เทคโนโลยีชาร์จเร็วมือถือ ค่ายไหนแรงสุด!
3 ก.ย. 2564
ชาร์จเร็วมือถือคืออะไร ต่างกับชาร์จธรรมดายังไง แล้วทำไมต้องชาร์จเร็ว วันนี้เราจะมาพูดถึงการชาร์จเร็วกัน พูดง่ายๆ การชาร์จเร็วคือ การช่วยเพิ่มปริมาณแบตเตอรี่มือถือให้มากขึ้น โดยใช้เวลาการชาร์จที่น้อยลง โดยหลักการมีอยู่ 2 อย่างคือไม่เพิ่มแรงดันไฟฟ้า (Volt) ก็เพิ่มกระแสไฟฟ้า (Amp) ซึ่งสมการง่ายๆ ในการคำนวณการจ่ายไฟก็คือ Volt X Amp = Watt ซึ่งวัตต์ก็จะหมายถึงหน่วยของพลังงานไฟฟ้าที่จ่ายออกไปให้กับอุปกรณ์นั่นเอง
แล้วถ้าถามว่าต่างกับชาร์จธรรมดายังไง แล้วทำไมต้องชาร์จเร็วมือถือด้วย ก็เพราะว่าในปัจจุบันมือถือแทบทุกรุ่นจะไม่รองรับการชาร์จธรรมดาแล้ว เนื่องจากการชาร์จแบบธรรมดาจะจ่ายไฟเข้าได้น้อย ทำให้ใช้เวลาในการชาร์จที่นานมาก มือถือหลายค่ายจึงใส่เทคโนโลยีการชาร์จเร็วมาให้ จนปัจจุบันกลายเป็นอีกฟังก์ชันที่เอาไว้แข่งขันของมือถือทุกค่ายไปแล้ว จนต้องมี อุปกรณ์เสริมมือถือ ที่มาช่วยเพิ่มความเร็วในการชาร์จให้กับมือถือ
ชาร์จเร็วมือถือ ถ้าชาร์จบ่อยๆทำให้แบตเสื่อมจริงไหม ?
หลายคนมักมีคำถามว่าการชาร์จเร็วมีผลทำให้แบตเสื่อมด้วยไหม ในส่วนนี้ต้องบอกเลยว่า การชาร์จเร็วมือถือหลายๆเทคโนโลยีจะมีส่วนทำให้ตัวเครื่องมีความร้อนเพิ่มขึ้นครับ ซึ่งความร้อนที่มากกว่าปกติจะมีผลทำให้แบตเตอรี่เสื่อมได้จริง แต่ก็ต้องอธิบายก่อนว่าเรื่องสุขภาพแบตที่ลดลงหรือการที่แบตเสื่อมจะเกิดขึ้นปกติอยู่แล้วจากการที่เราใช้งานมือถือ และทำการชาร์จไปหลายๆรอบ baterry cycle ครับ ซึ่ง 1 รอบ cycle หมายถึงการใช้งานแบตเตอรี่ครบ 100% นั่นเองครับ
แล้วจะชาร์จเร็วมือถือยังไงให้ปลอดภัย ?
หลายคนอาจกังวลกับเรื่องสุขภาพแบตว่าการชาร์จเร็วบ่อยๆทำให้แบตเสื่อมได้ แล้วแบบนี้ถ้าจำเป็นต้องชาร์จล่ะ ต้องทำยังไง? อย่างแรกเลยที่ขอแนะนำคือการเลือกซื้ออุปกรณ์ชาร์จที่ได้มาตรฐาน ไม่ว่าจะเป็นหัวชาร์จ, สายชาร์จ, พาวเวอร์แบงค์, แท่นชาร์จไร้สาย ที่ผ่านการทดสอบความปลอดภัยในการใช้งานมาแล้ว อย่างต่อมาคือการเลือกเทคโนโลยีการชาร์จเร็วมือถือที่รองรับกับมือถือหรืออุปกรณ์ที่เราใช้งานอยู่ เพื่อให้ชาร์จเร็วมือถือได้เต็มประสิทธิภาพที่สุด อย่างสุดท้ายคือการชาร์จในห้องที่มีอากาศถ่ายเท ไม่ร้อนจัดเพราะความร้อนจะมีผลอย่างมากต่อสุขภาพแบตเตอรี่ของมือถือครับ
แล้วในปี 2021 ชาร์จเร็วมือถือมีกี่แบบแล้ว ?
