หลอดไฟ LED ในบ้าน ควรใช้กี่วัตต์ ไขปัญหาการใช้หลอดไฟยอดนิยม

1 มิ.ย. 2565

หลอดไฟ LED ในบ้าน ควรใช้กี่วัตต์ ไขปัญหาการใช้หลอดไฟยอดนิยม

จากกองไฟกองแรกที่ถูกคิดค้นขึ้น เป็นเวลานับล้านปีที่นวัตกรรมการให้แสงสว่างถูกพัฒนาอยู่เรื่อยมา จากกองไฟ สู่คบเพลิง เป็นตะเกียง จนมาถึงหลอดไฟ เรียกได้ว่ามนุษย์ให้ความสำคัญกับแสงสว่างเป็นอย่างมาก เพราะเราต่างใช้ประโยชน์ของแสงสว่างเพื่อการดำรงชีวิต สำหรับอุปกรณ์ให้ความสว่างที่เราใช้กันอยู่ในทุกวันนี้ก็คือหลอดไฟ ซึ่งหลังจากที่หลอดไฟหลอดแรกได้ถูกประดิษฐ์ขึ้น ก็มีหลอดไฟอีกหลายประเภทถูกผลิตออกมา จนมาถึงหลอดไฟ LED ที่เป็นนวัตกรรมล่าสุด ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในปัจจุบัน หลายๆคนที่อยากจะเริ่มใช้ หรือเปลี่ยนหลอดไฟจากประเภทเดิม มาเป็นหลอด LED ก็คงจะเกิดคำถามขึ้นมาว่าจะเลือกหลอดไฟ LED ในบ้าน ควรใช้กี่วัตต์ หรือว่าควรจะดูจากอะไรบ้าง ในวันนนี้เราจึงได้รวบรวมข้มมูล มานำเสนอให้กับเพื่อนๆทุกท่าน เพื่อไขข้อข้องใจดังกล่าว ถ้าพร้อมแล้ว ไปดูกันได้เลยครับ

หลอดไฟ LED คืออะไร

ก่อนที่จะไปหาคำตอบว่า หลอดไฟ LED ในบ้าน ควรใช้กี่วัตต์ ก่อนอื่นเลยเรามาทำความรู้จักกับหลอดไฟประเภทนี้กันก่อนดีกว่า สำหรับหลอดไฟ LED (Light Emitting Diode) เป็นหลอดไฟอีกรูปแบบหนึ่ง ที่มีการทำงานต่างจากหลอดไฟทั่วไป โดยที่จะใช้ไดโอดชนิดเปล่งแสง ซึ่งเป็นสารกึ่งตัวนำ เป็นแหล่งให้กำเนิดแสงสว่าง ซึ่งต่างจากหลอดไฟทั่วไป ที่ใช้ก๊าซอัดบรรจุอยู่ในตัวหลอด โดยที่หลอดไฟ LED มีข้อดีที่ต่างจากหลอดไฟทั่วไปดังนี้


  • ประหยัดไฟมากกว่า เมื่อนำหลอดไฟที่ให้ความสว่างเท่ากัน หลอดไฟ LED จะประหยัดไฟมากกว่าถึง 80-90%
  • มีความทนทาน มีอายุการใช้งานเฉลี่ยอยู่ที่ 1 แสนชั่วโมง หรือประมาณ 11 ปี
  • ปลอดภัยต่อสิ่งแวดแล้อม และไม่มีความอันตราย เนื่องจากไม่มีส่วนประกอบที่เป็นสารปรอท
  • ชิ้นส่วนต่างๆมีความแข็งแรง ไม่มีส่วนประกอบที่เป็นกระจก และไส้หลอดที่อาจขาดได้
  • มีอุณหภูมิที่ต่ำ คายความร้อนออกมาได้น้อย 
หลอด LED ถูกล้อมไปด้วย หลอดไส้ 8 หลอด

