วิธีเปลี่ยนชื่อไอแพด หมดปัญหา My iPad ของฉันเป็นของใคร
รับประกันโดยศูนย์ไทยระยะเวลา 1 ปี
เป็นตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ
แชทคุยกับผู้เชี่ยวชาญเพื่อเลือกสินค้าที่ใช่สำหรับคุณ
รีวิว หูฟัง JBL Tune Flex True Wireless
หากจะให้พูดถึงแบรนด์เครื่องเสียงที่เป็นเบอร์ต้นๆ ของวงการ เชื่อว่าชื่อของ JBL น่าจะขึ้นมาอยู่ในใจผู้ใช้งานกันไม่มากก็น้อย โดยมีสินค้าจากทางแบรนดืที่เหล่าบรรดาผู้ใช้งานให้การยอมรับและได้รับความนิยมอยู่หลากหลายรุ่นด้วยกันไม่ว่าจะเป็นสินค้าประเภท ลำโพง ไปจนถึงสินค้าประเภท หูฟัง True Wireless ซึ่งทางแบรนด์ JBL ก็มีการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ มานำเสนอผู้ใช้งานอยู่เสมอและล่าสุดกับหูฟัง True Wireless รุ่นใหม่ล่าสุดกับ หูฟัง JBL Tune Flex True Wireless ที่เรียกได้ว่าครบถ้วนจัดเต็มทุกความต้องการในหูฟังรุ่นเดียว ทั้งรูปร่างหน้าตาการออกแบบสุดเท่ ล้ำสมัย, การสวมใส่ที่เบาสบายหูตอบโจทย์ผู้ใช้งานทั้งผู้ที่ชื่นชอบ In Ear และผู้ที่ชื่นชอบ Earbud การเชื่อมต่อที่ทันสมัย และฟังก์ชันการใช้งานอื่นๆ ที่ต้องบอกเลยว่าครบเครื่องแบบครบจบในรุ่นเดียว โดย หูฟัง JBL Tune Flex True Wireless จะน่าสนใจแค่ไหน และมีฟังก์ชันการใช้งานใดเด่นๆ บ้างนั้น เราไปดูรีวิวเต็มๆ กันเลยครับ
Key-Highlight
- หูฟัง True Wireless ที่ทั้งเรียบหรูและทันสมัย
- การสวมใส่ที่เลือกได้ว่า In Ear หรือ Earbud
- ตัวหูฟังน้ำหนักเบาเพียง 9.6 กรัมเท่านั้น
- เชื่อมต่อไร้สายระยะไกล 10 เมตรโดยไม่มีอะไรกั้น
- รองรับการใช้งานแยกข้างซ้าย-ขวาได้อย่างอิสระ
- ใช้งานรับชมภาพยนตร์และเล่นเกมได้ลื่นไหลไม่ดีเลย์
- ตัดเสียงรบกวนได้อย่างเงียบสนิทพร้อม Smart Ambient
- ไมโครโฟนรับเสียงได้อย่างคมชัดถึง 4 ตัว
- ใส่ออกกำลังกายไม่กลัวน้ำและเหงื่อมาตรฐาน IPX4
- แบตเตอรี่ใช้งานต่อเนื่อง 6 ชั่วโมง (เปิด ANC)
- เคสชาร์จเพิ่มได้ 18 ชั่วโมงรวมเป็น 24 ชั่วโมง
- ใช้เวลาในการชาร์จจาก 0 - 100% เพียง 2 ชั่วโมง
- เสียงกระหึ่มถึงใจแบบ JBL Pure Bass Sound
- ไดรเวอร์เสียงขนาดใหญ่ถึงข้างละ 12 มิลลิเมตร
- รองรับการใช้งานร่วมกับ JBL Headphone App
การเชื่อมต่อ
- Bluetooth 5.2
อุปกรณ์ภายในกล่อง
- 1 x JBL Tune Flex
