8 หูฟัง True Wireless Earbuds เสียงดี ใส่สบาย ปี 2023
2 ก.พ. 2566
เริ่มต้นปี 2023 กันมาพร้อมกับการเริ่มต้นสิ่งใหม่ๆ หรือแรงบันดาลในการทำสิ่งใหม่ๆ มากมาย และในบรรดาสิ่งใหม่ๆ ที่มีให้เลือกทำมากมายนั้น ทาง Mercular.com เองก็เชื่อว่าหลายๆ คนก็อาจจะกำลังมองหาหูฟัง True Wireless ตัวใหม่กันอยู่บ้างไม่มากก็น้อย ซึ่งในบรรดาหูฟัง True Wireless ที่มีมากมายในตลาดนั้น ส่วนใหญ่มักจะเป็นหูฟังที่สวมใส่แบบ In-Ear ที่การสวมใส่นั้นต้องยัดจุกซิลิโคนเข้าไปในหูและอาจจะทำให้ผู้ใช้งานบางท่านรู้สึกว่าถูกอุดหู ทำให้สวมใส่ไม่สบาย รวมถึงมีบทความรวมหูฟัง True Wireless In-Ear ออกมามากมายด้วยกัน ดังนั้นในครั้งนี้ ทาง Mercular.com จึงขอรวมเอา 8 หูฟัง True Wireless Earbuds เสียงดี ใส่สบาย ปี 2023 มาเป็นตัวเลือกให้ผู้ใช้งานได้เลือกซื้อทั้งเป็นหูฟังตัวใหม่ หรือจะนำไปแทนหูฟังตัวเดิมที่มีอยู่ก็ยังได้ โดยจะมีรุ่นใดบ้างนั้น เรามาดูกันเลยครับ
8 หูฟัง True Wireless Earbuds ในบทความนี้
- หูฟังไร้สาย Bose QuietComfort Earbuds True Wireless
- หูฟังไร้สาย Bose Sport Earbuds True Wireless
- หูฟัง SoundPeats Air3 True Wireless
- หูฟัง Apple AirPods (3rd generation)
- หูฟัง Marshall Minor III True Wireless
- หูฟัง SoundPeats Air3 True Wireless
- หูฟัง Xiaomi Redmi Buds 3 True Wireless
- หูฟังไร้สาย HUAWEI FreeBuds 4 True Wireless
1.หูฟังไร้สาย Bose QuietComfort Earbuds True Wireless
จุดเด่น
ระบบปฏิบัติการณ์ที่รองรับ: Android, iOS
Bluetooth: 5.1
ระบบตัดเสียงรบกวน (ANC): มี
แบตเตอรี่: 6 ชั่วโมง
มาตรฐานกันน้ำ: IPX4
หูฟังไร้สาย Bose QuietComfort Earbuds True Wireless เป็นหนึ่งในหูฟังที่ออกแบบมามีฟังก์ชันโดดเด่นในเรื่องของการตัดเสียงรบกวน ANC หรือ Acoustic Noise Cancelling ตามแบบฉบับของ Bose ที่สามารถตัดเสียงรบกวนได้อย่างเงียบสนิททั้งภายนอกและภายใน และในรูปแบบของเสียงมีการติดตั้งเทคโนโลยี Active EQ โดยที่จะช่วยเพิ่มเสียงต่ำและเสียงสูงโดยอัตโนมัติไม่ว่าจะเป็นการฟังเพลง เล่นวีดีโอ หรือการติดต่อสนทนา ให้เสียงมีความสมดุลมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังออกแบบมาให้เนื้อเสียงมีความนุ่ม ละมุน ไพเราะฟังสบายและยังคงความคมชัดของเสียง บอกเลยว่าครบครันจริงๆ
