมาแต่ก็ยังจับจองเป็นเจ้าของได้ไม่ยากอยู่ที่ 149$ โดยส่วนของขนาดนั้นอยู่ที่ 3.1 x 7 x 3.2 นิ้ว นย้ำหนักอยู่ที่ 1 กิโลกรัม และให้สเปกเสียงที่เพิ่มขึ้นจากรุ่นเล็กอันประกอบไปด้วย ไดรเวอร์ขับเสียงคู่ขนาด 2.25 นิ้ว และ Passive Radiator แบบคู่ ซึ่งจุดเด่นของรุ่นนี้คือตัวขับเสียงที่ติดตั้งโดยให้ยิงเสียงออกไปคนละด้านกันทำให้สามารถถ่ายทอดมุมกระจายเสียงกว้างขวางได้ถึง 360 องศา เปิดโอกาสให้ผู้ใช้งานมีโอกาสได้ดื่มด่ำกับท่วงทำนองดนตรีที่เต็มไปด้วยจิตวิญญาณ รวมถึงการเข้าถึงมรดกทางดนตรีอันยาวนาน ณ เมืองหลวงแห่งดนตรีของสหรัฐอเมริกาอย่าง Nashville และตัวลำโพงมาพร้อมแบตเตอรี่ในตัวสามารถใช้งานต่อเนื่องได้นานถึง 24 ชั่วโมง

Klipsch Detroit

Klipsch Detroit


รุ่นที่ 3 ของลำโพงพกพา Klipsch ในซีรีส์ Music City Series กับรุ่นใหญ่ที่สุดที่มาพร้อมราคาที่เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 299$ โดยมาพร้อมขนาดที่ใหญ่แต่ก็ยังสามารถพกพาได้อย่างสะดวกอยู่ที่ 4.1 x 13.1 x 4.8 นิ้ว และน้ำหนักไม่มากไม่น้อยอยู่ที่ 2.5 กิโลกรัม ในส่วนของสเปกเสียงมาพร้อมไดรเวอร์ขับเสียงคู่ขนาด 3 นิ้ว, ทวีตเตอร์ขนาด 1 นิ้ว และ Passive Radiator แบบหักล้างแรงสั่นสะเทือนจำนวนมากถึง 4 ตัวด้วยกัน รวมถึงสามารถใช้งานไร้สายได้ยาวนานถึง 24 ชั่วโมงด้วยแบตเตอรี่ภายในตัว

Klipsch ปล่อยลำโพงพกพา 3 รุ่นเทียบชน Marshall

ในส่วนของสเปกและเทคโนโลยีการใช้งานของลำโพงทั้ง 3 ตัวนั้นประกอบไปด้วย การเชื่อมต่อไร้สายผ่าน Bluetooth เวอร์ชัน 5.3 และได้รับการออกแบบให้รองรับการใช้งานร่วมกับแอป Klipsch Connect สำหรับปลดล็อคการตั้งค่าต่าง ๆ เช่นการต้องค่าแนวเสียงอย่าง EQ และการตั้งค่าส่วนบุคคลอื่น ๆ รวมถึงยังใช้แอปในการควบคุมตัวลำโพงได้อีกด้วย นอกจากนี้ลำโพงซีรีส์นี้ยังรองรับโหมด Klipsch Broadcast ที่ช่วยให้สามารถจัดกลุ่มร่วมกับลำโพง Klipsch ที่รองรับ Bluetooth รุ่นอื่น ๆ ได้มากถึง 10 ตัว ที่สำคัญคือ Klipsch ยังได้ออกแบบให้ลำโพงซีรีส์ Music City ทั้งสามรุ่นสามารถทนทานต่อทั้งน้ำ ฝุ่น และสภาพอากาศต่าง ๆ สูงถึงมาตรฐาน IP67 เลยทีเดียว


และท้ายนี้ สินค้ารุ่นนี้ยังไม่เข้าไทยครับ และยังไม่มีราคาไทยที่ที่แน่นอน ซึ่งถ้าหากเข้ามาจัดจำหน่ายที่ไทยเมื่อไหร่ทาง mercular.com จะรีบนำมาจำหน่ายและรีวิวให้รับชมกันอย่างแน่นอนครับ สำหรับครั้งนี้สวัสดีครับ

best-seller-ads
article-banner-1
article-banner-2