- 1 x เคสสำหรับชาร์จและพกพา
- 1 x จุก Open Eartips (1 ไซส์)
- 1 x จุก Sealing Eartips (3 ไซส์)
- 1 x สาย USB C
- 1 x คู่มือการใช้งาน
หูฟัง True Wireless แบบใหม่ที่เลือกได้ว่าจะใส่แบบ In Ear หรือ Earbud
สวมใส่ได้ทั้งแบบ In Ear และ Earbud
หูฟัง JBL Tune Flex True Wireless เป็นหูฟัง True Wireless แบบใหม่แบบสับที่แตกต่างจากหูฟังรุ่นอื่นๆ ในตลาด ณ ตอนนี้ไปไกล เพราะไม่เพียงมาพร้อมขนาดที่กะทัดรัดเพียงข้างละ H: 34.9 x W: 20.5 x D: 20.2 มิลลิเมตร และน้ำหนักที่เบาสบายหูเพียงข้างละ 4.8 กรัมเท่านั้น แต่ยังโดดเด่นในเรื่องการสวมใส่ด้วยการมาพร้อมจุกแบบ Open Eartips และ Sealing Eartips ที่จุกแบบ Open Eartips จะทำให้กลายเป็นหูฟัง Earbud และ Sealing Eartips จะทำให้กลายเป็นหูฟังแบบ In Ear
Bluetooth 5.2 ใช้งานแยกข้างได้อิสระ
ในส่วนของการเชื่อมต่อของ หูฟัง JBL Tune Flex True Wireless นั้นมาพร้อมกับ Bluetooth เวอร์ชัน 5.2 ให้การเชื่อมต่อที่ง่ายดายและสัญญาณที่เสถียร รวมถึงสามารถเชื่อมต่อได้ไกลถึง 10 เมตรโดยไม่มีอะไรกั้น รองรับการใช้งานแยกข้างซ้าย - ขวาได้อย่างอิสระ ใช้งานรับชมภาพยนตร์ได้อย่างลื่นไหลไม่ดีเลย์ รวมถึงใช้งานเล่นเกมออนไลน์ได้อย่างลื่นไหลแทบไม่ดีเลย์เช่นกัน นอกจากนี้ยังรองรับการใช้งานร่วมกับแอป JBL Headphone App เมื่อเชื่อมต่อ Bluetooth เข้ากับ Smartphone
ตัดเสียงรบกวนพร้อม Smart Ambient
ฟังก์ชันเด่นของ หูฟัง JBL Tune Flex True Wireless นอกจากการสวมใส่ที่มีทั้ง In Ear และ Earbud แล้วนั้น อีกจุดเด่นของหูฟังรุ่นนี้คือความสามารถในการตัดเสียงรบกวน ANC (Active Noise Cancelling) ที่สามารถตัดเสียงได้อย่างเงียบสนิทในทุกสถานการณ์ ด้วยไมโครโฟนสำหรับตัดเสียงรบกวนถึง 2 ตัว และยังมาพร้อมโหมด Ambient Aware ที่จะรับเสียงจากภายนอกเข้ามาเพื่อความปลอดภัย รวมถึง TalkThru สำหรับสนทนากับบุคคลรอบตัวโดยไม่ต้องถอดหูฟังออก
แบตเตอรี่ใช้งานต่อเนื่อง 6 ชม. (เปิด ANC)
สำหรับการใช้งานไร้สาย หูฟัง JBL Tune Flex True Wireless มาพร้อมแบตเตอรี่ภายในที่สามารถใช้งานได้ยาวนานถึง 8 ชั่วโมงเมื่อไม่เปิด ANC จากนั้นชาร์จเพิ่มจากเคสได้อีก 24 ชั่วโมงรวมเป็น 32 ชั่วโมง สำหรับการใช้งาน ANC สามารุใช้งานได้ต่อเนื่องยาวนาน 6 ชั่วโมงจากนั้นชาร์จจากเคสได้อีก 18 ชั่วโมงรวมแล้วใช้งานได้ยาวนาน 24 ชั่วโมง โดยมีระยะการชาร์จจาก 0 - 100% เพียง 2 ชั่วโมงเท่านั้น
