เลือกลำโพง Marshall รุ่นไหนดี ที่เหมาะกับคุณ
ได้รับสินค้าภายในพรุ่งนี้ ไม่เกิน 22:00 น. เมื่อสั่งซื้อและชำระเงินไม่เกิน 23:59 น.
รับประกันโดยศูนย์ไทยระยะเวลา 1 ปี
เป็นตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ
แชทคุยกับผู้เชี่ยวชาญเพื่อเลือกสินค้าที่ใช่สำหรับคุณ
รีวิว ลำโพง Marshall Stanmore III Bluetooth Speaker
Marshall Stanmore III Bluetooth Speaker ลำโพงบลูทูธรุ่นใหม่จาก Marshall แบรนด์เครื่องเสียงวินเทจขวัญใจชาวร็อคที่ดำเนินมาถึงรุ่นที่ 3 กันแล้ว โดยลำโพง Marshall Stanmore III จะเป็นลำโพงบ้านไซซ์กลางจากทั้ง 3 รุ่นที่มาพร้อมกับการเชื่อมต่อแบบ Bluetooth 5.2 แทนที่รุ่นก่อนหน้าอย่าง Stanmore II ที่ใช้ Bluetooth 5.0 ทำให้เชื่อมต่อได้อย่างรวดเร็วและเสถียรยิ่งขึ้นกว่าเดิม และมีการเพิ่มปุ่มกดข้ามเพลงก่อนหน้า-ถัดไปให้ใช้งานได้อย่างสะดวกสบายยิ่ง
Key Highlight
- ลำโพงบ้านไซซ์กลางจาก Marshall
- ดีไซน์ตู้แอมป์โฉมใหม่ ในสไตล์ของ Marshall
- รองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth 5.2
- Dynamic Loudness คงคุณภาพเสียงไว้ในทุก Volume
- Placement Compensation ช่วยคำนวณเสียงจากตำแหน่งสำโพง
- แผงควบคุมทองเหลืองพร้อมกับปุ่ม EQ Knob ในตัว
- เพิ่มปุ่มกดข้าม - ย้อนกับเพลงบนตัวลำโพง
- ผลิตขึ้นจากวัสดุ Vegan และวัสดุ Recycled 70%
- รองรับการใช้งานร่วมกับแอพ Marshall Bluetooth
- รองรับฟีเจอร์ Multi-host และ Broadcast
การเชื่อมต่อ
- Bluetooth 5.2
- AUX 3.5mm
- RCA
อุปกรณ์ภายในกล่อง
- 1X ลำโพง Stanmore III Bluetooth Speaker
- 1X สายไฟ AC Power
- 1X คู่มือการใช้งาน
ลำโพงบลูทูธดีไซน์คลาสสิก พร้อมเอกลักษณ์เสียงที่ดียิ่งขึ้น
พลังเสียง 80W
ลำโพง Marshall Stanmore III มาพร้อมพลังเสียง 80W ภายในประกอบด้วยวูฟเฟอร์ขับเสียงกลาง-ต่ำ 1 ตัว และทวีตเตอร์ขับเสียงแหลม 2 ตัวซ้าย-ขวา เสียงที่ออกมาจึงเป็นแบบสเตอริโอ ดอกลำโพงทั้งสามมีการออกแบบใหม่ทำมุมออกด้านนอกมากขึ้น และได้ออกแบบท่อลม Bass reflex ด้านหลังใหม่ให้มีการนำคลื่นเสียงต่ำที่ดีขึ้น เสียงเบสที่ออกมาจึงหนักแน่นเต็มอิ่มมากขึ้น เสียงโดยรวมมีความสม่ำเสมอและเวทีเสียงกว้างกว่ารุ่นก่อนหน้า นอกจากนี้ยังมาพร้อมเทคโนโลยี Dynamic Loudness ปรับสมดุลโทนเสียงให้ออกมามีคุณภาพดีที่สุดในทุกระดับเสียง
Bluetooth 5.2