สำหรับฟีเจอร์การใช้งานหลักสามารถควบคุมการใช้งานในการสั่งเล่นเพลง รับสาย/วางสายและสามารถใช้งานผ่านแอปพลิเคชัน Bose Music ได้ในการกำหนดค่าของการตัดเสียงรบกวน และสำหรับการใช้งานแบตเตอรี่สามารถใช้งานได้ยาวนานสูงสุด 6 ชั่วโมงโดยที่สามารถใช้งานร่วมกับเคสในการชาร์จเพิ่มได้อีก 12 ชั่วโมง และฟีเจอร์ในการแสดงสถานะของแบตเตอรี่ด้วยไฟ LED สำหรับการเชื่อมต่อสามารใช้งานในการเชื่อมต่อผ่าน Bluetooth 5.1 ที่สามารถเชื่อมต่อได้ไกล ถึง 10 เมตร นอกจากจะมีฟีเจอร์การใช้งานที่หลากหลายแล้ว ยังมีรูปทรงดีไซน์ที่ดูโดดเด่นไม่เหมือนใคร ทำให้เป็นรุ่นที่น่าสนใจในการเลือกซื้อใช้งานมากเลยทีเดียว
ข้อดี
- รองรับการชาร์จไร้สาย มาตรฐาน Qi
- สามารถใช้งานตัดเสียงรบกวนได้ดีเยี่ยม ANC
ข้อควรระวัง
- ลด-เพิ่มเสียงที่ตัวหูฟังไม่ได้
- ลักษณะตัวเครื่องขนาดใหญ่
2.หูฟังไร้สาย Bose Sport Earbuds True Wireless
สเปคเด่น
ระบบปฏิบัติการณ์ที่รองรับ: Android, iOS
Bluetooth: 5.1
ระบบตัดเสียงรบกวน (ANC): ไม่มี
แบตเตอรี่: 5 ชั่วโมง (รวมเคส 10 ชั่วโมง)
มาตรฐานกันน้ำ: IPX4
สำหรับใครที่เป็นสายสปอร์ตเน้นการออกกำลังกายมาถูกทางแล้ว สำหรับการออกแบบหูฟังไร้สายแบรนด์ดังอย่าง Bose รุ่น Sport Earbuds True Wireless ด้วยการออกแบบสุดพรีเมียม ที่สามารถสวมใส่ได้อย่างสบาย กระชับ ตอบโจทย์การใช้งานเชื่อมต่อไร้สายได้อย่างเสถียร เนื่องจากสามารถเชื่อมต่อผ่านระบบ Bluetooth 5.1 และยังสามารถควบคุมการใช้งานได้ง่าย โดยที่สามารถเชื่อมต่อได้ระยะทางไกลถึง 9 เมตร สามารถควบคุมการใช้งานคำสั่งลัดตามที่ต้องการได้อย่างสะดวก ไม่ว่าจะเป็นการควบคุม รับ/วางสายโทรศัพท์ เล่น/หยุดเพลง และฟีเจอร์เด่นๆอย่างไมค์ที่สามารถรับเสียงได้อย่างคมชัด รวมไปถึงการใช้งานในการออกกำลังกายที่สามารถกันเหงื่อ กันน้ำได้ตามมาตรฐาน IPX4 อีกด้วย สามารถใช้งานได้ยาวนานถึง 5 ชั่วโมง รวมไปถึงการชาร์จเพิ่มจากเคสสำหรับเก็บและพกพาได้อีก 2 ครั้ง 10 ชั่วโมง บอกเลยว่าพกพาไปได้ทุกที่ ใช้งานได้ทั้งวัน
สำหรับเสียงรุ่นนี้ออกแบบมาให้มีความเป็นธรรมชาติ กว้าง มีรายละเอียดที่ชัดเจน มีความคมชัด ไม่ว่าจะเป็นเสียงกวาง ที่มีคุณภาพโปร่งและกว้าง เสียงสูงที่สามารถทอดได้ไกลขึ้นเสียงสูงได้ดีเยี่ยมเทียบเท่ากับต้นฉบับ เสียงเบสที่มีความนุ่มลึก สบายหู และมีเวทีเสียงที่สามารถแบ่งแยกรายละเอียดของตำแหน่งเครื่องดนตรีได้อย่างชัดเจน โดยรวมแล้วครบครันในเรื่องเสียงขนาดนี้ ใครที่กำลังมองหาหรือเลือกซื้อสำหรับใช้งานในการฟังเพลง ดูหนัง และสามารถใช้งานออกกำลังกายได้ ด้วยคุณภาพเสียงที่ครบครันแบบนี้ พลาดไม่ได้แล้ว
ข้อดี
- สามารถใส่ออกกำลังกายได้ ตามมาตรฐาน IPX4
- ดีไซน์ขนาดกะทัดรัด พกพาสะดวก น้ำหนักเบา
ข้อควรระวัง
- ไม่รองรับระบบตัดเสียงรบกวน ANC
- แบตเตอรี่ใช้ได้ครั้งละ 5 ชั่วโมงเท่านั้น
3. หูฟัง SoundPeats Air3 True Wireless
จุดเด่น
ระบบปฏิบัติการณ์ที่รองรับ: Android, iOS
Bluetooth: 5.2
ระบบตัดเสียงรบกวน (ANC): มี