รีวิวการใช้งานของ หูฟัง JBL Tune Flex True Wireless
วัสดุและงานประกอบ
หูฟัง JBL Tune Flex True Wireless ตัวที่ทีมงาน mercular.com ได้รับมารีวิวนั้นจะเป็นในรุ่น สีดำใส หรือ Black Ghost ซึ่งจะเลือกใช้วัสดุที่แตกต่างกันออกไปจากรุ่นที่มีสีปกติครับ ตัวกรอบของหูฟังประกอบไปด้วยพลาสติกใสที่ตัวหูฟัง, พลาสติกเคลือบสีดำที่ด้านนอกสุด และพลาสติกผิวด้านบริเวณที่สอดเข้ากับใบหู ซึ่งเผยให้เห็นวงจรหูฟังด้านในที่เป็นสีดำสลับกับเงินเกือบทั้งหมด และที่ตัวหูฟังทั้ง 2 ข้างยังมาพร้อมไฟแสดงสถานะต่างๆ แบบจุดเล็กๆ อีกด้วย
ส่วนของเคสทำจากวัสดุพลาสติกใสแบบเดียวกับตัวหูฟัง โดยกรอบของเคสจะเป็นพลาสติกใสทั้งชิ้น และด้านในจะเผยให้เห็นวงจรด้านในที่เป็นสีดำสลับเงินแบบเดียวกับตัวหูฟังครับ
ในส่วนของงานประกอบต้องบอกเลยว่าทำมาได้ดีตามมาตรฐานของแบรนด์ JBL ครับทั้งในส่วนของตัวหูฟังที่ประกอบเแน่นหนาเป็นชิ้นเดียวกัน ไม่มีชิ้นส่วนที่หลวมหรือให้ความรู้สึกที่ไม่แข็งแรง รวมถึงในส่วนของเคสสำหรับชาร์จและพกพาด้วยเช่นกันที่มีความแน่นหนาทนทานจากการออกแบบให้วัสดุกรอบของเคสชาร์จเป็นชิ้นเดียวไม่มีรอยต่อ ส่วนของฝาพับที่ให้ความรู้สึกที่แข็งแรงทนทานและสามารถเปิดได้ 2 ระดับคือ ระดับแรกที่ตะเป็นการเปิดฝาไปในระดับหนึ่งที่ตัวฝาจะสามารถเด้งกลับมาปิดตัวเองได้ และระดับ 2 ที่จะดันฝาไปด้านหลังสำหรับการเปิดฝาคาเอาไว้ครับ
การสวมใส่
หูฟัง JBL Tune Flex True Wireless เป็นหูฟัง True Wireless รูปแบบใหม่ล่าสุดที่ฉีกข้อจำกัดในการสวมใส่ของหูฟังแบบทั่วๆ ไปอย่างสิ้นเชิง ด้วยความสามารถที่เลือกได้อย่างอิสระว่าจะสวมใส่แบบ Earbud หรือ สวมใส่แบบ In Ear โดยหากต้องการสวมใส่แบบ Earbud ก็ให้ใช้จุกหูฟังแบบ Open Eartips ซึ่งจากการทดสอบสวมใส่บอกได้เลยว่าใส่ได้สบายมากๆ เป็นหูฟัง Earbud อีกหนึ่งรุ่นที่สวมใส่ได้กระชับช่องหู ไม่หลุดเคลื่อนง่ายๆ และไม่หนักหู