ค่าต่างๆเกี่ยวกับหลอดไฟที่ควรรู้

หลอดไฟก็เหมือนกับสิ่งของอื่นๆ ที่จะมีค่าเฉพาะตัวที่แตกต่างออกไป ซึ่งการที่เรารู้ค่าเหล่านั้นจะทำเราสามารถเลือกใช้และเข้าใจตัวหลอดไฟในแต่ละแบบได้ดีขึ้น โดยเราได้รวบรวมค่าต่างๆ ที่มีความจำเป็นสำหรับหลอดไฟ ไว้ให้เพื่อนๆได้ใช้เป็นข้อมูล ซึ่งจะมีค่าไหนบ้างไปดูกันได้เลยครับ


  • ลูเมน (Lumen) : เป็นค่าความสว่างของหลอดไฟ ยิ่งมีค่ามากแสดงว่าหลอดไฟดวงนั้นให้ว่าสว่างมากนั้นเอง
  • ลักซ์ (Lux) : เป็นค่าที่หมายถึงความเข้มของแสง ณ จุดหนึ่ง 
  • วัตต์ (Watt) : เป็นค่าที่แสดงถึงการบริโภคพลังงานของหลอดไฟ ดวงนั้นๆ
  • เคลวิน (Kelvin) : เป็นค่าที่บอกอุณภูมิของแสง โดยที่ค่า Kelvin ที่มีค่าน้อยจะให้ไฟในโทนที่อบอุ่น และถ้ายิ่งมีค่ามากไฟก็จะมีโทนที่เย็นขึ้นเรื่อยๆ

หลอดไฟ LED ในบ้าน ควรใช้กี่วัตต์

เอาหล่ะครับ เมื่อทุกคนตกลงใจ ที่จะเปลี่ยนมาใช้หลอดไฟ LED ปัญหาต่อมาทีุ่กคนอาจเจอนั่นก็คือ แล้วเราจะรู้ได้ไงว่าหลอดไฟ LED ในบ้าน ควรใช้กี่วัตต์ ซึ่งสิ่งที่เราต้องทำความเข้าใจกันก่อน นั่นก็คือค่าความสว่างกับค่าวัตต์แปรผันตรงตามกัน หมายความว่าถ้าต้องการห้องที่มีแสงสว่างมากก็ต้องเลือกใช้ไฟที่มีวัตต์สูงนั่นเอง โดยที่เราอยากจะแนะนำให้เลือกตามการใช้งานในแต่ละที่ โดยอาจจะแบ่งเป็นห้องต่างๆ ซึ่งมีความต้องการความสว่างที่ต่างกันดังนี้


ห้องทำงาน


ห้องทำงานเป็นห้องที่ต้องใช้สมาธิ ใช้สายตาในการมองสิ่งต่างๆค่อนข้างสูง โดยถ้าเป็นห้องที่มีขนาด 20 ตารางเมตร อาจจะเลือกใช้หลอดไฟ LED 4-5วัตต์ 14 หลอด หรือจะขยับมาเป็น 7-7.5 วัตต์จำนวน 8 หลอด หรือจะว่าจะเป็นหลอดขนาดใหญ่อย่าง 9-9.5 วัตต์ จำนวน 6 หลอดก็ได้ โดยที่อาจจะหาโคมไฟตั้งโต๊ะมีเพิ่มความสว่างก็ได้


ห้องนั่งเล่น


เป็นอีกหนึ่งห้อง ที่เราต่างใช้เวลาส่วนหนึ่งในแต่ละวันไปกับห้องนี้ ไม่ว่าจะเป็นใช้ดูหนังฟังเพลง อ่านหนังสือ หรือพักผ่อนหย่อยใจก็ตาม สำหรับห้องที่มีขนาด 20 ตารางเมตร สามารถเลือกใช้หลอดไฟ LED 4-5 วัตต์ จำนวน 10 หลอดหรือจะขยับมาเป็นขนาด 9-9.5 วัตต์ ประมาณ 4 หลอดก็ได้


