Hi-Fi คืออะไร ดีอย่างไร ทำไมนักเล่นเครื่องเสียงต้องรู้
5 ต.ค. 2565
เชื่อว่าหลายๆ คน คงเคยได้ยินคำว่า Hi-Fi ผ่านหูผ่านตากันมาบ้าง สำหรับคนที่เล่นเครื่องเสียงอยู่แล้วน่าจะรู้ดีว่ามันคืออะไร แต่สำหรับมือใหม่ที่อยากจะเข้าสู่วงการเครื่องเสียงอาจจะยังสับสนหรือไม่เข้าใจว่าแท้จริงแล้วคำๆ นี้ มันมีความหมายว่าอะไรกันแน่ บทความนี้ Mercular.com จะพามารู้จักว่า Hi-Fi คืออะไร มีความสำคัญยังไง มีข้อดีอย่างไรบ้าง เพื่อเป็นไกด์ไลน์ให้กับผู้สนใจหรือนักเล่นเครื่องเสียงหน้าใหม่ได้เตรียมเปิดโลกเข้าสู่วงการเครื่องเสียง Hi-Fi ถ้าพร้อมแล้วไปดูกัน
Hi-Fi คืออะไร
พื้นฐานการฟังเพลงของมนุษย์ทุกคนบนโลกมีหลักการง่ายๆ 3 อย่างคือเริ่มจากแหล่งเสียง (เครื่องเล่น CD, เครื่องเล่นแผ่นเสียง, DAP, สมาร์ตโฟน, คอมพิวเตอร์, โน๊ตบุ๊ก, แท็บเล็ต) มาสู่อุปกรณ์ส่งออกเสียง (หูฟัง, ลำโพง) เข้าสู่หู ด้วยความที่อุปกรณ์ต่างๆ นั้นมีคุณภาพที่ต่างกันมันจึงส่งผลต่อระดับของคุณภาพเสียงที่ผลิตออกมาด้วย หลายคนอาจคุ้นชินกับการฟังเพลงตามแหล่งเสียงทั่วไปอาทิ เช่น บริการสตรีมมิ่งต่างๆ หรือฟังจากแผ่น CD แล้วรู้สึกว่าโอเค เสียงดี ฟังเพลงเพราะ แต่ความจริงยังมีคุณภาพเสียงอีกระดับที่ดีกว่าการฟังจากอุปกรณ์ทั่วไปมากนั่นก็คือคุณภาพเสียงระดับ Hi-Fi
Hi-Fi ย่อมาจากคำว่า High Fidelity แปลตรงตัวคือความซื่อสัตย์สูง ในทางเครื่องเสียงหมายความว่า เสียงที่มีความเที่ยงตรงสูง เป็นระบบการบันทึกเสียงคุณภาพสูงที่มีความผิดเพี้ยนต่ำหรือไม่มีเลย เสียงที่ได้จะเป็นเสียงที่คล้ายกับต้นฉบับมากที่สุด มีความเที่ยงตรงสูง เรียกว่าสตูดิโออัดเสียงมาอย่างไรผู้ฟังก็จะได้ยินอย่างนั้น เปรียบเสมือนเป็นระบบการบันทึกเสียงที่ส่งต่อเสียงที่ผู้บันทึกต้องการจะสื่อให้แก่ผู้ฟังแบบไม่มีการปรุงแต่งใดๆ โดยการบันทึกเสียงแบบ Hi-Fi จะเน้นเรื่องของคุณภาพเสียงมากที่สุด อุปกรณ์ที่ใช้จะมีคุณภาพสูง รวมถึงสภาพแวดล้อมของห้องบันทึกเสียงก็ต้องมีการออกแบบและคำนวณมาอย่างดีเพื่อการบันทึกเสียงระดับ Hi-Fi โดยเฉพาะ เพราะว่าทุกอย่างส่งผลต่อคุณภาพเสียงทั้งหมด