กลุ่มแรก : ชาร์จเร็วมือถือแบบมาตรฐานกลาง
- Power Delivery (PD) : เป็นเทคโนโลยีชาร์จเร็วมือถือจาก USB-IF หรือกลุ่มที่พัฒนามาตรฐานพอร์ต USB โดยตรง จะรองรับการชาร์จผ่านพอร์ต USB C เท่านั้น
- Power Delivery 3.0 หรือ PD3.0 เป็นเทคโนโลยีล่าสุด PD ซึ่งอาจเพิ่มเทคโนโลยีพิเศษ PPS (Programmable Power Supply) เสริมเข้ามาด้วย ทำให้สามารถจ่ายไฟได้ตั้งแต่ 3V-21V ไต่ระดับไฟได้ขั้นละ 20 mV (มิลลิโวลต์) และจ่ายกระแสไฟได้หลายระดับ ตั้งแต่ 1.5A, 2A, 3A, 5A จ่ายไฟได้สูงสุด 100W+
- ปัจจุบันแบรนด์มือถือที่ใช้ระบบนี้ก็จะมี Samsung Galaxy รุ่นใหม่ๆ ที่ชาร์จได้ไวถึง 25W-45W เช่น S21 Series, Note20 Series, S20 Series, Note10 Series รวมไปถึง Samsung Galaxy ตระกูล Lite หรือ A Series บางรุ่นด้วย ส่วน Power Delivery หรือ PD ทั่วไป เป็นเทคโนโลยีชาร์จเร็วมือถือรุ่นก่อนหน้าจากผู้ผลิตเดียวกัน จ่ายไฟได้ตั้งแต่ 7.5W ไปจนถึง 100W (20V/5A) คล้ายๆกับ PD3.0 แต่จะไม่มีเทคโนโลยีพิเศษ PPS
- อุปกรณ์ที่รองรับชาร์จเร็ว PD หลักๆ จะมีแบรนด์ Apple : iPhone, iPad, MacBook, Google Pixel รวมไปถึง Nintendo และ Notebook หลายเจ้า ซึ่ง PD จะต่างกับ Quick Charge ตรงที่ไม่ได้รองรับชาร์จเร็วแค่มือถือ แต่ชาร์จเร็วพวกอุปกรณ์เกม+โน้ตบุคได้ด้วย ยกตัวอย่างกำลังไฟแบบ PD ที่จ่ายให้กับอุปกรณ์ เช่น MacBook Pro 13 นิ้ว หรือ Laptop หลายๆ รุ่นรองรับชาร์จเร็วแบบ PD ได้สูงสุด 60W , iPad Pro 12.9 นิ้ว (2021) รองรับชาร์จเร็วแบบ PD ได้สูงสุด 40W และ iPhone 12 Pro Max รองรับชาร์จเร็วแบบ PD ได้สูงสุด 20W (ชาร์จจากแบต 0-50% ได้ภายใน 30 นาที)
"ชาร์จเร็ว PD จะจ่ายไฟได้หลายระดับกำลังไฟกว่า
โดยระบบจะเลือกค่าที่เหมาะสมที่สุดให้อุปกรณ์จึงชาร์จได้เร็วขึ้น"
2. Quick Charge (QC) : เป็นเทคโนโลยีชาร์จเร็วมือถือจากผู้ผลิตชิปเซ็ตชื่อดัง Qualcomm มือถือหลายแบรนด์เลือกใช้เทคโนโลยีนี้ ถือเป็นเทคโนโลยีที่บุกเบิกวงการชาร์จเร็วบนมือถือเลยทีเดียว Quick Charge 5.0 หรือ QC5.0 เป็นเทคโนโลยีรุ่นล่าสุดของ Qualcomm เปิดตัวในปี 2020 จ่ายไฟได้สูงสุด 100W+