แบตเตอรี่: 5 ชั่วโมง (รวมเคส 17 ชั่วโมง)
มาตรฐานกันน้ำ: IPX5
ถ้าเกิดว่าคุณเป็นคนที่อยากได้หูฟังที่เบา ใส่สบายเหมือนกับใส่อากาศไว้ในหูอยู่ล่ะก็ ขอแนะนำหูฟัง SoundPeats Air3 True Wireless เลย เพราะทั้งหมดที่กล่าวมานั้นคือหนึ่งในจุดเด่นหลักของหูฟังตัวนี้เลย ซึ่งหูฟังตัวนี้ก็เป็นหูฟังลำดับที่3 ของซีรีส์ TrueAir ที่เน้นความเบาสบาย ใส่ง่ายไม่อึดอัด ส่วนสเปคภายในก็ใช่ย่อย เพราะมีชิปเซ็ต Qualcomm QCC3040 ที่ช่วยประมวลผมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการเชื่อมต่อผ่าน 5.2 ที่มีความเสถียร สามารถใช้งานได้ไกลถึง 10 เมตรเลยทีเดียว และยังมี Game Mode ที่ช่วยลดดีเลย์เสียงขณะเล่นเกมได้ถึง 60ms เลยทีเดียว
ในส่วนของแบตเตอรี่เองก็สามารถใช้งานได้นานถึง 5 ชั่วโมง และ 17 ชั่วโมงเมื่อใช้ร่วมกับเคส แถมชาร์จเต็มได้ภายในเวลาเพียง 1.5 - 2 ชั่วโมงเท่านั้น ส่วนของเสียงเองก็ใช่ย่อย รองรับ Codec aptX ที่ให้คุณภาพเสียงระดับเดียวกับแผ่น CD และให้โทนเสียงที่นุ่ม และใส ถือว่าหูฟัง SoundPeats Air3 True Wireless นั้นตอบโจทย์คนรักสบายสุดๆ
ข้อดี
- Game Mode ลดความหน่วงได้ถึง 60ms
- ไมโครโฟนคู่ รับเสียงได้คมชัดทุกการติดต่อ
- เซนเซอร์ตรวจจับการสวมใส่ เล่น/หยุด อัตโนมัติ
ข้อควรระวัง
- แบตเตอรี่ใช้ได้ครั้งละ 5 ชั่วโมงเท่านั้น
4. หูฟัง Apple AirPods (3rd generation)
สเปคเด่น
ระบบปฏิบัติการณ์ที่รองรับ: Android, iOS
Bluetooth: 5.0
ระบบตัดเสียงรบกวน (ANC): ไม่มี
แบตเตอรี่: 6 ชั่วโมง (รวมเคส 30 ชั่วโมง)
มาตรฐานกันน้ำ: IPX4
เป็นรุ่นที่ไม่หยิบมาแนะนำกันคงไม่ได้ กับหูฟังไร้สาย True Wireless สวมใส่แบบ Earbud จากแบรนด์ Apple ที่คนทั้งโลกรอคอยอย่าง หูฟัง Apple AirPods (3rd generation) ที่หลังจากปล่อยรุ่น 2nd generation ครองตำแหน่งหูฟังยอดนิยมมานานหลายปี จนหลายๆ แบรนด์ต่างได้แรงบันดาลใจไปผลิตสินค้าของตัวเองออกมาหลายรุ่น ครั้งนี้ก็ถึงคราวของ Apple เสียที กับการเปลี่ยนโฉมใหม่ทั้งหมดทั้งภายนอกและภายใน โดยยังคงคาแรคเตอร์เด่นอย่างการเป็นหูฟัง Earbud ที่ใส่สบายเป็นอันดับต้นๆ เอาไว้อยู่เช่นเดิม
มาพร้อมจุดเด่นมากมายได้แก่การเชื่อมต่อไร้สายกับอุปกรณ์ Apple เพียงสัมผัสเดียวผ่าน Pop-Up รวมถึงเมื่อเชื่อมต่อแล้วสามารถสลับไปใช้งานและควบคุมได้จากทุกอุปกรณ์ Apple ที่ใช้ ID เดียวกันได้ ทั้งหมดนี้เป็นเพราะ Chipset อัจฉริยะอย่าง Apple H1 ภายในตัว นอกจากนี้ยังสามารถใช้งานรับชมภาพยนตร์และเล่นเกมออนไลน์ได้อย่างลื่นไหลไม่ดีเลย์รวมถึงใช้งานแยกข้างได้อย่างอิสระอีกด้วย สำหรับการสนทนาโทรศัพท์แน่นอนว่า Apple AirPods (3rd generation) ยังคงมาพร้อมไมโครโฟนที่รับเสียงได้คมชัดในระดับผู้นำของวงการอยู่เช่นเคย