ในอีกแง่หนึ่ง Hi-Fi หมายถึงระบบเครื่องเสียงบ้านที่สามารถส่งออกเสียงระดับ Hi-Fi มาสู่ผู้ฟังได้ โดยในระบบจะประกอบด้วยแหล่งเสียงต้นทาง แอมป์ และลำโพง ซึ่งอาจจะเป็นลำโพงคู่ 2 ตัวซ้ายกับขวา 2.0 ch หรือลำโพงคู่ + ซับวูฟเฟอร์ 2.1 ch ไม่เกินนี้ ให้เสียงแบบสเตอริโอที่มาพร้อมรายละเอียด อิมเมจเสียง เวทีเสียง และบรรยากาศของดนตรีมีคุณภาพสูงกว่าชุดเครื่องเสียงหรือลำโพงทั่วไป เปรียบเสมือนกำลังฟังเพลงที่ออกมาจากสตูดิโอหรือชมการแสดงคอนเสิร์ตในสถานที่นั้นจริงๆ
Hi-Fi ไม่ได้จำกัดแค่ตัวอุปกรณ์เท่านั้น แต่ยังรวมถึงการวางตำแหน่งลำโพงและการออกแบบห้องฟังที่ต้องมีการคิดคำนวณมาโดยเฉพาะ แม้แต่วัสดุซับเสียงที่ผนังและฝ้าเพดานก็ยังส่งผลถึงคุณภาพเสียงได้ ถ้าหากทุกอย่างออกแบบมาดีมันจะให้ความรู้สึกเหมือนผู้ฟังคือจุดศูนย์กลางของเสียงทั้งหมด
รูปภาพ: Kef store amazon.com
Hi-Fi กับ Hi-Res ต่างกันอย่างไร
Hi-Fi กับ Hi-Res สองคำนี้มีความคล้ายกันจนทำเอาหลายคนสับสนซึ่งแท้จริงแล้วมันมีความแตกต่างกันแต่ก็เกี่ยวข้องกันอยู่ เมื่อรู้แล้วว่า Hi-Fi คืออะไร แล้ว Hi-Res ล่ะ?
Hi-Res ย่อมาจากคำว่า High-Resolution Audio แปลตรงตัวว่า “เสียงความละเอียดสูง” ในวงการเครื่องเสียง คำว่า Hi-Res ถูกกำหนดให้เป็นชื่อเรียกมาตรฐานของไฟล์เพลงดิจิทัลที่มีความละเอียดสูงกว่าไฟล์เพลงดิจิทัลมาตรฐาน Audio CD ซึ่งโดยปกติแล้วค่ามาตรฐานจะมี Bit Rate อยู่ที่ 16 Bit และ Sample Rate ที่ 44.1kHz ไฟล์ที่เข้าข่ายเป็น Hi-Res Audio จะต้องมีค่า Bit Rate ที่ 24 Bit และมีค่า Sample Rate ที่ 48kHz, 96kHz หรือสูงสุดในปัจจุบันตอนนี้คือ 192kHz ตัวอย่างสกุลไฟล์เสียงที่เข้าข่าย Hi-Res ฤกรน ในปุจจุบันได้แก่ AAC, WAV, AIFF, FLAC, ALAC, DSD, MQA ยิ่งไฟล์มีความละเอียดสูงมากเท่าไรขนาดไฟล์ก็จะใหญ่ตามไปด้วย
ไฟล์เพลงดิจิทัลมาตรฐาน Hi-Res เปรียบเสมือนต้นทางของแหล่งเสียงไม่ว่าจะอยู่ในรูปแบบ Hi-Res CD หรือเครื่องเล่นเพลงระบบเครือข่ายที่รองรับการเล่นไฟล์เพลงความละเอียดสูงอย่าง MQA หรือ DSD เมื่อเปิดฟังกับชุดเครื่องเสียง Hi-Fi ก็จะถ่ายทอดคุณภาพเสียงสูงสุดเหมือนต้นฉบับที่บันทึกจากสตูดิโอออกมาให้ได้ยิน เรื่องคุณภาพเสียง ความผิดเพี้ยน ขึ้นอยู่กับคุณภาพไฟล์เป็นตัวกำหนด จะเรียกว่าไฟล์เพลง Hi-Res เป็นส่วนหนึ่งของของระบบเสียง Hi-Fi ก็ไม่ผิดแต่อย่างใด
รูปภาพ: www.dali-speakers.com
องค์ประกอบของระบบเสียง Hi-Fi
รู้จักความหมายของ Hi-Fi กันไปแล้ว ทีนี้ถ้าอยางเข้าสู่วงการเครื่องเสียงระดับ Hi-Fi จำเป็นต้องรู้ก่อนว่าระบบเสียง Hi-Fi ที่แท้จริงนั้นต้องมีองค์ประกอบอะไรบ้าง โดยทั่วไปสามารถแบ่งออกได้ 7 องค์ประกอบดังนี้