- QC5.0 ยังรองรับการชาร์จแบบ QC2.0-QC4.0+ รุ่นก่อนหน้า รวมถึงรองรับชาร์จเร็วแบบ PD ได้ด้วย เป็นการชาร์จเร็วแบบเน้นค่า Volt สูง รองรับการจ่ายไฟตั้งแต่ 3.3V ถึง 20V ชาร์จเร็วจากแบต 0-50% ภายใน 5 นาที และชาร์จจากแบต 0-100% ได้ใน 15 นาที (ทดสอบกับมือถือที่มีปริมาณแบต 4500 mAh) ประสิทธิภาพแรงขึ้น 70% เมื่อเทียบกับ QC4.0+ และชาร์จแรงขึ้นถึง 4 เท่า
- ระบบความปลอดภัยขั้นสูง ทั้ง การป้องกันแรงดันไฟเกินถึง 8 ชั้น, ระบบป้องกันกระแสไฟเกิน 3 ชั้น, ระบบป้องกันความร้อน 3 ชั้น และป้องกันแรงดันไฟฟ้าสูงกว่า 25 Volt รองรับชิปเซ็ท Qualcomm Snapdragon 865 และ 865+ หรือใหม่กว่า ตัวอย่างมือถือรุ่นที่รองรับ เช่น Xiaomi Mi 10 Ultra (รองรับ 120W/ชาร์จเต็มใน 48 นาที) / Nubia Red Magic 6 / 6 Pro
ส่วน Quick Charge รุ่นก่อนๆจะจ่ายไฟต่างกันไป ดังนี้
- QC 4.0+ จ่ายไฟสูงสุด 27W มือถือ Android รุ่นอัพเกรดใหม่ๆจะเริ่มใช้เทคโนโลยีนี้
- QC 3.0 จ่ายไฟสูงสุด 18W เทคโนโลยีใช้กันเยอะ Quick Charge 3.0 ถือเป็นมาตรฐานกลางของการชาร์จเร็วมือถือ Android หลายแบรนด์เลือกใช้อยู่ โดย QC3.0/2.0 รุ่นเดิมจะรองรับทั้ง USB C และ Micro USB ส่วน QC5.0/4.0 จะรองรับผ่านพอร์ต USB C เท่านั้นครับ
"Quick Charge ชาร์จเร็วทางฝั่ง Android
จาก Qualcomm เวอร์ชั่นล่าสุดคือ 5.0 ชาร์จเต็มใน 15 นาที"
3. Pump Express : เป็นเทคโนโลยีการชาร์จเร็วมือถือจากผู้ผลิตชิปเซ็ทชื่อดัง MediaTek จะคล้ายๆกับ Qualcomm Quick Charge จาก MediaTek เวอร์ชั่นล่าสุดคือ Pump Express 4.0 รองรับชาร์จเร็วที่กำลังไฟ 3-6V/5A+ หรือประมาณ 30W ซึ่งอัพเกรดมาจากเวอร์ชั่น 3.0 โดยจะเหมือนเดิมทุกอย่าง แค่เพิ่มฟังก์ชั่นการชาร์จเร็วแบบไร้สาย 15W มาให้ด้วย และเข้ากันได้กับ PD3.0 สามารถชาร์จแบตจาก 0-75% ได้ภายใน 20 นาที มือถือรุ่นที่รองรับคือรุ่นที่ใช้ชิปเซ็ทของ MediaTek เอง จะมีหลายแบรนด์ทั้ง Xiaomi, Realme, Vivo, Nokia
"Pump Express ชาร์จเร็วจาก MediaTek
เวอร์ชั่นล่าสุดคือ 4.0 ชาร์จ 20 นาที ได้แบต 75%"
กลุ่มที่ 2 : ชาร์จเร็วมือถือ เทคโนโลยีเฉพาะหรือแบรนด์พัฒนาเอง
