คีย์บอร์ด Loga x Durgod Mango Sticky Rice Wireless Mechanical Keyboard (EN/TH) Kailh Turbo Red

Loga x Durgod Mango Sticky Rice Wireless Mechanical Keyboard เป็นการร่วมงานพิเศษระหว่างแบรนด์ไทยและแบรนด์ต่างชาติ โดยการนำข้าวเหนียวมะม่วงซึ่งเป็นเมนูขนมหวาน softpower ของชาวไทยที่เป็นที่นิยมในต่างชาติ มาออกแบบลวดลายและสีแพนโทนบนคีย์บอร์ดและคีย์แคป โดยดีไซน์เรียกได้ว่าเห็นแล้วนึกเป็นเมนูอื่นไม่ได้เลย ด้วยดีไซน์สีขาวสลับกับสีเหลืองแซมด้วยสีส้มตัดกันได้อย่างลงตัวสวยงามชนิดที่ว่าใครเห็นผ่านไปผ่านมาต้องเอ๊ะมามองกันเลยทีเดียว คีย์บอร์ดมาในขนาด 60% โดยเป็นการนำรุ่นที่ผ่านมาอย่าง K330w+ มาปรับปรุงใหม่เติมโน่นนิดนี่หน่อย โดยตัวเดิมจะไม่มีไฟ RGB แต่ว่าเจ้าตัวนี้มีมาให้โดยเค้าให้ชื่อว่า south face ซึ่งสวยงามแถมยังปรับได้หลายโหมดอีกด้วยครับ และใช้ software เฉพาะแยกออกมาจากของทาง Durgod อีกทีซึ่งสามารถปรับได้ทั้งไฟ RGB และปุ่มมาโครต่าง ๆ สะดวกสบายมาก ๆ ในการใช้งาน วัสดุคีย์บอร์ดแข็งแรงทนทานด้วย ABS Plastic แถมยังสวยงามอีกด้วย คีย์แคปวัสดุ PBT Dye-sublimated ให้สัมผัสที่ดี มีความสากนิด ๆ ไม่ขึ้นมันง่ายทำให้ใช้งานสนุกยาวนานมากขึ้น สวิตช์เลือกใช้ของ Kailh turbo switch ทั้ง 3 แบบคือ Red/Silver/brown ซึ่งเป็นรุ่นใหม่จากทาง Kailh ให้คุณภาพที่ยอดเยี่ยมอย่างไม่ต้องสงสัยเลยล่ะครับ แบตเตอรี่มีมาให้ 3600 mAh สามารถใช้ได้ยาวนานตลอดทั้งวันอีกด้วยครับ

รายละเอียดการใช้งาน Loga x Durgod Mango Sticky Rice Wireless Mechanical Keyboard (EN/TH)

ดีไซน์

Loga x Durgod Mango Sticky Rice Wireless Mechanical Keyboard เป็นแมคคานิคอลคีย์บอร์ดไร้สายขนาด 60% เป็นคีย์บอร์ดขนาดเล็กพกพาสะดวกสบาย แต่ยังมีปุ่มการใช้งานที่ครบถ้วนอยู่นั่นเอง และยังเต็มไปด้วยฟังก์ชันต่าง ๆ มากมายอีกด้วยครับ ดีไซน์สีออกแบบมาโดยมีแรงบัลดาลใจมาจากข้าวเหนียงมะม่วงตามชื่อ Mango Sticky Rice ตัวคีย์บอร์ดมีการทำเพลตมาสีขาวสลับกับสีเหลืองได้อย่างลงตัว ส่วนคีย์แคปก็มาในสีขาวกสลับกับสีเหลืองเช่นเดียวกัน แต่บางปุ่มจะมีสีส้มเพื่อเพิ่มความสวยงาน ซึ่งตัดกันได้ดีมาก ๆ มียางกันลื่นมาให้ด้วยกันทั้งสี่มุมของคีย์บอร์ด และการปรับระดับทำได้ด้วยการเปิดไปด้านข้างแทนที่จะงัดมันขึ้นไปด้านหน้าเท่มากเลยทีเดียวครับ ดองเกิล USB-A ซ่อนไว้ข้างหลัง ช่องการเชื่อมต่อพร้อมปุ่มสวิตช์ปิด/เปิดที่ด้านบน พร้อมแถบสถานะที่ข้างหน้าของคีย์บอร์ดออกแบบมาให้มองง่ายและสวยงามมากอีกด้วยครับ

วัสดุ

Loga x Durgod Mango Sticky Rice Wireless Mechanical Keyboard เลือกใช้แผ่นอะลูมิเนียมแข็งแรงทนทานสุด ๆ และยังหุ้มด้วยกรอบพลาสติก ABS แข็งแรงทนทานแถมยังมีน้ำหนักที่เบาอีกด้วย เคสพลาสติกมาในสีขาว 1 ชิ้นครอบกับพลาสติกสีเหลืองอีก 1 ชิ้นให้สีที่น่ารักสวยงาม งานประกอบค่อนข้างเนี๊ยบมาก ๆ มั่นใจได้ตลอดการใช้งานรวมไปถึงการพกพาว่าจะไม่แตกหักง่ายอย่างแน่นนอน ข้อสังเกตคือการที่คีย์บอร์ดมีสีที่สว่างจึงอาจจะทำให้เห็นคราบได้ค่อนข้างง่าย จึงอาจจะต้องเช็ดทำความสะอาดมันบ่อยขึ้นสักหน่อยเพื่อให้น้องยังสวยงามอยู่เสมอ