เครื่องเล่น
เครื่องเล่นคือสิ่งจำเป็นลำดับแรกของระบบเสียง Hi-Fi มีตั้งแต่เครื่องเล่นซีดี เครื่องเล่นแผ่นเสียง เครื่องเล่นเพลงเครือข่าย หรือแม้แต่คอมพิวเตอร์ โน๊ตบุ๊ค สมาร์ตโฟน แท็บเล็ต อุปกรณ์เหล่านี้มีผลโดยตรงกับคุณภาพเสียง เป็นเหมือนต้นทางในการสร้างเสียงมาสู่หูผู้ฟัง ถ้าอุปกรณ์มีคุณภาพดีย่อมส่งผลถึงคุณภาพเสียงโดยรวมที่ดีตามไปด้วย
แอมป์
อุปกรณ์ตัวต่อมาที่ต้องมีคือแอมป์เพื่อขยายเสียงให้ดังนั่นเอง มี 2 แบบตามลักษณะภายนอกคือ Integrated amplifier เป็นรวมภาคปรีแอมป์กับภาคขยายไว้ด้วยกันในตัวถังเดียว และแอมป์แบบแยก 2 ชิ้นคือภาคปรีแอมป์ 1 ตัว และภาคพาวเวอร์ 1 ตัว วางคู่กัน สำหรับผู้เริ่มต้นแนะนำว่าเริ่มจาก Integrated amplifier จะสะดวกและง่ายกว่า แถมแอมป์แบบนี้ยังเป้นที่นิยมกว่าด้วยครับ
ลำโพง
อุปกรณ์สำคัญที่ทำหน้าที่แปรเปลี่ยนสัญญาณไฟฟ้าเป็นคลื่นเสียง มีให้เลือกมากมายหลายรุ่นหลายแบรนด์ มีทั้งแบบตั้งพื้นและวางหิ้ง (Bookshelf speaker) โดยพื้นฐานของระบบเสียง Hi-Fi จะใช้เพียงลำโพง 2 ตัวซ้าย-ขวา การเลือกลำโพงมีหลักการเยอะมากแต่หลักๆ ขึ้นอยู่กับความชอบและความพึงพอใจในคุณภาพเสียง ว่ากันว่าลำโพงเสียงดีที่สุดไม่มีอยู่จริง ต้อวตามหาจนกว่าจะเจอที่ถูกใจนั่นแหละ สิ่งสำคัญคือต้องดูเรื่องสเปกที่เข้ากับแอมป์ด้วย
ทั้งสามองค์ประกอบนี้เป็นพื้นฐานของระบบเสียง Hi-Fi ที่แท้จริง ขาดอย่างใดอย่างหนึ่งไม่ได้ ผู้เริ่มต้นเข้าสู่วงการเครื่องเสียง Hi-Fi ควรให้ความสำคัญกับสามสิ่งนี้เป็นลำดับแรก ก่อนที่จะอัปเกรดในอีกสี่องค์ประกอบที่เหลือตามมา
รูปภาพ: www.dali-speakers.com
สายสัญญาณ
สำคัญกับระบบเสียงมากๆ เพราะสัญญาณไฟฟ้าทุกอย่างจะต้องเดินทางผ่านสายทั้งหมด ในระบบเสียง Hi-Fi มีใช้หลักๆ ด้วยกัน 2 จุดคือสายเชื่อมแหล่งเสียงเข้าแอมป์ กับ สายต่อจากแอมป์ไปลำโพง ชนิดของโลหะตัวนำและความบริสุทธ์ของเนื้อโลหะล้วนส่งผลต่อคุณภาพเสียยโดยรวม สายที่มีสเปกสูงย่อมมาพร้อมราคาที่ชวนตะลึงแต่ก็การันตีได้ถึงคุณภาพของสัญญาณและยังมีผลในเรื่องของโทนเสียงด้วย
ปลั๊กไฟและสายไฟ
