12 เครื่องฟอกอากาศ ยี่ห้อไหนดี? อัปเดตล่าสุดปี 2024

23 ม.ค. 2566

12 เครื่องฟอกอากาศ ยี่ห้อไหนดี? อัปเดตล่าสุดปี 2024

เครื่องฟอกอากาศเป็นหนึ่งในไอเทม Smart Home ที่ฮอตฮิตที่สุดในเวลานี้เลยก็ว่าได้ เนื่องจากมีความสามารถในการฟอกอากาศบริสุทธิ์ให้เราได้ใช้หายใจได้ตลอดทั้งวัน แต่ว่าจะเลือกซื้อเครื่องฟอกาอากาศ ยี่ห้อไหนดี? ที่จะสามารถช่วยกำจัด PM 2.5 บริเวณรอบตัวเราได้อยู่หมัด เพราะนอกจากที่เราจะใช้เวลาอยู่นอกตัวบ้านแล้ว เราก็ยังใช้เวลาภายในบ้านค่อนข้างเยอะเลยทีเดียว เพราะฉะนั้นหากเรามีเครื่องฟอกอากาศที่มีประสิทธิภาพสักหนึ่งเครื่องภายในบ้านนั้นจะเป็นสิ่งที่ช่วยให้อากาศภายในบ้านของคุณสะอาดได้มากยิ่งขึ้น วันนี้ Mercular.com รวมมาให้แล้ว 12 ตัวท็อป เครื่องฟอกอากาศ ยี่ห้อไหนดี? บอกเลยว่างานคุณภาพทุกรุ่นแน่นอน

1.เครื่องฟอกอากาศ Pando Air D Cube Air Purifier

สเปคเด่น

 

เหมาะกับพื้นที่ : 20 ตารางเมตร

 

ระดับแรงลม : 3 ระดับ

 

ช่องดูดอากาศ : 270 องศา

 

เสียงรบกวน : 55 เดซิเบล

 

ควบคุมการทำงาน : แอปพลิเคชัน,มีโหมด Sleep

 

ขนาด : 21 x 21.3 x 31.7 ซม.


สำหรับใครที่กำลังมองหาเครื่องฟอกอากาศไว้ใช้งานในกลางคืน ต้องการเสียงที่เงียบไม่รบกวน แนะนำ Pando รุ่น Air D Cube สำหรับรุ่นนี้มีความดังเพียง 55 เดซิเบล และมีโหมด Sleep โดยที่ไม่รบกวนการนอนในการปิดแสงไฟแสดงสถานะต่างๆ เห็นแบบนี้ประสิทธิภาพการใช้งานฟอกอากาศบริสุทธิ์ที่มากถึง 190 ลูกบาศก์เมตร / ชั่วโมง มาพร้อมช่องดูดอากาศ 270 องศา โดยที่มีไส้กรอง HEPA ที่สามารถกรองฝุ่นขนาดเล็กได้ถึง 0.3 ไมครอน และสำหรับคนที่กังวลเรื่องภูมิแพ้ไม่ต้องกังวลใจเลย เพราะสามารถกรองสิ่งปนเปื้อนในอากาศและสารก่อภูมิแพ้ได้ถึง 99.97% นอกจากนี้ยังสามารถกรองฝุ่นพิษ PM2.5 ได้ดีอีกด้วย เป็นรุ่นจบครบครันเลยทีเดียว 


นอกจากนี้ยังมีความต่างกับรุ่น Pando Air D Plus Air Purifier อยู่ในส่วนของขนาดที่ออกแบบมาให้กะทัดรัดกว่าและมีน้ำหนักที่เบากว่า เหมาะสำหรับการใช้งานในห้องขนาดเล็กอย่าง ห้องนอน

ข้อดี


  • โหมด Sleep ปิดไฟแสดงสถานะ
  • สามารถปรับแรงลมได้ 3 ระดับ

ข้อควรระวัง


  • เหมาะกับห้องขนาดเล็ก
เครื่องฟอกอากาศยี่ห้อไหนดี เครื่องฟอกอากาศ Pando Air D Cube Air Purifier

2.เครื่องฟอกอากาศ Xiaomi Mi Pro EU Air Purifier

สเปคเด่น

 

เหมาะกับพื้นที่ : 35 - 60 ตารางเมตร

 