4. Super Fast Charge / Adaptive Fast Charge : เทคโนโลยีจาก Samsung Super Fast Charge 2.0 / Super Fast Charge 1.0 เป็นชื่อเรียกที่ทาง Samsung ใช้เรียกมาตรฐานการชาร์จเร็วมือถือของตัวเอง จริงๆแล้วคือใช้ระบบ PD3.0 (PPS) นั่นเอง โดย Super Fast Chare 2.0 จะจ่ายไฟสูงสุดที่ 45W (3.3-21V/2.1-3A) ส่วน Super Fast Chare 1.0 จะจ่ายไฟสูงสุดที่ 25W (3.3-11V/2.25-3A) รุ่นที่รองรับ เช่น S21 Series, Note20 Series, S20 Series, Note10 Series รวมไปถึง Samsung Galaxy ตระกูล Lite หรือ A Series บางรุ่นด้วย
- Super Fast Charge 2.0 ชาร์จแบตจาก 0-100% ได้ใน 57 นาที ส่วน Super Fast Charge 1.0 ใช้เวลา 65 นาที
- Adaptive Fast Charge เป็นมาตรฐานการชาร์จเร็วมือถือแบบเดิมของ Samsung ที่จะต้องใช้อะแดปเตอร์ชาร์จที่แถมมาในกล่อง โดยการจ่ายไฟจะคล้ายกับ QC3.0 แต่จะได้กำลังไฟสูงสุดประมาณ 15W รองรับรุ่น Samsung Galaxy Note 9 หรือเก่ากว่าที่ใช้ชิปเซ็ทแบบ Exynos
"Super Fast Charge ชาร์จเร็วจาก Samsung
พัฒนามาจากชาร์จเร็ว PD (PPS) รุ่น 2.0 ชาร์จเต็มใน 57 นาที"
5. SuperCharge : เทคโนโลยีจาก Huawei โดยการชาร์จแบบ Huawei SuperCharge ทั้ง 3 เวอร์ชั่นนี้จะต้องใช้ร่วมกับอุปกรณ์หัวชาร์จและสายชาร์จที่รองรับมาตรฐานนี้เท่านั้นนะครับ
- Huawei SuperCharge 66W เป็นมาตรฐานชาร์จเร็วมือถือล่าสุดของ Huawei ที่เปิดตัวพร้อม Huawei Mate 40 Pro จะจ่ายไฟสูงสุดที่ 66W หรือ 11V/6A สามารถชาร์จจากแบต 0-100% /ได้ใน 38 นาที รองรับมือถือ Huawei ที่ใช้ชิปเซ็ท Kirin 9000 5G
- Huawei SuperCharge 2.0 และ 1.0 เป็นมาตรฐานชาร์จเร็วรุ่นเดิมของมือถือ Huawei โดย SuperCharge 2.0 จะจ่ายไฟสูงสุดที่ 40W หรือ 10V/4A สามารถชาร์จจากแบต 0-70% /ได้ใน 30 นาที ส่วน
- Huawei SuperCharge 1.0 จะจ่ายไฟสูงสุดที่ 22.5W หรือ 5V /4.5A หรือ 4.5V/5A
"SuperCharge ชาร์จเร็วจาก Huawei
เวอร์ชั่นล่าสุดคือ 66W ชาร์จเต็มใน 38 นาที"
6. 125W Flash Charge / SuperVOOC/ VOOC Flash Charge 4.0 : เทคโนโลยีจาก Oppo
- 125W Flash Charge เทคโนโลยีชาร์จเร็วมือถือที่เปิดตัวล่าสุดของ Oppo ใช้ได้ทั้งมือถือ Oppo และ Realme จ่ายไฟสูงสุด 125W หรือ 20V/6.25A สามารถชาร์จจากแบต 0-41% ได้ใน 5 นาที และชาร์จเต็มได้ภายใน 20 นาทีเท่านั้น โดยจะรองรับเทคโนโลยีรุ่นเดิมได้ทั้ง SuperVOOC / VOOC Flash Charge รวมไปถึงชาร์จเร็วค่ายอื่นๆ เช่น PD, QC อีกด้วย
