มินิรีวิว OPPO Enco Free2
14 ก.ค. 2564
True Wireless พร้อม ANC เสียงดี ใส่สบาย
เป็นอีกแบรนด์ที่นอกจากจะมีสินค้าเด่นอย่าง Smartphone แล้วด้านอุปกรณ์เสริมมือถือก็จัดเต็มไม่แพ้กัน กับแบรนด์สัญชาติจีนยอดนิยมอย่าง OPPO ที่ลงมาจับตลาดสินค้าคู่ใจ Smartphone แบบที่ขาดกันไม่ได้อย่าง หูฟังไร้สาย True Wireless โดยมีสินค้ารุ่นเด่นออกมาหลายรุ่น และแต่ละรุ่นก็บอกเลยว่าล้วนแต่ไม่ธรรมดา ซึ่งด้วยความสำเร็จนี้เองที่ทำให้ทางแบรนด์คิดค้นและพัฒนาสินค้ารุ่นใหม่ล่าสุดออกมานั่นคือ หูฟังไร้สาย OPPO Enco Free2 True Wireless ที่ก็ต้องบอกเลยว่ายอดเยี่ยมและไม่ธรรมดาไม่แพ้สินค้ารุ่นก่อนๆ ของทาง OPPO อย่างแน่นอน ซึ่งในรุ่น OPPO Enco Free2 นี้ก็มาพร้อมฟังก์ชันเด่นแบบอัดแน่น จัดเต็ม ทั้งการตัดเสียงรบกวนที่ทำได้อย่างยอดเยี่ยมโดยใช้ไมโครโฟนในการตัดเสียงรบกวนถึง 3 ตัว และความสามารถในการปรับแนวเสียงให้ตอบโจทย์ถูกใจผู้ฟังมากที่สุด โดยในรุ่นนี้ยังสานความสำเร็จจากในรุ่นที่แล้วด้วยการได้แบรนด์เครื่องเสียงระดับโลกอย่าง Dynaudio มาปรับจูนแนวเสียงให้ออกมายอดเยี่ยมเช่นเดิม และโดดเด่นด้วยแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้อย่างยาวนานถึง 30 ชั่วโมงอีกด้วย โดยในรุ่น OPPO Enco Free2 จะมีฟังก์ชันไหนโดดเด่นและน่าสนใจอีกบ้างนั้น เรามาดูกันเลยครับ
ตัดเสียงได้ยอดเยี่ยมด้วยไมโครโฟนถึง 3 ตัว
สำหรับรุ่นนี้ใช้การสวมใส่แบบ In-Ear พร้อมฟังก์ชันเด่นของในรุ่นนี้คือฟังก์ชันตัดเสียบกวน Active Noise Cancelling ที่ในรุ่นนี้ได้รับการพัฒนาและอัพเกรดมาเป็นอย่างดี ทำให้การตัดเสียงนั้นทำได้ยอดเยี่ยมไม่แพ้แบรนด์อันดับต้นๆ ในตลาด ณ ปัจจุบัน โดยทาง OPPO เคลมเอาไว้ว่าสามารถตัดเสียงรบกวนได้มากถึง 42 dB เลยทีเดียว ด้วยการทำงานของไมโครโฟนสำหรับการตัดเสียงรบกวนถึง 3 ตัว ทำให้การตัดเสียงทำได้อย่างยอดเยี่ยม ในขณะเดียวกันโหมดรับเสียงภายนอก Transparency Mode ก็สามารถรับเสียงได้อย่างคมชัด ได้ยินเสียงรอบข้างอย่างชัดเจนจนแทบจะลืมว่าใส่หูฟังอยู่ ด้านแนวเสียงก็ยังคงทำได้ยอดเยี่ยมในระดับ Audiophile ด้วยการจับมือกันอีกครั้งก้บแบรนด์เครื่องเสียงยอดนิยมระดับโลกอย่าง Dynaudio ในการปรับจูนและปรับแต่งสเปคด้านเสียง ทำให้เสียงของ OPPO Enco Free2 ยอดเยี่ยม ทรงพลัง ไม่แพ้แบรนด์หลักๆ อย่าง Sony, Apple หรือ Bose อย่างแน่นอน และพิเศษด้วย Tailor-Made Sound หรือโหมดปรับแต่งเสียงตามการได้ยินของผู้ใช้งาน ที่ทางแอปจะตรวจสอบและนำมาประมวลให้ให้เป็นเสียงที่มีย่านเสียงต่างๆ เหมาะสมและพอดีกับผู้ฟังมากที่สุดนั่นเอง
ชื่อมต่อไร้สายรุ่นใหม่ล่าสุด และฟังก์ชันการใช้งานอื่นๆ แบบจัดเต็ม
ด้านการเชื่อมต่อในรุ่นนี้มาพร้อม Bluetooth 5.2 ใหม่ล่าสุดที่มาพร้อมจุดเด่นในเรื่องความหน่วงต่ำหรือ Low Latency ทำให้นอกจากจะให้สัญญาณที่เสถียร เชื่อมต่อได้ระยะไกล และประหยัดพลังงานแล้ว ยังใช้รับชมภาพยนตร์ออนไลน์เช่น Netflix, Disney+ hotstar และ YouTube ได้สบายๆ ไม่ดีเลย์ รวมไปถึงเล่นเกมก็ยังแทบไม่ดีเลย์ด้วยเช่นกัน และยังรองรับการใช้งานแยกข้างอิสระ จะใช้งานข้างใดข้างหนึ่งและเก็บอีกข้างหนึ่งลงเคสก็ทำได้ตามต้องการตลอดเวลา ตัวหูฟังยังมีน้ำหนักที่เบามากๆ เพียงข้างละ 4.4 กรัมเท่านั้น ซึ่งแม้จะเบามากๆ แต่ความทนทานก็มาแบบจัดเต็ม โดยไม่กลัวทั้งน้ำและฝุ่นด้วยมาตรฐานการกันน้ำกันฝุ่น IP54 สายสปอร์ตใส่ออกกำลังกายได้สบายๆ ไม่ต้องกลัวน้ำและเหงื่อจะทำอันตรายใดๆ ตัวหูฟังได้ สุดท้ายคือแบตเตอรี่ที่ให้มาจัดเต็มเช่นเดียวกัน โดยตัวหูฟังใช้งานได้ต่อเนื่อง 4 ชั่วโมงเมื่อเปิด ANC และ 6.5 ชั่วโมงเมื่อไม่เปิด ANC และชาร์จเพิ่มจากเคสได้อีกรวมเป็น 30 ชั่วโมง เรียกได้ว่าชาร์จเต็มครั้งเดียวพกพาไปได้ยาวๆ อยู่ได้เกิน 1 วันสบายๆ
โดยในตอนนี้สินค้ายังไม่เข้าไทย และเปิดตัวราคาเป็นทางการอยู่ที่ราวๆ 2,990 บาท ซึ่งถ้าหากเข้ามาจัดจำหน่ายที่ไทยเมื่อไหร่ทาง Mercular.com จะรีบนำมาจำหน่ายและรีวิวให้รับชมกันอย่างแน่นอนครับ