ทั้งปลั๊กไฟและสายไฟมีผลต่อคุณภาพเสียงและการทำงานของอุปกรณ์ในระบบเสียงทุกชิ้น ระบบเสียง Hi-Fi ควรใช้งานร่วมกับปลั๊กไฟ Audio grade และสายไฟที่ออกแบบมาเพื่อเครื่องเสียงโดยเฉพาะ ซึ่งจะช่วยในเรื่องของการควบคุมกระแสไฟและอุณหภูมิให้มีความคงที่ เสถียร ป้องกันไฟตก ไฟกระชาก หรือเหตุการปลั๊กหลุด ซึ่งทั้งหมดที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่ออุปกรณ์ได้ เพราะอุปกรณ์ระบบเสียง Hi-Fi แต่ละชิ้นราคาไม่ใช่ถูกๆ ดังนั้นป้องกันไว้ก่อนอุ่นใจกว่าครับ
อุปกรณ์เสริม
แม้จะมีแหล่งเสียงต้นทาง แอมป์ ลำโพง ครบ 3 อย่างแล้ว แต่อุปกรณ์เสริมบางอย่างก็ช่วยเพิ่มคุณภาพเสียงของระบบได้ ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือขาตั้งลำโพงที่ช่วยเรื่องการกำหนดทิศทางเสียง รวมถึงลดการสั่นสะเทือนเวลาลำโพงทำงาน ให้เสียงที่ออกมามีคุณภาพสูงสุดและไม่มีเสียงรบกวนส่วนเกินมาปะปน อย่างไรก็ตาม ผู้เริ่มต้นอาจจะใช้อุปกรณ์เสริมที่แถมมาไปก่อนก็ได้ และควรทุ่มงบไปกับอุปกรณ์หลัก 3 ก่อนแล้วค่อยมาให้ความสำคัญกับการอัปเกรดอุปกรณ์เสริมในภายหลัง
ห้องฟัง
ห้องฟังเป็นสิ่งสุดท้ายที่จะทำให้ระบบเครื่องเสียง Hi-Fi ชุดนั้นทำงานได้สมบูรณ์แบบที่สุด ห้องฟังที่ดีต้องได้รับการออกแบบมาเพื่อการฟังเพลงโดยเฉพาะ มีการคิดคำนวณปริมาณการกระจายเสียง การดูดซับเสียง การสะท้อนเสียงไว้อย่างเหมาะสม รวมถึงตัวแปรที่อาจจะลดทอนคุณภาพเสียงเช่น เสา กระจก ม่าน วัสดุบุผนัง ปูพื้น ฝ้าเพดาน ซึ่งแต่ละอย่างมีรายละเอียดปลีกย่อยค่อนข้างลึก ต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางมาเป็นคนออกแบบ นอกจากนี้ห้องฟังที่ดียังรวมถึงตำแหน่งการวางลำโพงและตำแหน่งการนั่งฟังที่ถูกต้องด้วยเช่นกัน
รูปภาพ: www.easy-noisecontrol.com
ทั้งหมดนี้คือเรื่องราวของระบบเสียง Hi-Fi คร่าวๆ ที่ Mercular.com นำมาฝากกัน หวังว่าจะเป็นประโยชน์สำหรับคนที่กำลังจะเข้าสู่วงการเครื่องเสียงได้รู้ว่า Hi-Fi คืออะไร วงการนี้มีเงินอย่างเดียวไม่พอ ต้องมีความรู้ความเข้าใจด้วยเพราะโลกของเครื่องเสียงมีการพัฒนาอยู่ตลอด อุปกรณ์ใหม่ๆ เทคโนโลยีใหม่ๆ เกิดขึ้นใหม่ทุกวัน ถ้ารักจะเข้าวงการนี้แล้วต้องหมั่นศึกษาหาข้อมูลอยู่เสมอครับ อย่างไรก็ตาม คุณภาพเสียงที่ดีย่อมมาพร้อมกับราคาที่สูงดังนั้นผู้เริ่มต้นอาจจะเริ่มจากอุปกรณ์ที่ไม่แพงมากไปก่อน เมื่อเชี่ยวชาญแล้วค่อยอัปเกรดเป็นตัวแพงต่อไป
สุดท้ายนี้ Mercular.com ต้องขอตัวลาไปก่อน พบกับบทความ Buying guide ดีๆ แบบนี้ได้ที่เว็บไซต์ของเรา สำหรับวันนี้ สวัสดีครับ