ห้องนอน 


เป็นห้องสำหรับการพักผ่อน ที่ไม่ต้องการความสว่างที่มาก โดยแสงสว่างที่มากไป อาจส่งผลต่อการหลับได้ด้วย ซึ่งถ้าเป็นห้องนอนขนาด 15-20 ตารางเมตรอาจเลือกใช้หลอดไฟ 4-5วัตต์ จำนวน 4 หลอด หรือว่าจะเป็นหลอดขนาด 7-9.5 วัตต์ จำนวน 2 หลอด ก็เพียงพอต่อการใช้งานในห้องนี้แล้ว

ไฟ LED หนึ่งหลอด

เลือกใช้ไฟในโทนสีที่แตกต่างกัน

หลังจากที่เราทราบแล้วว่าหลอดไฟ LED ในบ้าน ควรใช้กี่วัตต์ นอกจากนี้เราอาจจะเลือกใช้หลอดไฟ LED โดยแบ่งตามอุณหภูมิของสีได้อีกด้วย ซึ่งจะมีค่าที่มาเกี่ยวข้อง นั่นก็คือค่าเคลวิน (Kelvin) นั่นเอง โดยที่สีของโทนไฟที่แตกต่างกัน ก็ให้อารณ์ความรู้สึกที่แตกต่างกันอีกด้วย โดยที่แต่ละห้องก็ะเหมาะกับโทนสีที่แตกต่างกัน ไปดูกันครับว่าโทนสีต่างๆจะมีสีอะไรกันบ้าง


  • สีเดย์ไลท์ (DayLight) : เป็นสีขาวอมฟ้า ที่มีค่าใกล้เคียงกับแสงจากธรรมชาติมากที่สุดมีอุณหภูมิแสงอยู่ที่ 4,500-6,000 Kelvin ซึ่งแสงแบบนี้จะให้ความรู้สึก Active เหมาะกับการใช้ในห้องทำงาน


  • สีคูลไวท์ (Cool white) : ให้สีขาวสบายตา มีค่าอุณหภูมิสีอยู่ที่ 4,000 Kelvin


  • สีวอร์มไวท์ (Warm white) : ให้สีโทนส้มดูอบอุ่น ให้อารมณ์ที่ผ่านคลาย เหมาะกับห้องนอนหรือห้องนั่งเล่น ที่ต้องการการพักผ่อน มีค่าอุณหภูมิสีอยู่ที่ 4,000 Kelvin
หลอด LED อยู่บนมือ

หวังว่าบทความนี้ จะช่วยตอบปัญหาที่ว่าหลอดไฟ LED ในบ้าน ควรใช้กี่วัตต์ไปได้บ้าง ซึ่งหลักๆเลยก็คือ เลือกจากการใช้งาน โดยที่ห้องไหนจำเป็นต้องใช้แสงหรือต้องการความสว่างมาก ก็ให้เลือกใช้ไฟ LED ที่วัตต์มาก เพราะการเลือกความสว่างที่เหมาะสม จะช่วยให้เราใช้งานห้องต่างๆได้ดีขึ้น เช่น ถ้าเราจัดไฟห้องทำงาน หรือห้องครัวให้สว่างการทำงานหรือทำกับข้าว ก็จะทำได้อย่างลื่นไหล มองเห็นวัตถุต่างๆได้ชัด กลับกันถ้าเราทำให้ห้องนอนสว่างมากจนเกินไป ร่างกายของเราก็คงไม่รู้สึกผ่อนคลายเท่าไหร่นัก ดังนั้นควรวางแผนการใช้หลอดไฟให้ดี เลือกให้สัมพันธ์กับการใช้งาน และในปัจจุบันหลอดไฟก็ได้พัฒนาการให้สามารถปรับเปลี่ยนสีต่างๆได้มากมาย ซึ่งถ้าหากเพื่อนๆคนไหนที่สนใจหลอดไฟเหล่านี้ สามารถเข้ามาเลือกชมได้ที่ Mercular.com เลยนะครับ เพราะเรามีสินค้าให้เลือกใช้ต่างๆมากมาย

article-banner-1
article-banner-2