หน้าจอ : OLED แสดงค่าอุณหภูมิ ความชื้น ค่าฝุ่น ฯลฯ แบบ Real-time 

 

เสียงรบกวน : 31 เดซิเบล

 

ควบคุมการทำงาน : ควบคุมการทำงานได้ผ่านแอปพลิเคชัน MI Home, ระบบสัมผัส

 

ขนาด :28.17 x 27.9 x 71.82 เซนติเมตร



เครื่องฟอกดีไซน์สวย สไตล์มินิมอล สำหรับแบรนด์ดังอย่าง Xiaomi รุ่น Mi Pro EU Air Purifier มาพร้อมฟังก์ชันที่ทันสมัยในการสั่งงานควบคุมแบบระบบสัมผัส และยังสามารถควบคุมการใช้งานผ่านแอปพลิเคชัน MI Home ได้อย่างสะดวกรวดเร็ว มาพร้อมกับหน้าจอ OLED ที่สามารถ แสดงค่าอุณหภูมิ ความชื้น ค่าฝุ่น ได้อย่าง Real-time และที่สำคัญสามารถใช้งานกับขนาดห้องได้ตั้งแต่ 35-60 ตร.ม. ได้อย่างสบาย รวมไปถึงฟิลเตอร์กรองอากาศ 3 ชั้นที่สามารถกรองฝุ่น ได้ถึง 99.99% ไม่ว่าจะเป็นฝุ่นละออง เส้นผม หรือแม้กระทั่ง PM 2.5 และนอกจากนี้เสียงรบกวนเบามีความเงียบและดังเพียง 31 dB ไม่รบกวนในการทำงานอีกด้ว

ข้อดี


  • ใช้งานได้กับพื้นที่หลากหลาย
  • จอแสดงผล OLED ฟังก์ชันใช้งานหลากหลาย
  • ควบคุมการทำงานได้ผ่านแอปพลิเคชัน



ข้อควรระวัง


  • เครื่องมีขนาดใหญ๋ และค่อนข้างหนัก
เครื่องฟอกอากาศยี่ห้อไหนดี เครื่องฟอกอากาศ Xiaomi Mi Pro EU Air Purifier

3. Xiaomi 4 Lite Air Purifier Global (34964)

สเปคเด่น


เหมาะกับพื้นที่ : 25-43 ตารางเมตร


หน้าจอ : LED แสดงค่า PM2.5, ความชื้น, อุณหภูมิ, ฯลฯ


ควบคุมการทำงาน : การสัมผัส, แอปพลิเคชัน, คำสั่งเสียง


ขนาด : 240 x 240 x 533.5 มิลลิเมตร

เครื่องฟอกอากาศคุณภาพดีกับแบรนด์ Xiaomi หนึ่งในแบรนด์อุปกรณ์ Smart Home ระดับโลกเลยก็ว่าได้ เพราะมีสินค้าเพื่อการใช้งานภายในบ้านหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นหุ่นยนต์ทำความสะอาด เครื่องดูดฝุ่น หลอดไฟอัจฉริยะ ไม่เว้นแม้แต่เครื่องฟอกอากาศ โดยเฉพาะรุ่นที่ขายดีตลอดกาลอย่าง Xiaomi 4 Lite Air Purifier Global รุ่นนี้เหมาะสำหรับพื้นที่ห้องขนาด 25-43 ตารางเมตร มีหน้าจอ LED มาให้ในตัว แสดงค่าคุณภาพอากาศได้อย่างชัดเจน สามารถกรองฝุ่นขนาดเล็ก 0.3 ไมครอนได้ถึง 99.97% และยังช่วยขจัดสารก่อภูมิแพ้รวมถึงกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้อย่างหมดจด หากคุณยังเลือกไม่ถูกว่าจะซื้อเครื่องฟอกอากาศ ยี่ห้อไหนดี? บอกเลยว่ารุ่นนี้ติดท็อปมาตลอดกาล และเชื่อว่าจะติดท็อปตลอดไป

ข้อดี


  • ดีไซน์เรียบหรู ขนาดกะทัดรัด น้ำหนักเบา
  • สั่งการทำงานด้วยเสียงได้

ข้อควรระวัง


  • เหมาะสำหรับห้องที่ขนาดไม่ใหญ่มาก เพื่อการฟอกอากาศอย่างมีประสิทธิภาพ
เครื่องฟอกอากาศ รุ่นไหนดี? Xiaomi