หากต้องการสวมใส่แบบ In Ear ก็ให้เปลี่ยนจุกหูฟังจาก Open Eartips ไปเป็น Sealing Eartips ที่มีจุกมาให้เลือกถึง 3 ขนาด เพื่อให้สวมใส่ได้กระชับหูมากที่สุด โดยทางทีมงานทดสอบสวมใส่แล้วพบว่าไม่เพียงการสวมใส่แบบ Earbud จะสวมใส่ได้สบายและกระชับหูเท่านั้น แต่การสวมใส่แบบ In Ear ก็ทำได้สบายและกระชับหูไม่แพ้กัน โดยสามารถสวมใส่ได้สบายหูและไม่ทำให้รู้สึกว่าถูกอุดหูหรือแน่นหูแบบหูฟัง In Ear บางรุ่นอีกด้วย
การเชื่อมต่อ
สำหรับการเชื่อมต่อของ หูฟัง JBL Tune Flex True Wireless มาพร้อม Bluetooth เวอร์ชั่น 5.2 ตามที่ได้กล่าวเอาไว้ข้างต้น โดยมีการเชื่อมต่อที่ง่ายดายตั้งแต่การใช้งานครั้งแรกดังนี้
1. เปิดฝาเคส จากนั้นตัวหูฟังจะเข้าโหมด Pairing โดยอัตโนมัติ
2. iOS ไปที่การตั้งค่า Bluetooth จากนั้นเลือกเชื่อมต่อที่ JBL Tune Flex
3. Android เชื่อมต่อได้ผ่าน Pop-Up ที่ขึ้นมาที่หน้าจอผ่านเทคโนโลยี Google Fast Pair
4. เท่านี้ก็เป็นอันเชื่อมต่อสำเร็จครับ
ในส่วนของการเชื่อมต่อแบบ Manual หรือเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่นเพิ่มเติมก็สามารถทำได้อย่าง่ายดายเช่นเดียวกันดังนี้
1. นำหูฟังข้างใดก็ได้ออกจากเคสสำหรับชาร์จและพกพา
2. แตะ 2 ครั้งโดยครั้งที่ 2 ให้แตะหูฟังค้างเอาไว้จนไฟสีน้ำเงินกระพริบ
3. หูฟังจะเข้าสู่โหมด Pairing
4. iOS ไปที่การตั้งค่า Bluetooth จากนั้นเลือกเชื่อมต่อที่ JBL Tune Flex
5. Android เชื่อมต่อได้ผ่าน Pop-Up ที่ขึ้นมาที่หน้าจอผ่านเทคโนโลยี Google Fast Pair
6. เท่านี้ก็เป็นอันเชื่อมต่อสำเร็จครับ
ทดสอบดีเลย์
จากการทดสอบพบว่าหูฟัง JBL Tune Flex True Wireless สามารถใช้งานรับชมภาพยนตร์ออนไลน์ผ่านแอปยอดนิยมต่างๆ ได้อย่างลื่นไหลไม่ดีเลย์ ไม่ว่าจะเป็น YouTube, Netflix, Prime Video และอื่นๆ
ในขณะที่การเล่นเกมออนไลน์จะมีอาการดีเลย์ของภาพและเสียงเพียงเล็กน้อยเท่านั้นหรือราวๆ 0.6 - 0.8 ms ที่ในการเล่นเกมจริงๆ นั้นแทบไม่รู้สึกถึงการดีเลย์ สามารถเล่นเกมได้อย่างไม่มีปัญหาทั้ง ROV, PubG หรือ Call of Duty เป็นต้น
การตัดเสียงรบกวน
หูฟัง JBL Tune Flex True Wireless โดดเด่นด้วยฟังก์ชั่นการตัดเสียงรบกวน ANC (Active Noise Cancelling) ที่สามารถตัดเสียงรบกวนได้อย่างเงียบสนิทและปรับระดับการตัดเสียงรบกวนได้มากถึง 6 ระดับ จากการทดสอบที่ระดับการตัดเสียงรบกวนสูงสุดนั้นสามารถตัดเสียงได้เงียบสนิทในระดับหนึ่ง หรือตัดเสียงได้มากกว่า 80% และไม่ทำให้หูอื้อ โดยมีจุดอ่อนคือในขณะเปิดโหมดการตัดเสียงรบกวนนั้นจะไม่สามารถตัดเสียงได้ทั้งหมด ผู้ใช้งานนั้นยังจะได้ยินเสียงลมเข้ามาอยู่บ้างครับ