ลำโพง Marshall Stanmore III อัปเกรดการเชื่อมต่อไร้สายจาก Bluetooth 5.0 มาเป็น Bluetooth 5.2 ส่งผลให้สามารถเชื่อมต่อไร้สายกับลำโพงได้ไกลขึ้น สัญญาณชัด เสถียร และมีการดีเลย์น้อยลง นอกจากนี้ยังรองรับการอัปเดตเฟิร์มแวร์แบบ Over the Air (OTA) ผ่านแอปฯ Marshall Bluetooth ช่วยให้ลำโพงมีคุณสมบัติล่าสุดอยู่เสมอ
ดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์
ลำโพง Marshall Stanmore III มีการปรับดีไซน์ภาพนอกใหม่เล็กน้อย จุดเด่นยังคงเป็นความคลาสสิกและพรีเมียมหรูหราที่เปรียบดั่งเอกลักษณ์ของลำโพงแบรนด์นี้ไปแล้ว พร้อมด้วยรายละเอียดอันเป็นซิกเนเจอร์ของแบรนด์ เช่น โลโก้ Marshall สีทอง ปุ่มควบคุมทองเหลือง สวิตช์เปิด-ปิดลำโพงแบบแท่ง ซึ่งสะท้อนถึงดีไซน์ของตู้แอมป์กีตาร์ที่นักดนตรีคุ้นตา นอกจากนี้ลำโพงยังคำนึงถึงความยั่งยืนด้วยการใช้โครงสร้างปลอด PVC และพลาสติกรีไซเคิล 70% รวมถึงวัสดุหนังสังเคราะห์แทนการใช้หนังแท้
เชื่อมต่อในแบบที่ต้องการ
นอกจากการเชื่อมต่อไร้สายผ่าน Bluetooth แล้ว ลำโพง Marshall Stanmore III ยังรองรับการเชื่อมต่อแบบมีสายได้แก่ อินพุต RCA สำหรับต่อจากเครื่องเล่นระบบอนาล็อกแอนะล็อก และอินพุต 3.5 มม. สำหรับการเสียบสาย AUX ฟังเพลง ลำโพงรุ่นนี้จึงมีความยิดหยุ่นในการใช้งานร่วมกับอุปกรณ์ต่างๆ ได้ทั้งระบบใหม่และระบบเก่า
รายละเอียดการใช้งานลำโพง Marshall Stanmore III
Marshall Stanmore III เป็นลำโพงบลูทูธที่คงเอกลักษณ์ของ Marshall เอาไว้เต็มเปี่ยม เริ่มตั้งแต่รูปร่างหน้าตาสุดคลาสสิก ฟังก์ชันการทำงานที่เรียบง่าย ไปจนถึงเรื่องของแนวเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ ฟีเจอร์หลายอย่างที่อัปเกรดขึ้นจาก Stanmore II ก็ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของลำโพงรุ่นนี้ได้ดียิ่งขึ้น ไม่ว่าคุณจะเป็นนักฟังเพลงหรือไม่ ถ้าได้ลองสัมผัสและฟังเสียงจากลำโพงรุ่นนี้รับรองได้ว่าจะตกหลุมรักได้ไม่ยาก
วัสดุ
Marshall Stanmore III มาพร้อมวัสดุเกรดพรีเมียมอีกเช่นเคยพร้อมกับแนวคิดเกี่ยวกับความยั่งยืนและการไม่ทำร้ายสิ่งมีชีวิต โครงสร้างลำโพงทั้งตัวปราศจากการใช้วัสดุ PVC ชิ้นส่วนที่เป็นพลาสติก 70% ผลิตมาจากพลาสติกรีไซเคิลที่ได้จาดขวดน้ำและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ตัวตู้ลำโพงเป็นไม้อัดอย่างดี หุ้มผิวภายนอกด้วยหนังสังเคราะห์ลวดลายเหมือนหนังแท้ ด้านหน้าลำโพงปิดทับด้วยผ้าใยสังเคราะห์ลวดลายสวยงาม ทอแน่น กันละอองน้ำและเศษฝุ่นเล็กๆ ได้ โลโก้ Marshall และแถบสีทองด้านล่างเป็นโลหะขัดตกแต่งสีทองเหลืองเช่นเดียวกับแผงปุ่มควบคุมด้านบน วัสดุในภาพรวมอยู่ในมาตรฐานระดับสูงซึ่งถือเป็นจุดเด่นของลำโพงแบรนด์นี้