รวมถึงการควบคุมที่ไม่ซ้ำใครด้วยการบีบที่ก้านแบบเดียวกับใน AirPods Pro หรือจะเรียกสั่งการด้วยเสียงผ่านคำสั่ง “หวัดดี Siri” ก็ทำได้ตลอดเวลาโดยไม่ต้องกดเรียกให้วุ่นวาย และนอกจากนี้ยังมาพร้อมเซ็นเซอร์ตรวจจับผิวหนังหรือเซ็นเซอร์ตรวจจับการสวมใส่ที่จะเล่นและหยุดตามการสวมใส่ และจากที่ในรุ่นที่แล้วอย่าง Apple AirPods 2 แจ้งแค่ว่ากันเหงื่อซึ่งสร้างความกังวลใจให้ผู้ใช้งานพอสมควร กลับมาในรุ่น Apple AirPods (3rd generation) ก็มาพร้อมมาตรฐานกันน้ำกันเหงื่อ IPX4 เป็นที่เรียบร้อย กันละอองน้ำ ฝน และเหงื่อได้ ใส่ออกกำลังกายได้ไม่มีปัญหา อีกเรื่องที่อัพเกรดก็คือแบตเตอรี่ที่ในรุ่นนี้ก็ใช้งานได้นานถึง 6 ชั่วโมงต่อการชาร์จ 1 ครั้ง จากนั้นชาร์จเพิ่มจากเคสได้รสมเป็น 30 ชั่วโมง รวมถึงตัวเคสเองก็มาพร้อมมาตรฐานกันน้ำ IPX4 ด้วยเช่นกัน และยังรองรับการชาร์จไร้สาย MagSafe
ข้อดี
- เชื่อมต่อไร้สายเสถียรและง่ายดายผ่าน Pop-Up (iOS)
- รองรับระบบเสียงรอบทิศทาง Dolby Atmos
- ระบบเสียง Spatial Audio ขับเสียงแบบติดตามการเคลื่อนไหวของศีรษะ
- เคสรองรับการชาร์จไร้สาย MagSafe
ข้อควรระวัง
- ใช้งานกับ Android ได้แต่อาจจะไม่ได้ฟังก์ชันครบครัน
- มาตรฐานกันน้ำ IPX4 เท่านั้นล้างน้ำไม่ได้
5. หูฟัง Marshall Minor III True Wireless
สเปคเด่น
ระบบปฏิบัติการณ์ที่รองรับ: Android, iOS
Bluetooth: 5.2
ระบบตัดเสียงรบกวน (ANC): ไม่มี
แบตเตอรี่: 5 ชั่วโมง (รวมเคส 25 ชั่วโมง)
มาตรฐานกันน้ำ: IPX4
ถ้าพูดถึง หูฟังไร้สาย True Wireless Earbud ในปี 2023 แล้วจะไม่พูดถึงหูฟังรุ่นที่มาแรงที่สุดในตอนนี้ก็คงไม่ได้กับ หูฟัง Marshall Minor III True Wireless หูฟัง True Wireless ที่หลายๆ คนรอคอยและต่างหลงรักกับความโดดเด่นทั้งรูปร่างหน้าตาที่ผสมผสานความทันสมัยและความคลาสสิคเอาไว้ภายในตัว รวมถึงด้านฟังก์ชันการใช้งานก็ทันสมัยและครบถ้วนไม่แพ้รุ่นไหนๆ เช่นเดียวกันซึ่งเป็นเพราะมาตรฐานของแบรนด์ Marshall ที่หลายๆ คนหลงรัก
ด้านรายละเอียด หูฟัง Marshall Minor III True Wireless มีขนาดเล็กกะทัดรัดสวมใส่สบาย เชื่อมต่อไร้สายทันสมัยดูหนังออนไลน์ไม่ดีเลย์ เล่นเกมลื่นไหลสบายๆ แทบไม่ดีเลย์ ไมค์รับเสียงคมชัด ควบคุมสะดวกเพียงปลายนิ้วด้วยระบบสัมผัส และยังมาพร้อมเซนเซอร์ตรวจจับการสวมใส่ ตอบโจทย์สายออกกำลังกายด้วยมาตรฐานกันน้ำ IPX4 และแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้ยาวๆ 5 ชั่วโมง รวมเคสชาร์จเป็น 25 ชั่วโมง งานนี้ใครเป็นแฟนมาร์แชลและอยากได้ True Wireless Earbuds เสียงดีฟังก์ชันครบถ้วนสักตัว ห้ามพลาด!