นอกจากโหมดการตัดเสียงรบกวน หูฟัง JBL Tune Flex True Wireless ยังมาพร้อมฟังก์ชัน Ambient Aware ที่จะรับเสียงจากภายนอกเข้ามาในขณะที่เสียงเพลงนั้นยังดังในระดับปกติ จากการทดสอบพบว่าเสียงจากภายนอกเข้ามาได้ราวๆ 60% คือได้ยินเสียงจากรอบข้างบ้าง แต่หากมีคนสนทนาอยู่ด้านข้างก็จำเป็นที่จะต้องตั้งใจฟังเล็กน้อยหรือหยุดเพลงเพื่อฟังครับ
อีกโหมดที่ออกมาเพื่อตอบโจทย์การสนทนากับบุคคลรอบข้างโดยไม่ต้องถอดหูฟังออกนั่นคือฟังก์ชัน TalkThru ที่จะรับเสียงจากภายนอกเข้ามาและลดเสียงเพลงที่กำลังฟังลง ทำให้เสียงจากภายนอกเข้ามาได้มากถึง 70% โดยเฉพาะเสียงพูดที่จะเข้ามาได้อย่างชัดเจน ตอบโจทย์การสนทนากับบุคคลรอบข้างโดยที่ไม่ต้องถอดหูฟังออกครับ
การควบคุม
สำหรับการควบคุมของ หูฟัง JBL Tune Flex True Wireless นั้นจะเป็นการควบคุมด้วยระบบสัมผัสผ่านการแตะที่หูฟังทั้งข้างซ้ายและข้างขวา โดยสามารถควบคุมได้ทั้งการเล่นเพลง, การเปิด - ปิด - เปลี่ยนโหมดการตัดเสียงรบกวน, การเพิ่ม - ลดเสียง, การควบคุมการรับสายและวางสายโทรศัพท์ และการเรียกช่วยเสียงอัจฉริยะ โดยสามารถปรับเปลี่ยนการตั้งค่าการควบคุมได้อย่างอิสระผ่านการใช้งานร่วมกับ App JBL Headphones
ไมโครโฟน
หูฟัง JBL Tune Flex True Wireless มาพร้อมไมโครโฟนในตัวที่รวมแล้วมากถึง 4 ตัวเลยทีเดียว จากการทดสอบใช้งานสนทนาโทรศัพท์พบว่าสามารถรับเสียงสนทนาได้อย่างคมชัด ไม่ว่าจะสนทนาในที่ๆ เงียบเช่นในห้อง หรือสนทนาริมถนนก็สามารถรับเสียงได้คมชัดไม่ต่างกัน โดยมีจุดอ่อนเล็กน้อยคือหากสนทนาระหว่างโดยสารรถมอเตอร์ไซค์หรือบริเวณที่มีลมพัดแรงๆ เสียงลมอาจจะแทรกเข้าไปบ้างเล็กน้อย แต่ภาพรวมคือสนทนาได้ชัดเจนรู้เรื่องครับ
มาตรฐานกันน้ำ
หูฟัง JBL Tune Flex True Wireless ไม่เพียงแต่สวมใส่ได้สบายกระชับหูเท่านั้น แต่ยังตอบโจทย์ผู้ที่รักการเล่นกีฬาและผู้ที่ชื่นชอบในการออกกำลังกายด้วยมาตรฐานการกันน้ำ IPX4 ไม่กลัวทั้งเหงื่อและฝน ทีมงานได้ทดสอบสเปรย์น้ำลงไปบนหูฟังแล้วก็ยังใช้งานได้เป็นปกติไม่มีปัญหา แต่แนะนำให้เช็ดให้แห้งก่อนใช้งานและไม่ควรนำไปล้างน้ำหรือทำตกน้ำครับ
สรุป หูฟัง JBL Tune Flex True Wireless เหมาะกับใคร?