4. Blueair Pro L Air Purifier

สเปคเด่น


เหมาะกับพื้นที่ : 72 ตารางเมตร


เสียงรบกวน : 32 - 55 เดซิเบล


ขนาด : 50 x 25 x 77.5 เซนติเมตร


น้ำหนัก : 19 กิโลกรัม

เชื่อว่าหลาย ๆ คนอาจกำลังมองหาเครื่องฟอกอากาศ ยี่ห้อไหนดี? ที่มีมาตรฐานการผลิตจากต่างประเทศแล้วได้คุณภาพที่ดีเยี่ยม เลือก Blueair Pro L Air Purifier ได้เลยจ้า เป็นแบรนด์จากประเทศสวีเดนที่คิดค้นนวัตกรรมที่หลากหลาย โดยเฉพาะตัวฟิลเตอร์กรองอากาศ HEPASilent™ ที่ผ่านการจดสิทธิบัตรเฉพาะ ช่วยกรองฝุ่น PM 2.5, สารก่อภูมิแพ้, และแบคทีเรียได้อย่างมีประสิทธิภาพ เรียกได้ว่าสามารถดักจับฝุ่นขนาดเล็กจิ๋ว 0.1 ไมครอนได้ในระดับที่ดีเยี่ยม และไม่ต้องกังวลว่าจะต้องเปลี่ยนไส้กรองเมื่อไหร่? เพราะตัวเครื่องมีระบบการแจ้งเตือนให้เปลี่ยนไส้กรองอัตโนมัติ บอกเลยว่าคุณภาพคับเครื่องต้องยกให้เครื่องฟอกอากาศรุ่นนี้

ข้อดี


  • ดักจับฝุ่นขนาดเล็ก 0.1 ไมครอนได้ถึง 99.97%
  • มีระบบการแจ้งเตือนเปลี่ยนไส้กรอง

ข้อควรระวัง


  • ราคาสูงเมื่อเทียบกับแบรนด์อื่น
เครื่องฟอกอากาศสีขาว Blueair Pro L Air Purifier

5. IQAir HealthPro 100 Air Purifier

สเปคเด่น


เหมาะกับพื้นที่ : 180 ตารางเมตร


ระดับแรงลม : 6 ระดับ


ขนาด : 38 x 41 x 61 เซนติเมตร


น้ำหนัก : 12 กิโลกรัม

IQAir อีกหนึ่งแบรนด์เครื่องฟอกอากาศที่ได้มาตรฐาน หลายคนอาจเคยเห็นเครื่องฟอกอากาศแบรนด์นี้อยู่ตามโรงพยาบาลหรือตามอาคารสำนักงานต่าง ๆ เนื่องจากสามารถกรองอากาศได้เป็นบริเวณกว้าง แต่ในรุ่น IQAir HealthPro 100 Air Purifier ก็สามารถนำมาใช้ภายในบ้านได้ โดยเฉพาะบ้านไหนที่เลี้ยงสัตว์ มีเด็ก ผู้สูงอายุ หรือคนที่เป็นภูมิแพ้ บอกเลยว่าเครื่องฟอกอากาศรุ่นนี้ตอบโจทย์ เพราะมีฟิลเตอร์กรองอากาศประสิทธิภาพสูง กรองฝุ่นและมลพิษอนุภาคเล็ก 0.003 ไมครอนได้อย่างดีเยี่ยม มาพร้อมระบบ 3D Ultra Seal ป้องกันอากาศรั่วไหลคล้ายระบบสุญญากาศ ทำให้อากาศที่ออกไปนั้นเป็นอากาศบริสุทธิ์ล้วน ๆ เป็นอีกหนึ่งเครื่องฟอกอากาศ ยี่ห้อไหนดี? ที่เหมาะสำหรับทุกครอบครัว

ข้อดี


  • สามารถฟอกอากาศได้เป็นบริเวณกว้าง
  • ใช้ฟิลเตอร์กรองอากาศได้นานหลายปี

ข้อควรระวัง


  • ขนาดใหญ่เทอะทะ ไม่เหมาะกับการเคลื่อนย้าย
เครื่องฟอกอากาศ ยี่ห้อไหนดี? IQAir HealthPro 100 Air Purifier