ดีไซน์
Marshall Stanmore III มาในรูปทรงกล่องสี่เหลี่ยมแนวนอน รูปลักษณ์ดีไซน์ในภาพรวมไม่แตกต่างจาก Stanmore II มากนัก มีเพียงการปรับแถบสีทองด้านหน้าลำโพงให้เล็กลง เพิ่มปีก่อตั้งแบรนด์ 1962 ที่แผงปุ่มควบคุมด้านบน ปรับดีไซน์ของปุ่ม Play/Pause ใหม่ให้มีแถบเลื่อน Next/Previous เข้ามาด้วย และปรับดีไซน์ของปุ่มเปิด/ปิดลำโพงใหม่ ภาพรวมให้อารมณ์และความรู้สึกสไตล์คลาสสิกเอาไว้เต็มเปี่ยม และยังชวนให้นึกถึงตู้แอมป์กีตาร์ Marshall ทุกครั้งที่มอง พวกรายละเอียดต่างๆ การตกแต่ง งานประกอบ ยังคงทำได้เนี๊ยบและมีมาตรฐานสูงตามสไตล์แบรนด์ Marshall
ลำโพง Marshall Stanmore III มีขนาด 35.0 x 20.3 x 18.8 ซม. น้ำหนักอยู่ที่ 4.25 กิโลกรัม เป็นรุ่นที่คั่นกลางระหว่าง Acton III กับ Woburn III ด้วยความที่ไม่มีแบตเตอรี่ในตัว ต้องเสียบปลั๊กตลอดเวลา และไม่มีคุณสมบัติกันน้ำ ลำโพงรุ่นนี้จึงเหมาะกับการตั้งเท่ๆ ฟังเพลงในห้องนั่งเล่น ห้องนอน ห้องทำงาน ไม่เหมาะกับการพกพาหรือใช้งาน outdoor
การควบคุม
ความเรียบง่ายคือจุดเด่นของลำโพง Marshall ทุกรุ่น เช่นเดียวกับ Stanmore III ที่สามารถควบคุมการเล่นเพลง ปรับเสียง และเลือกแหล่งการเล่นเสียงได้ง่ายๆ ผ่านแผงปุ่มควบคุมด้านบนตัวลำโพง โดยปุ่มด้านบนประกอบด้วย
- สวิตช์เปิด/ปิดแบบแท่ง ให้อารมณ์คล้ายสวิตช์เปิด/ปิดแอมป์กีตาร์ ใช้งานง่ายไม่ซับซ้อน
- ปุ่มควบคุมการเล่นเพลงที่รวม Play/Pause, Next/Previous ไว้ในปุ่มเดียวกัน แม้จะมีขนาดค่อนข้างเล็กแต่ถือว่าใช้ง่าย และเป็นการประหยัดพื้นที่
- ปุ่มหมุนควบคุม 3 ปุ่ม ได้แก่ Bass ปรับเพิ่ม-ลดย่านเสียงเบส, Treble ปรับเพิ่ม-ลดย่านเสียงแหลม และ Volume ปรับระดับความดัง-เบาของเสียง ใช้งานง่าย มีไฟบอกตำแหน่งชัดเจน
- ปุ่มเลือกแหล่งเสียง เลือกได้ระกว่าง Bluetooth AUX และ RCA
- ช่องเสียบ 3.5mm
โดยรวมแล้วปุ่มต่างๆ ถือว่าตอบโจทย์ความง่ายในการควบคุมและการใช้งานได้เป็นอย่างดี ไม่จำเป็นต้องโหลดแอปฯ แล้วคอยปรับเสียงผ่านตัวแอปฯ ให้ยุ่งยาก
การเชื่อมต่อ