หูฟัง JBL Tune Flex True Wireless ราคา จัดว่าอยู่ในระดับเริ่มต้น - ระดับกลาง ในขณะเดียวกันก็มาพร้อมฟังก์ชันการใช้งานและความสามารถที่เรียกได้ว่าครบถ้วนจัดเต็มครบทุกความต้องการ ทั้งการสวมใส่ที่เลือกได้ทั้ง In Ear และ Earbud, ฟังก์ชันการตัดเสียงรบกวนที่ตัดได้เงียบสนิท, ไมโครโฟนที่รับเสียงสนทนาได้อย่างคมชัด, มาตรฐานกันน้ำกันเหงื่อใส่ออกกำลังกายได้, แบตเตอรี่ภายในตัวที่ใช้งานได้ยาวนานถึง 6 ชั่วโมงเมื่อเปิด ANC และแนวเสียงที่ต้องบอกเลยว่าฟังได้สนุกครบถ้วนในทุกกิจกรรม ทั้งหมดนี้ต้องบอกเลยว่าทำให้ หูฟัง JBL Tune Flex True Wireless เหมาะกับ นักเรียน นักศึกษา และวัยทำงาน ด้วยฟังก์ชันการใช้งานที่ครบถ้วนและตอบโจทย์ทุกความต้องการ ในราคากำลังดีที่สามารถเข้าถึงได้ไม่ยาก พูดได้เลยว่าเป็นหูฟังที่คุ้มค่ามากๆ ซื้อครั้งเดียวจบอีกรุ่นหนึ่งก็ว่าได้ครับ
App JBL Headphones
สำหรับการใช้งาน หูฟัง JBL Tune Flex True Wireless ร่วมกับแอพ JBL Headphones จะเป็นการปลดล็อคการใช้งานและการตั้งค่าเพิ่มเติม อัพเดทเฟิร์มแวร์ และแสดงสถานะต่างๆ ประกอบไปด้วย
- แสดงสถานะแบตเตอรี่ของหูฟังและเคสสำหรับชาร์จและพกพา
- ปรับเปลี่ยนการขับเสียงให้เข้ากับการสวมใส่ Earbud และ In Ear
- เปลี่ยนโหมดการตัดเสียงรบกวนต่างๆ ANC, Ambient Aware, TalkThru และปรับระดับการตัดเสียงรบกวน
- Equalizer ปรับแนวเสียงให้เป็นแบบที่ชอบ ประกอบไปด้วย Jazz, Vocal, Bass, Club, Studio และปรับแต่งเอง
- ปรับเปลี่ยนการตั้งค้าการควบคุมหูฟัง
- VoiceAware ปรับระดับเสียงของผู้ใช้งานที่จะได้ยินในขณะสนทนาโทรศัพท์
- เลือกโหมดการรับฟังว่าเป็น ฟังเพลงหรือรับชมภาพยนตร์ โดยการฟังเพลงจะใช้การเชื่อมต่อที่ให้เสียงที่ดีที่สุด ส่วนการรับชมภาพยนตร์จะใช้การเชื่อมต่อที่มีดีเลย์น้อยที่สุด
- เลือกภาษาของเสียงแจ้งเตือน
- จำกัดเสียงที่ดังสูงสุดเพื่อถนอมสุขภาพหู
- ค้นหาหูฟังหากทำสูญหาย
- เปิดใช้งานโหมดประหยัดพลังงาน
- โหมดการช่วยเหลื่ออื่นๆ ในการใช้งานหูฟัง
รีวิวเสียง