6. Blueair HealthProtect 7440i Air Purifier

สเปคเด่น


เหมาะกับพื้นที่ : 38 ตารางเมตร


เสียงรบกวน : 25 - 45 เดซิเบล


อัตราการสร้างอากาศบริสุทธิ์ : 475 ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง


น้ำหนัก : 12.5 กิโลกรัม

ใครที่กำลังมองหาเครื่องฟอกอากาศ ยี่ห้อไหนดี? ที่มาพร้อมดีไซน์เรียบหรูล้ำสมัย ขอแนะนำ Blueair HealthProtect 7440i Air Purifier เครื่องฟอกอากาศรุ่นนี้มีการดีไซน์ที่แปลกตาแต่โดดเด่นเป็นที่สุด เหมาะสำหรับตั้งไว้ที่ห้องนอน ห้องนั่งเล่น ห้องอ่านหนังสือ ห้องเล่นเกม เป็นต้น มาพร้อมจอแสดงผลค่า PM 2.5 ที่อ่านค่าได้อย่างง่ายและฟิลเตอร์กรองอากาศชนิดพิเศษ HEPASilent Ultra™ ที่สามารถกรองอากาศกรองฝุ่นแบบไฟฟ้าสถิตและเชิงกลได้ถึง 99.99% มีการไหลเวียนของอากาศทุกทิศทางแบบ 360 องศา ทำให้คุณสามารถสูดอากาศบริสุทธิ์ได้อย่างเต็มปอด รองรับการควบคุมจากระยะไกลผ่านแอปพลิเคชันและคำสั่งเสียง Amazon Alexa เรียกได้ว่าล้ำสมัยกว่าใคร

ข้อดี


  • รองรับการสั่งการทำงานด้วยคำสั่งเสียง
  • ดีไซน์เรียบหรูล้ำสมัย สามารถใช้งานภายในบ้านได้ทุกห้อง
  • ตั้งเวลาการทำงานเปิด-ปิดอัตโนมัติได้ผ่านแอปพลิเคชัน

ข้อควรระวัง


  • ไม่รองรับคำสั่งเสียงที่เป็นภาษาไทย
เครื่องฟอกอากาศยี่ห้อ Blueair HealthProtect 7440i Air Purifier

7. Autobot CADR 650 Smart Air Purifier 2

สเปคเด่น


วัสดุ : ABS


เหมาะกับพื้นที่ : 65 - 85 ตารางเมตร


อัตราการสร้างอากาศบริสุทธิ์ : 650 ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง


ระดับเสียง : 35-61 เดซิเบล

นอกจากหุ่นยนต์ดูดฝุ่น แล้ว Autobot เขาก็โดดเด่นเรื่องเครื่องฟอกอากาศเหมือนกันเด้อ โดยเฉพาะรุ่น Autobot CADR 650 Smart Air Purifier 2 ที่มาพร้อมอัตราการสร้างอากาศบริสุทธิ์ถึง 650 ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง ทำให้คุณสามารถรับอากาศบริสุทธิ์ได้รวดเร็วยิ่งขึ้นและสะอาดกว่าเดิม นอกจากจะสามารถช่วยดักจับฝุ่นละอองขนาดใหญ่และเล็กได้อย่างมีประสิทธิภาพแล้ว ยังมีระบบแสงไฟ UV ที่ทำหน้าที่ฆ่าเชื้อโรคในตัวเครื่องอีกด้วย บอกเลยว่าครอบคลุมเรื่องการจัดการสิ่งสกปรกได้อย่างดีเยี่ยม ปรับระดับความแรงลมได้ถึง 4 ระดับ ควบคุมการทำงานได้ผ่านแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟน แถมยังสามารถตั้งค่าเวลาเปิด-ปิดอัตโนมัติได้ด้วย

ข้อดี


  • ควบคุมการทำงานผ่านแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟนได้
  • มีระบบแสงไฟ UV ช่วยฆ่าเชื้อโรค

ข้อควรระวัง


  • หากเปิดโหมดความแรงลมสูงอาจมีเสียงรบกวนขณะใช้งาน
เครื่องฟอกอากาศสีขาว Autobot CADR 650 Smart Air Purifier 2

8. Innohome InnoAir

สเปคเด่น


หน้าจอ : Touch Screen


โหมดการทำงาน : Auto, Sleep, Custom


ขนาด : 55.8 x 35.5 x 19 ซม.