- SuperVOOC 2.0 เป็นมาตรฐานการชาร์จเร็วรุ่นต่อยอดของ Oppo จ่ายไฟสูงสุด 65W หรือ 10V/6.5A สามารถชาร์จแบตจาก 0-100% ได้ภายใน 38 นาทีเท่านั้น รองรับมือถือ Oppo และ Realme หลายรุ่น
- VOOC Flash Charge 4.0 เป็นมาตรฐานการชาร์จเร็วมือถือแบบเดิมของ Oppo จ่ายไฟสูงสุด 30W หรือ 5V/6A
"125W Flash Charge ระบบชาร์จเร็วจาก Oppo
ชาร์จเต็มใน 20 นาทีเท่านั้น"
7. Warp Charge / Dash Charge : เทคโนโลยีจาก OnePlus เป็นแบรนด์มือถือเครือเดียวกับ Oppo แม้ชื่อเทคโนโลยีชาร์จเร็วมือถือจะไม่เหมือนกัน แต่พื้นฐานก็มาจากระบบ VOOC ของ Oppo นั่นเอง จุดเด่นของชาร์จเร็ว 2 ระบบนี้ คือมีระบบการจ่ายไฟที่เสถียร แถมยังมีระบบป้องกันความร้อนที่ดีมาก โดยความร้อนจากการเสียบชาร์จของตัวอะแดปเตอร์จะมีระบบป้องกันไม่ให้ส่งไปถึงตัวมือถือที่เสียบชาร์จอยู่
- Warp Charge 65W เป็นมาตรฐานการชาร์จเร็วแบบล่าสุดของ Oneplus ที่เปิดตัวในปี 2020 จ่ายไฟสูงสุด 65W หรือ 10V/6.5A โดยชาร์จจาก 0-50% ได้ใน 20 นาที หรือชาร์จแบตจาก 0-90% ได้ใน 1 ชั่วโมง
- Dash Charge เป็นมาตรฐานการชาร์จเร็วแบบเดิมของ Oneplus จ่ายไฟสูงสุด 20W หรือ 5V/4A ชาร์จแบตได้ 60% ภายในเวลา 30 นาที เทคโนโลยีนี้มีดีตรงจ่ายไฟได้เสถียรแม้ใช้งานตัวเครื่องไปด้วยตอนชาร์จ
"Warp Charge ชาร์จเร็วจาก Oneplus จ่ายไฟแรง 65W
ชาร์จ 1 ชั่วโมงได้แบต 90%"
8.TurboPower Charging : เทคโนโลยีจาก Motorola TurboPower เป็นระบบชาร์จเร็วมือถือของแบรนด์ Motorola ที่พัฒนามาจาก Quick Charge 2.0 รองรับมือถือเฉพาะแบรนด์ Motorola
- TurboPower 45 จ่ายไฟได้สูงสุดถึง 45W หรือค่าไฟที่ 5V/4A, 9V/4A, 15V/3A, 20V/2.25A ซึ่งเข้ากันได้กับระบบ QC4.0+ และ PD จุดเด่นคือชาร์จเพียง 10 นาที ใช้งานได้ยาวนานถึง 12 ชั่วโมง TurboPower เวอร์ชั่นก่อนๆก็จะมีตั้งแต่ TurboPower 30, TurboPower 27, TurboPower 18, TurboPower 15 ซึ่งตัวเลขก็หมายถึงจำนวนวัตต์สูงสุดที่ชาร์จได้นั่นเอง
"TurboPower ชาร์จเร็วจาก Motorola จ่ายไฟแรง 45W