การเชื่อมต่อ

Loga x Durgod Mango Sticky Rice Wireless Mechanical Keyboard รองรับการเชื่อมต่อที่ครบถ้วนทั้งแบบไร้สายผ่าน Wireless 2.4 GHz ด้วยดองเกิล USB-A ที่มีมาให้ภายในคีย์บอร์ด สามารถเชื่อมต่อได้ทุกอุปกรณ์ที่มีช่องเสียบ USB และอีกแบบนั่นก็คือ Bluetooth นั่นเองเชื่อมต่อได้ง่ายดายเพียงไม่กี่ขั้นตอน โดยสามารถมองหาอุปกรณ์ที่ชื่อ DGK330CK และเชื่อมต่อได้เลย แถมยังใช้งานได้สูงสุดที่ 100 ชม เมื่อเชื่อมผ่าน Bluetooth อีกด้วย หรือว่าจะเชื่อมต่อแบบมีสายผ่านสาย USB-A to USB-C ที่เป็นได้ทั้งการเชื่อมต่อและชาร์จแบตคีย์บอร์ดภายในตัว

สวิตซ์และคีย์แคป

คีย์แคปของเจ้า Loga x Durgod Mango Sticky Rice ตัวนี้จะเป็นภาษาไทย - อังกฤษ คีย์แคปทำมาจากวัสดุ PBT แบบ Dye-sublimated ที่จะเป็นการยิงหมึกให้ซึมลงไปในเนื้อคีย์แคป ข้อดีของมันก็คือตัวอักษรจะไม่ลอกออกง่าย ๆ ไม่ขึ้นเงาเวลาใช้งานไปนาน ๆ เสียงมัน พื้นผิวสากทำให้หนึบมือแถมยังพิมพ์ได้สนุก ข้อเสียคือไฟ RGB ไม่สามารถลอดผ่านได้นั่นเอง ซึ่งในข้อนี้ก็แล้วแต่คนชอบนั่นเองครับ คีย์แคปให้สีต่างกันถึงสามสี ทั้งสีขาวที่เป็นสีหลักตกแต่งด้วยสีเหลืองและส้มเพื่อความเป็นข้าวเหนียวมะม่วง น่ารักสวยงาม ลงตัวสุด ๆ ใครผ่านไปมาแค่เห็นก็เตะตาแล้วครับ ตัวสวิตช์ยังใช้เป็นสวิตช์ของ Kailh อีกด้วยเรื่องการใช้งานไม่ต้องพูดถึงคุณภาพยอดเยี่ยมแน่นอน แถมยังมีมาให้เลือกถึง 3 แบบด้วยกันทั้ง Red, Brown และ Silver ส่วนตัวที่ได้ทดลองใช้จะเป็นของ Brown ให้เสียงที่เพราะน่าฟังไม่ดังจนเกินไป เพราะเค้ามี มีโฟมซับเสียงมาให้ถึง 2 ชั้นให้เสียงที่ไม่ดังมากแต่ยังเพราะน่าฟังอยู่นั่นเองครับ

สรุป

Loga x Durgod Mango Sticky Rice Wireless Mechanical Keyboard เป็นคีย์บอร์ดที่เหมาะกับทุกคน ทุกเพศทุกวัยอย่างไม่ต้องสงสัย ด้วยความน่ารักของมันพร้อมสีสันที่สวยงามตามฉบับข้าวเหนียวมะม่วง ซึ่งครอบคลุมทั้งการทำงาน และการเล่นเกม ด้วยสเปกที่ให้มาแบบจัดเต็มรวมถึงสามารถปรับการตั้งค่าอื่น ๆ ได้ภายในซอฟต์แวร์ วัสดุตัวคีย์บอร์ดและคีย์แคปแข็งแรงทนทาน พิมพ์ได้มันมือมาก ๆ แถมยังเชื่อมต่อได้แบบครบครันทั้งแบบมีสาย USB-A to USB-C และแบบไร้สาย Wireless 2.4 GHz กับแบบ Bluetooth สามารถใช้งานได้ทั้ง macOS/Windows แบตเตอรี่มีมาให้ถึง 3600 mAh สามารถใช้ได้ยาวนานถึง 100 ชม เมื่อเชื่อมต่อผ่าน Bluetooth แต่ต้องบอกไว้ก่อนว่าถึงเจ้าตัวนี้สามารถใช้ได้ทุกคนทุกเพศทุกวัย แต่ก็แล้วแต่ความชอบส่วนบุคคลอีกเช่นกันครับ เพราะบางคนอาจจะชอบคีย์บอร์ดแบบ 100% หรือ 75% ซึ่งการเปิดใจลองเจ้าตัวนี้ที่เป็นแบบ 60% ก็อาจจะต้องปรับกันนิดหน่อยถึงจะเข้ามือ แต่ก็ยังมีปุ่มการใช้งานที่ครบอยู่นั่นเองครับ