น้ำหนัก : 4.25 กิโลกรัม

Innohome InnoAir ถือเป็นเครื่องฟอกอากาศ ยี่ห้อไหนดี? ที่ราคามิตรภาพอีกหนึ่งรุ่น เพราะมาในราคาที่เอื้อมถึงได้ง่าย แต่ฟีเจอร์และประสิทธิภาพในการกรองอากาศไม่แพ้แบรนด์อื่นเลยล่ะ มาพร้อมตัวกรอง HEPA และแอคทีฟคาร์บอนที่สามารถกรองฝุ่น PM 2.5 ได้ถึง 99.99% กรองแบคทีเรีย และสารก่อภูมิแพ้ได้ถึง 99.98% รวมถึงยังสามารถขจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้เป็นอย่างดี หากคุณไม่อยู่บ้าน สามารถตั้งเวลาเปิด-ปิดการทำงานได้สูงสุดถึง 8 ชั่วโมง ปรับโหมดการทำงานได้ 3 ระดับตามต้องการ สามารถตั้งไว้ภายในบ้านได้อย่างสบายใจ เคลื่อนย้ายได้ง่ายเพราะน้ำหนักเบา ดีไซน์กะทัดรัด หากคุณกำลังมองหา เครื่องฟอกอากาศ ยี่ห้อไหนดี? ที่สามารถเป็นตัวเริ่มต้นได้ล่ะก็ เลือก Innohome InnoAir ประทับใจชัวร์

ข้อดี


  • หน้าจอ Touch Screen ใช้งานง่าย
  • มีระบบแสง UV ที่ช่วยเพิ่มอัตราการฆ่าเชื้อโรคได้

ข้อควรระวัง


  • ไม่รองรับการควบคุมการทำงานผ่านแอปพลิเคชัน
เครื่องฟอกอากาศ ยี่ห้อไหนดี? Innohome InnoAir

9. Blueair Classic 205 Air Purifier

สเปคเด่น


เหมาะกับพื้นที่ : 26 ตารางเมตร


อัตราการสร้างอากาศบริสุทธิ์ : 340 ลบ.ม./ชม.


ระดับเสียง : 32 - 56 เดซิเบล


ขนาด : 53.3 x 43.2 x 20.9 ซม.

หากเครื่องฟอกอากาศรุ่นก่อนหน้านี้จาก Blueair ยังไม่โดนใจ ลองมาเลือกรุ่น Blueair Classic 205 Air Purifier นี้ต่อได้นะ เชื่อว่ารุ่นนี้ประทับใจแน่นอน เพราะผ่านการรับรองโดย AHAM สมาคมผู้ผลิตเครื่องใช้ภายในบ้านด้านประสิทธิภาพและอัตราการสร้างอากาศบริสุทธิ์มาอย่างจัดเต็ม มาพร้อมฟิลเตอร์กรองอากาศ HEPASilent™ ที่สามารถยับยั้งสารก่อภูมิแพ้ เชื้อไวรัส รวมถึงฝุ่นละอองขนาดใหญ่และเล็กได้ถึง 99% รองรับการเชื่อมต่อ WiFi เพื่อสั่งการทำงานจากระยะไกล แม้ไม่ได้อยู่บ้านก็สั่งการทำงานให้คนในบ้านได้ตลอด 24 ชั่วโมง เชื่อว่าหากคุณกำลังมองหาเครื่องฟอกอากาศ ยี่ห้อไหนดี? ที่สั่งการทำงานผ่านแอปพลิเคชันได้ล่ะก็ Mercular ขอแนะนำรุ่นนี้ยืนหนึ่งนำเพื่อนมาเลย!

ข้อดี


  • เทคโนโลยี HEPASilent™ กรองอากาศด้วยไฟฟ้าสถิตและเชิงกล
  • รองรับการเชื่อมต่อ WiFi เพื่อสั่งการทำงานจากระยะไกล
  • ตั้งเวลาการทำงานเปิด-ปิดอัตโนมัติได้ผ่านแอปพลิเคชัน

ข้อควรระวัง


  • ราคาสูง แต่เมื่อเทียบกับประสิทธิภาพการทำงานถือว่าคุ้มค่า
เครื่องฟอกอากาศมินิมอล Blueair Classic 205 Air Purifier

10. Pando Air D Plus Air Purifier

สเปคเด่น


อัตราการสร้างอากาศบริสุทธิ์ : 380 ลบ.ม./ชม.