ข้อดี
- ใส่สบายหูสไตล์หูฟังแบบ Earbud
- ใช้งานแยกข้างซ้าย-ขวาได้อย่างอิสระ
- ใส่ออกกำลังกายได้ด้วยมาตรฐานกันเหงื่อ
- แนวเสียงเบสเด่นตามสไตล์ Marshall
ข้อควรระวัง
- ไม่รองรับ Codec ไร้สายคุณภาพสูง
- เพิ่ม-ลดเสียงที่ตัวหูฟังไม่ได้
6. หูฟัง SoundPeats Air3 True Wireless
สเปคเด่น
ระบบปฏิบัติการณ์ที่รองรับ: Android, iOS
Bluetooth: 5.2
ระบบตัดเสียงรบกวน (ANC): ไม่มี
แบตเตอรี่: 5 ชั่วโมง (รวมเคส 17 ชั่วโมง)
มาตรฐานกันน้ำ: IPX5
เรียกได้ว่าเป็นแบรนด์ที่มาแรงมากจริงๆ ไม่ว่าจะออกหูฟังรุ่นไหนออกมาก็ล้วนได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม กับแบรนด์ SoundPeats รุ่น SoundPeats Air3 True Wireless ที่แม้จะมีราคาเบาๆ แต่คุณภาพ สเปค และฟังก์ชันการใช้งานต้องบอกเลยว่าเกินราคาไปไกล โดย Soundpeats Air3 เป็นหูฟัง True Wireless สวมใส่แบบ Earbud รุ่นที่ 3 จากซีรีส์ SoundPeats TrueAir ที่คราวนี้ตัดคำว่า True ออกเหลือแต่คำว่า Air พร้อมการปรับปรุงอัพเกรดรูปร่างหน้าตาให้มีขนาดเล็กกะทัดรัด
มาพร้อม Chipset จาก Qualcomm รุ่น Qualcomm QCC3040 ใช้งานแยกข้างได้อย่างอิสระ และยังใช้งานรับชม YouTube Netflix Disney+ hotstar ไม่ดีเลย์ รวมถึงเล่นเกมไม่ดีเลย์ด้วย Game Mode ที่ลดความหน่วงได้มากถึง 60ms และยังใช้งานฟังเพลงคุณภาพสูงเทียบเท่า CD แบบไร้สายได้ด้วยการรองรับ Codec aptX ไมโครโฟนที่สามารถรับเสียงได้อย่างคมชัด มาตรฐานกันน้ำกันเหงื่อ IPX5 ใส่ออกกำลังกายจนเหงื่อท่วมหรือวิ่งกลางฝนก็ไม่มีปัญหา และแบตเตอรี่ภายในตัวที่ใช้งานได้ต่อเนื่องยาวนานถึง 5 ชั่วโมง โดยใช้เวลาในการชาร์จเพียง 1.5 - 2 ชั่วโมงเท่านั้น
ข้อดี
- ใส่สบายสไตล์หูฟังแบบ Earbud
- Game Mode ลดความหน่วงได้ถึง 60ms
- ไมโครโฟนคู่ รับเสียงได้คมชัดทุกการติดต่อ
- เซนเซอร์ตรวจจับการสวมใส่ เล่น/หยุด อัตโนมัติ
ข้อควรระวัง
- แบตเตอรี่สูงสุดอยู่ที่ 17 ชั่วโมงเท่านั้น
- เคสไม่รองรับการชาร์จไร้สาย
7. หูฟัง Xiaomi Redmi Buds 3 True Wireless
สเปคเด่น
ระบบปฏิบัติการณ์ที่รองรับ: Android, iOS
Bluetooth: 5.2
ระบบตัดเสียงรบกวน (ANC): ไม่มี
แบตเตอรี่: 5 ชั่วโมง (รวมเคส 20 ชั่วโมง)