ใช้งานได้ 12 ชั่วโมง ต่อการชาร์จแค่ 10 นาที"
9. HyperCharge : เทคโนโลยีจาก Xiaomi โดยรุ่นก่อนหน้าที่เปิดตัวไปในปี 2020 จะเป็นชาร์จเร็วแบบ Xiaomi 100W Super Charging ซึ่งก็ชาร์จได้เร็วถึง 100W สามารถชาร์จเต็ม 100 ได้ภายใน 15 นาทีเท่านั้น ซึ่งก็ถือว่าเร็วมากแล้ว
- HyperCharge เป็นชาร์จเร็วมือถือเทคโนโลยีล่าสุดจาก Xiaomi เพิ่งเปิดตัวกลางปี 2021 ที่ผ่านมา โดยสามารถชาร์จเร็วได้สูงสุดถึง 200W ชาร์จแบตจาก 0-100% ได้ภายใน 8 นาทีเท่านั้น ถือว่าเป็นเทคโนโลยีที่ชาร์จเร็วที่สุด ณ ตอนนี้ นี้ คาดว่าจะนำมาใช้จริงกับมือถือ Xiaomi กับ Redmi เร็วๆนี้ โดย Xiaomi ระบุมาเลยว่าเทคโนโลยีนี้เมื่อชาร์จไปจำนวน 800 ครั้ง สุขภาพแบตจะลดประสิทธิภาพลงประมาณ 20% หรือเทียบง่ายๆคือถ้า แบตมีประจุ 4000 mAh เมื่อชาร์จเร็วระบบ HyperCharge. นี้ไปประมาณ 800 ครั้ง ประจุแบตจะลดลงเหลือประมาณ 3200 mAh ที่ใช้งานได้ครับ
"HyperCharge จาก Xiaomi
ชาร์จเร็วสูงสุด 200W ชาร์จเต็มได้ภายใน 8 นาที"
สรุปแล้วชาร์จเร็วมือถือค่ายไหนชาร์จได้ไวสุด?
สำหรับการชาร์จเร็วมือถือ สุดท้ายแล้วต้องขึ้นอยู่กับอุปกรณ์ที่เราใช้ว่ารองรับเทคโนโลยีการชาร์จมือถือแบบไหนด้วย ซึ่งโดยรวมแต่ละค่ายก็สามารถชาร์จมือถือของค่ายตัวเองได้รวดเร็วและสะดวกต่อการใช้งานในแต่ละวันอยู่แล้ว แต่ถ้าจะพูดถึงเทคโนโลยีชาร์จเร็วที่กำลังมาแรงในปี 2021 ก็จะมีอยู่ 4 เทคโนโลยี ที่พัฒนาไปไกลมาก ดังนี้
- HyperCharge ของ Xiaomi ที่เพิ่งเปิดตัวในปีนี้ 2021 ชาร์จแรงมากถึง 200W ชาร์จแบตเต็มใช้เวลาแค่ 8 นาทีเท่านั้น ถือว่าเป็นชาร์จเร็วมือถือที่แรงสุดเท่าที่มีในตอนนี้เลย
- Quick Charge 5.0 ฝั่งของชาร์จเร็วมาตรฐานกลาง สามารถชาร์จได้กำลังไฟสูงสุดที่ 100W+ ซึ่งจากการทดสอบของ Qualcomm สามารถชาร์จแบตได้เต็ม 100% โดยใช้เวลาแค่ 15 นาทีเท่านั้น
- 125W Flash Charge ของ Oppo ที่เปิดตัวไปในปี 2020 ชาร์จเร็วอยู่ที่ 125W ใช้เวลาชาร์จเต็มเพียงแค่ 20 นาทีเท่านั้น
- Power Delivery 3.0 เทคโนโลยีจากมาตรฐานกลาง ที่ตอนนี้ชาร์จเร็วมือถือได้สูงสุดถึง 100W+ และมาพร้อมมาตรฐานเสริม PPS ช่วยให้จ่ายไฟได้หลายระดับมากขึ้น ซึ่งสื่อหลายสำนักลงความเห็นว่าเทคโนโลยีนี้อาจเป็นมาตรฐานของการชาร์จเร็วที่หลายค่ายจะหันมาเลือกใช้ในอนาคตครับ