เหมาะสำหรับพื้นที่ : 30 - 45 ตารางเมตร


ขนาด : 26.5 x 26 x 48.9 ซม.


ระดับเสียง : 33 – 61 เดซิเบล

บ้านไหนมีเด็กแล้วเป็นกังวลว่าเจ้าหนูจะมากดปุ่มเครื่องฟอกอากาศเล่นจนพังไหมนะ? บอกเลยว่า Pando Air D Plus Air Purifier มีระบบปุ่มล็อกป้องกันไม่ให้เด็กกดเล่น ทำให้คุณสบายใจไปได้ 1 เปราะว่าสามารถใช้งานได้โดยไม่ต้องเป็นกังวล ซึ่งเจ้าเครื่องฟอกอากาศรุ่นนี้นั้นเหมาะสำหรับห้องขนาด 30-45 ตารางเมตร จะวางไว้ในห้องนอน ห้องนั่งเล่น ห้องครัว ฯลฯ ก็สามารถใช้งานได้เป็นอย่างดี เสียงขณะใช้งานไม่รบกวนการใช้ชีวิตอย่างแน่นอน สามารถควบคุมการทำงานได้ผ่านแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟน แต่ยังไม่รองรับคำสั่งเสียง แต่ก็ถือว่าเป็นหนึ่งในเครื่องฟอกอากาศ ยี่ห้อไหนดี? ที่ราคามิตรภาพเข้าถึงง่ายอีกหนึ่งรุ่น หากคุณมีงบจำกัดในการซื้ออุปกรณ์ Smart Home อย่างเครื่องฟอกอากาศล่ะก็ เราขอแนะนำรุ่นนี้ รับรองคุ้มค่าคุ้มราคา

ข้อดี


  • ควบคุมการทำงานได้ผ่านแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟน
  • มีระบบล็อกปุ่มเพื่อป้องกันเด็กกดเล่น

ข้อควรระวัง


  • ไม่รองรับคำสั่งเสียง
เครื่องฟอกอากาศ สีขาว Pando Air D Plus Air Purifier

11. Xiaomi 4 Pro Air Purifier Global (33667)

สเปคเด่น


เหมาะกับพื้นที่ : 35-60 ตารางเมตร


หน้าจอ : OLED แสดงค่า PM2.5, ความชื้น, อุณหภูมิ, ฯลฯ


อัตราการสร้างอากาศบริสุทธิ์ : 500 ลบ.ม./ชม.


ควบคุมการทำงาน : การสัมผัส, แอปพลิเคชัน, คำสั่งเสียง

Hello Google! Open Xiaomi Air Purifier! อยากลองพูดบ้างใช่ไหมล่ะ เลือกช้อปเครื่องฟอกอากาศ Xiaomi 4 Pro Air Purifier Global (33667) ไปใช้งานรับรองได้สั่งการทำงานด้วยคำเสียงได้อย่างสบายใจ นอกจากนั้นยังสามารถควบคุมการทำงานได้ผ่านแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟนได้อีกด้วย สะดวกสบายกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว เรื่องการฟอกอากาศของรุ่นนี้ก็ไม่แพ้รุ่นอื่น ๆ เลยล่ะ เพราะอัตราการสร้างอากาศบริสุทธิ์อยู่ที่ 500 ลบ.ม./ชม. และยังมีฟิลเตอร์กรองอากาศที่ประสิทธิภาพเยี่ยม กรองฝุ่นขนาดเล็ก 0.3 ไมครอน ได้ถึง 99.97% เรื่องกลิ่นก็ช่วยขจัดให้อย่างหมดจด ขณะใช้งานไม่ต้องเป็นกังวลว่าเสียงจะดังรบกวนตอน Work From Home หรือเรียนออนไลน์แต่อย่างใด เพราะเสียงเงียบเพียง 33.7 เดซิเบลเท่านั้น หากคุณกำลังมองหาเครื่องฟอกอากาศ ยี่ห้อไหนดี? ที่สามารถใช้งานได้ครบครันทุกฟังก์ชันอย่างจัดเต็ม บอกเลยว่ารุ่นเวิร์ก!