ในด้านของแนวเสียง หูฟัง JBL Tune Flex True Wireless มาพร้อมไดรเวอร์ขนาดเสียงแบบ Dynamic Driver ขนาดใหญ่ถึง 12 มิลลิเมตรต่อข้าง ให้เสียงที่ดังกระหึ่มถึงใจโดยเฉพาะย่านเบสด้วยการปรับจูนแนวเสียงมาเป็นอย่างดีแบบ JBL Pure Bass Sound ที่จะให้ย่านเบสที่ต่ำและลงได้ลึกกว่าหูฟังทั่วๆ ไป ตามสไตล์แนวเสียงอันเป็นเอกลักษณ์ของ JBL โดยมีรายละเอียดเสียงย่านต่างๆ ดังนี้
- เสียงกลาง : ในส่วนของเสียงกลาง ต้องบอกว่าทำได้ดีสมกับเป็นหูฟังจาก JBL โดยให้ภาพรวมเนื้อเสียงที่ใหญ่ หนา เนื้อเสียงมีความแน่น รายละเอียดเสียงนั้นมีความครบถ้วนฟังจับได้ง่ายไม่ว่าจะเป็นเสียงร้องหรือเสียงเครื่องดนตรีต่างๆ ก็สามารถเข้าถึงได้อย่างง่ายดาย
- เสียงสูง : สำหรับเสียงสูงอาจจะไม่ได้เน้นมากเท่าเสียงกลางและเสียงเบส แต่ก็ถือว่าทำได้ดีพอสมควรเมื่อเทียบกับหูฟังหลายๆ รุ่น โดยสามารถทอดเสียงสูงไปได้ไกลในระดับหนึ่ง ไม่ถึงกับสูงมากแต่ก็สูงพอที่จะครอบคลุมรายละเอียดเสียงได้ทั้งหมด เนื้อเสียงมีความเนียนไม่แห้งสากหู ปลายเสียงตัดได้เนียนไม่มีอาการเสียงแตกปลายจนทำให้เหนื่อยหูแต่อย่างใด
- เสียงเบส : ส่วนของเบสต้องบอกเลยว่าทำได้ ให้เบสที่ลงได้ลึกสะใจสายเบส โดยเฉพาะเมื่อฟังผ่านโหมด Earbud ตัวหูฟังจะเร่งเบสให้มากขึ้นยิ่งกว่าเดิม ทำให้กลบข้อด้อยของหูฟัง Earbud ที่ปกติจะให้เสียงเบสได้น้อยกว่าปกติ ไปได้จนหมด ในขณะที่เมื่อเปิดเป็นโหมด In Ear หูฟังก็จะปรับเสียงเบสให้ลดลงจนพอดีไม่มากจนเกินไป โดยเบสที่ได้นั้นลูกใหญ่ เนื้อแน่น แรงส่งกำลังดี แรงปะทะนิ่มนวลตูมตามแต่ไม่ถึงกับสะเทือนหูมากเกินไป
- เวทีเสียง : ด้านเวทีเสียงนั้นอยู่ในระดับที่พอดี ไม่กว้างจนเกินไปและก็ไม่แคบจนเกินไป สามารถจัดวางเครื่องดนตรีต่างๆ ได้อย่างเป็นระเบียบและแยกชิ้นออกจากกันได้อย่างชัดเจน โดยที่เสียงร้องจะอยู่ตรงกลาง ในการฟังเพลงรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่านักร้องอยู่ตรงไหนและเครื่องดนตรีอยู่ตรงไหน เช่นเดียวกับการรับชมภาพยนตร์ที่ผู้ฟังสามารถสัมผัสถึงทิศทางเสียงได้อย่างง่ายดายด้วยเช่นกัน
แนวเพลงที่เหมาะสม : Pop / Pop-Rock / Rock / Hip-Hop
หูฟังรุ่นอื่น ๆ ที่น่าสนใจ:
ไร้สาย
มีไมค์
บลูทูธ
กันน้ำ
ระบบตัดเสียงรบกวน, Ambient Sound Mode, ใช้งานร่วมกับแอปพลิเคชัน
เล่นเกม, ฟังเพลง, คุยโทรศัพท์
IPX4
หูฟัง True Wireless
Dynamic
20 - 20,000 Hz
32Ω
บทความที่เกี่ยวข้อง