- นอกจากนี้ในปี 2021 นี้ยังมีข่าวลือมาว่าอาจมีหลายค่ายที่จะเปิดตัวเทคโนโลยีชาร์จเร็วมือถือใหม่ๆมาเพิ่มอีก อย่างเช่น Huawei ที่แว่วว่าซุ่มพัฒนาเทคโนโลยีชาร์จเร็ว SuperCharge 90W สำหรับ Huawei P50 Series อยู่ ที่เปิดตัวเดือนปลาย ก.ค.2021 ที่ผ่านมา ยังไงก็มารอดูกันต่อในปีต่อๆไปได้เลยครับ
ด้านล่างเป็นตารางเปรียบเทียบแบบชัดๆว่าชาร์จเร็วมือถือแต่ละค่าย ชาร์จแรงแค่ไหน แล้วใช้เวลาชาร์จประมาณเท่าไหร่ครับ
Fast Charge Technology | Owner/Brand | Max Power (W) | Charging Time |
Power Delivery 3.0 | USB-IF | 100W+ | ความเร็วขึ้นอยู่กับอุปกรณ์ |
Quick Charge 5.0 | Qualcomm | 100W+ | ชาร์จแบต 0-100% ใน 15 นาที |
Pump Express 4.0 | MediaTek | 30W | ชาร์จแบต 0-75% ใน 20 นาที |
Super Fast Charge 2.0 | Samsung | 45W | ชาร์จแบต 0-100% ใน 57 นาที |
SuperCharge 66W | Huawei | 66W | ชาร์จแบต 0-100% ใน 38 นาที |
125W Flash Charge | Oppo | 125W | ชาร์จแบต 0-100% ใน 20 นาที |
Wrap Charge 65 | Oneplus | 65W | ชาร์จแบต 0-100% ใน 30 นาที |
TurboPower 45 | Motorola | 45W | ชาร์จแบต 10 นาที ใช้งานได้ 12 ชั่วโมง |
HyperCharge | Xiaomi | 200W | ชาร์จแบต 0-100% ใน 8 นาที |
อุปกรณ์ชาร์จเร็ว แบรนด์แนะนำจาก mercular.com
จากที่เรารีวิวและใช้งานจริงมาหลายต่อหลายรุ่น มีหลายแบรนด์ที่ประสิทธิภาพการทำงานทำออกมาได้ดีมาก สมราคา นอกจากนี้ยังมีรุ่นที่ราคาประหยัดแต่ก็ทำออกมาได้ดีเกินราคาด้วย แต่ละรุ่นจะมีข้อมูลจากทางแบรนด์ระบุมาเลยว่าผ่านการทดสอบมาตรฐานความปลอดภัยมาให้อย่างครบถ้วน ใช้งานร่วมกับอุปกรณ์ของเราได้อย่างสบายใจหายห่วง ไม่เสี่ยงเครื่องระเบิด และมีการรับประกันสินค้าชัดเจน ซึ่งลิสต์รายชื่อแบรนด์แนะนำที่น่าซื้อหาไปใช้งาน มีดังต่อไปนี้ครับ
และนี่คือเทคโนโลยีชาร์จเร็วมือถือทั้งหมดที่เรารวบรวมมาให้ครับ สำหรับใครที่มองหาอุปกรณ์ชาร์จเร็วทั้ง หัวชาร์จเร็ว และพาวเวอร์แบงค์ชาร์จเร็ว แบรนด์ดังที่ผ่านการทดสอบมาตรฐานมาแล้วทุกรุ่น เลือกซื้อได้เลยที่ Mercular.com ครับ