ข้อดี


  • จอ OLED ใช้งานง่าย สามารถสั่งการด้วยการสัมผัสได้ทุกเวลา
  • รองรับการใช้งานด้วยคำสั่งเสียง Google Assistant และ Alexa
  • ขณะใช้งานเสียงเบา ไม่รบกวนการใช้ชีวิต

ข้อควรระวัง


  • ไม่รองรับการดักจับเชื้อแบคทีเรียหรือเชื้อไวรัส
เครื่องฟอกอากาศ Xiaomi 4 Pro Air Purifier Global (33667)

12. Blueair Blue Pure Fan Air Purifier

สเปคเด่น


เหมาะสำหรับพื้นที่ : 25 - 42 ตารางเมตร


ระดับเสียง : 31 - 56 เดซิเบล


ขนาด : 33 x 28 x เซนติเมตร


น้ำหนัก : 5.3 กิโลกรัม

ขอปิดท้ายด้วยเครื่องฟอกอากาศดีไซน์ล้ำสุดในปฐพีปี 2023 Blueair Blue Pure Fan Air Purifier รุ่นนี้ดีไซน์ออกมาได้มินิมอลไม่เหมือนใคร นอกจากจะเป็นเครื่องฟอกอากาศแล้วยังทำหน้าที่เป็นพัดลมได้ในตัว ปรับแรงลมได้ถึง 3 ระดับตามต้องการ บอกเลยว่าเป็นเครื่องฟอกอากาศที่ไม่ธรรมดา เพราะมาพร้อมฟิลเตอร์กรองอากาศที่สามารถกรองฝุ่น PM 2.5 ได้ถึง 99% เลยทีเดียว สามารถถอดฟิลเตอร์กรองอากาศมาทำความสะอาดได้ด้วยตัวเอง ควบคุมการทำงานได้ด้วยปุ่มบนตัวเครื่อง ใช้งานง่าย ประหยัดพื้นที่สุด ๆ หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ชอบแต่งบ้านและเป็นสายมินิมอลที่กำลังมองหาเครื่องฟอกอากาศ ยี่ห้อไหนดี? ที่ดีไซน์ออกมาได้ Less is more น้อยแต่มากเรียบแต่โก้ล่ะก็ บอกเลยว่าเลือกซื้อรุ่นนี้ไปไว้ที่บ้านมีประทับใจรัว ๆ ใครเข้าบ้านก็เป็นต้องทัก ป้ายยากันง่าย ๆ เลยล่ะ

ข้อดี


  • ดีไซน์มินิมอล ไม่ซ้ำใคร
  • ใช้งานง่าย ขนาดกะทัดรัด สามารถเคลื่อนย้ายได้ตามต้องการ

ข้อควรระวัง


  • ควบคุมการทำงานได้เพียงปุ่มบนตัวเครื่อง
  • แรงลมกระจายได้เพียง 90 องศา
เครื่องฟอกอากาศมินิมอล Blueair Blue Pure Fan Air Purifier

เป็นอย่างไรกันกันบ้างกับเครื่องฟอกอากาศทั้ง 12 รุ่นที่เราได้แนะนำมา แต่ละรุ่นมีฟีเจอร์การใช้งานและการดีไซน์ค่อนข้างต่างกัน เพราะฉะนั้นคุณจึงควรพิจารณาก่อนการเลือกซื้อ เพื่อความคุ้มค่าที่สุดในการใช้งาน แต่ต้องบอกเลยว่าหากพูดถึงเรื่องประสิทธิภาพการฟอกอากาศ ขึ้นแท่นนัมเบอร์วันแทบทุกรุ่นเลยล่ะ หากคุณกำลังมองหาเครื่องฟอกอากาศ ยี่ห้อไหนดี? อยู่ล่ะก็ หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้คุณได้คำตอบในใจบ้างไม่มากก็น้อย และหากคุณกำลังมองหาเครื่องฟอกอากาศในห้องนอน เรารวมไว้ให้คุณแล้ว ที่นี่ คลิกอ่านเพิ่มเติมได้เลย

best-seller-ads
article-banner-1
article-banner-2