มาตรฐานกันน้ำ: IP54
รุ่นต่อไปมาจากแบรนด์ที่หลายๆ คนน่าจะรู้จักกันเป็นอย่างดีอย่าง Xiaomi ด้วยความที่เป็นแบรนด์ที่ล้วนแต่ผลิตสินค้าที่มาพร้อมฟังก์ชันสุดล้ำในราคาสุดเป็นกันเอง ทำให้สินค้าต่างๆ ของแบรนด์นั้นได้รับความนิยมติดตลาดอย่างรวดเร็ว และสำหรับ หูฟัง Xiaomi Redmi Buds 3 True Wireless ก็เช่นกัน ที่แม้จะเป็นหูฟัง True Wireless แบบ Earbud ราคาประหยัดแต่ Spec นั้นไม่ได้ประหยัดตามราคาแต่อย่างใด
โดยมีฟังก์ชันเด่นอย่างไมค์ตัดเสียงแทรกและเสียงเอคโค่ได้ สามารถใส่รวมถึงถอดเข้าออกได้ง่ายและไม่รำคาญเมื่อใส่เป็นเวลานานๆ ใช้ Dynamic Driver ขนาดใหญ่ถึง 12 มิลลิเมตร ให้เสียงเป็นธรรมชาติ ใช้ Bluetooth 5.2 ใหม่ที่สุดในปัจจุบัน เลือกใช้ Chip ภายในจาก Qualcomm ที่สามารถส่งสัญญาณได้เสถียรใช้งานได้สะดวกเพียงแค่เปิดฝาก็จะเข้าสู่ MIUI Pop-up ที่เชื่อมต่อกับมือถือได้อย่างรวดเร็ว รองรับการควบคุมแบบสัมผัส และแบตเตอรี่ใช้งานต่อเนื่องได้ 5 ชั่วโมงและ 20 ชั่วโมงเมื่อใช้ร่วมกับเคสเรียกว่าเหมาะสำหรับคนที่กำลังหาหูฟังไร้สายในงบหนึ่งพันบาทที่คุ้มค่าสุดๆ
ข้อดี
- ใช้ Dynamic Driver ขนาดใหญ่ 12 มม.
- สามารถพูดคุยได้คมชัดผ่านระบบไมค์คู่
- ใส่ออกกำลังกายได้สบายๆ ไม่กลัวทั้งน้ำสาดและฝุ่น
ข้อควรระวัง
- ไม่รองรับ Codec เสียงคุณภาพสูงเช่น aptX
8. หูฟังไร้สาย HUAWEI FreeBuds 4 True Wireless
สเปคเด่น
ระบบปฏิบัติการณ์ที่รองรับ: Android, iOS
Bluetooth: 5.2
ระบบตัดเสียงรบกวน (ANC): มี
แบตเตอรี่: 2.5 ชั่วโมง (รวมเคส 14 ชั่วโมง)
มาตรฐานกันน้ำ: IPX4
รุ่นสุดท้ายของหูฟัง True Wireless Earbud ที่นอกจากจะใส่สบาย เสียงดีแล้ว รุ่นนี้ยังโดดเด่นด้วยฟังก์ชันการตัดเสียงรบกวนที่ทำได้อย่างยอดเยี่ยมอีกด้วย โดย หูฟังไร้สาย Huawei FreeBuds 4 True Wireless มาพร้อมฟังก์ชันการใช้งานที่ครบครัน จัดเต็ม ไม่ว่าจะเป็นน้ำหนักที่เบามากๆ เพียง 4.1 กรัมเท่านั้น เชื่อมต่อมาผ่าน Bluetooth 5.2 ที่เชื่อมต่อง่ายดายเพียงแตะเดียวผ่าน Pop-Up เมื่อใช้งานกับ Smartphone, Tablet และ Laptop ของ Huawei สามารถเชื่อมต่อเข้ากับ 2 อุปกรณ์ได้พร้อมกัน และยังใช้รับชมภาพยนตร์ออนไลน์ App ดังได้สบายๆ ไม่ดีเลย์ ใช้งานแยกข้างซ้าย-ขวาได้อย่างอิสระ
ด้านการตัดเสียงรบกวนเป็นเทคโนโลยีที่ทาง Huawei ปรับปรุงและพัฒนามาเป็นอย่างดีในชื่อ Active Noise Cancelling 2.0 ที่สามารถตัดเสียงรบกวนได้ดีขึ้น ให้เสียงที่เงียบสงบมากขึ้น รวมถึงโหมดรับเสียงภายนอกที่รับเสียงได้คมชัดจนแทบลืมว่าใส่หูฟังอยู่ และยังมาพร้อมไมโครโฟนที่ออกแบบมาให้อยู่บริเวณปลายก้าน ซึ่งจะใกล้บริเวณปากมากขึ้นทำให้สามารถรับเสียงได้คมชัดมากขึ้น ควบคุมด้วยระบบสัมผัสพร้อม Wearing Sensor ที่จะเล่น/หยุดเพลงโดยอัตโนมัติตามการสวมใส่ ตอบโจทย์สายสปอร์ตด้วยความสามารถในการกันน้ำกันกันเหงื่อมาตรฐาน IPX4
และยังเล่นเกมได้ลื่นไหลไม่ต้องกลัวดีเลย์ด้วย Game Audio Coding Technology ใหม่ล่าสุด มาพร้อมแบตเตอรี่ใช้งานได้ต่อเนื่องที่ 4 ชั่วโมงเมื่อไม่เปิด Active Noise Cancelling และ 2.5 ชั่วโมงเมื่อเปิด ANC จากนั้นชาร์จเพิ่มจากเคสได้อีกรวมสูงสุด 22 ชั่วโมงเมื่อไม่เปิด ANC และ 14 ชั่วโมงเมื่อเปิด ANC นอกจากนี้ยังมาพร้อมฟังก์ชันชาร์จเร็วเพียง 15 นาทีใช้งานได้ต่อเนื่องยาวนานถึง 2.5 ชั่วโมง
ข้อดี
- ตัดเสียงรบกวนได้ยอดเยี่ยม ปรับระดับได้
- ไมโครโฟนรับเสียงได้คมชัดทุกการสนทนา
- เล่นเกมได้แทบไม่ดีเลย์ด้วย Game Audio Coding Technology
ข้อควรระวัง
- แบตเตอรี่น้อยมาก เพียง 2.5 ชั่วโมงเท่านั้น
เป็นยังไงกันบ้างครับกับบรรดา 8 หูฟัง True Wireless Earbuds เสียงดี ใส่สบาย ปี 2023 ที่ทาง Mercular.com ได้คัดเลือกมาแนะนำกันในครั้งนี้ โดยแต่ละรุ่นที่เลือกมานั้นรับรองได้เลยว่า ใส่สบาย เสียงดี ตอบโจทย์คนที่ชื่นชอบ True Wireless แบบ Earbud และไม่ชอบ True Wireless In-Ear รวมถึงคุ้มค่า คุ้มราคา ไม่ทำให้ผิดหวังอย่างแน่นอน
ซึ่งทาง Mercular.com ก็หวังเป็นอย่างยิ่งครับว่าในบรรดาหูฟังทั้งหมดจะมีรุ่นที่อยู่ในใจของผู้อ่านกันบ้างอย่างน้อยที่สุดก็ 1 รุ่น และหากอ่านแล้วรู้สึกอยากจับจองหูฟังรุ่นไหนหรืออยากเข้าไปอ่านข้อมูลเพิ่มเติมก็สามารถกดเข้าไปตามลิงค์ที่ให้ไว้ในแต่ละรุ่นได้เลยครับ ท้ายนี้ Mercular.com ก็ต้องขอตัวลาไปก่อน ครั้งหน้าหากมีสินค้าใหม่ๆ รุ่นใดน่าสนใจอีก ก็จะรีบนำมาแนะนำกันแน่นอนครับ สำหรับครั้งนี้ สวัสดีครับ