ลำโพงMarshall Stanmore III รองรับมาตรฐานการเชื่อมต่อไร้สาย Bluetooth 5.2 จากการทดลองใช้งานพบว่าลำโพงสามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ไม่ว่าจะสมาร์ตโฟนหรือโน๊ตบุ๊กได้ง่ายและรวดเร็ว การเชื่อมต่อครั้งแรกทำได้ด้วยการกดปุ่ม Bluetooth ค้างไว้ประมาณ 3 วินาทีจนไฟสถานะกระพริบ จากนั้นให้ทำการกดเชื่อมต่อจากสมาร์ตโฟนได้ทันที การรับส่งสัญญาณเสียงมีความเสถียร เสียงออกเต็มไม่มีดร็อป ฟังเพลงจาก YouTube ภาพกับเสียงแทบไม่มีอาการดีเลย์ ตอบสนองเวลากดเล่นเพลง หยุดเพลง เพิ่ม/ลดเสียง ข้ามเพลง/ย้อนกลับ ได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ลำโพงยังรองรับการจับคู่ได้สองอุปกรณ์พร้อมกัน
นอกจาก Bluetooth แล้ว ลำโพง Stanmore III ยังรองรับการเล่นเพลงจากสาย AUX 3.5mm และการสาย RCA Stereo ขาว-แดง ถ้าหากมีเครื่องเล่นเพลงระบบแอนะล็อก เครื่องเล่น CD / DVD, เครื่อง MP3, เครื่อง Walkman ก็สามารถต่อสายเข้าลำโพงรุ่นนี้ได้ทันที เรียกว่าจะยุคใหม่หรือยุคเก่าก็สนุกกับเสียงเพลงจากลำโพงรุ่นนี้ได้เหมือนกัน
แอปพลิเคชัน Marshall Bluetooth
สำหรับคนที่ต้องการฟีเจอร์การทำงานที่ครบและจัดเต็มยิ่งขึ้น สามารถโหลดแอปฯ Marshall Bluetooth มาใช้งานร่วมกับลำโพง Stanmore III ได้ สามารถโหลดได้ทั้งระบบปฏิบัติการ iOS และ Android แอปฯ ถูกออกแบบหน้าตาเมนูให้สวยงามและใช้งานง่าย ภายในแอปฯ สามารถปรับ EQ ทุ้ม-แหลมได้ รวมถึงปรับค่าเสียงตามตำแหน่งและสภาพแวดล้อมของลำโพงได้ว่าวางอยู่ตรงจุดไหน อาทิ วางที่โล่ง วางมุมห้อง วางติดผนัง โดยลำโพงจะประมวลผลเสียงให้ออกมาเหมาะสมกับตำแหน่งที่ตั้งวางอยู่โดยอัตโนมัติ ให้เสียงที่ชัดเจนและเหมาะสมที่สุด นอกจากนี้ แอปฯ ยังสามารถควบคุมการเล่นเพลงได้ รวมไปถึงการอัปเดตเฟิร์มแวร์ของตัวลำโพงแบบไร้สาย (OTA) ช่วยให้การใช้งาานลำโพงสะดวกสบายมากขึ้น
รีวิวเสียง
แนวเสียงของลำโพง Stanmore III ยังคงให้เอกลักษณ์ประจำตัวที่ชัดเจนตามแบบฉบับ Marshall เช่นเดิม คือฟังสนุก รายละเอียดชัด เสียงกลางเด่น เสียงแหลมใสเคลียร์สะอาด ลำโพงรุ่นนี้มีกำลังขับรวม 80W และเป็นระบบเสียงแบบสเตอริโอในตัว ดังนั้นเรื่องความดังและมิติเสียงถือว่ายอดเยี่ยม หนักแน่น จัดเต็ม จากการที่ทีมงาน Mercular.com ได้ทดลองฟังเสียง สามารถสรุปรายละเอียดได้ดังนี้
เสียงเบส เนื้อเสียงเบสมีมวลหนา ลูกใหญ่ ลงได้ลึก แรงปะทะค่อนข้างหนักแน่นและแรงพอตัว ไม่มีอาการเบลอของตัวโน๊ตให้เห็น ไม่บวมหรือล้นไปกลบย่านเสียงอื่น ตอบสนองดนตรีได้ทุกแนวตั้งแต่ Pop Rock จนถึง EDM ให้เสียงกระเดื่องได้หนักแน่นและชัดเจนดีมาก
เสียงกลาง ย่านเสียงกลางเป็นจุดเด่นของลำโพงรุ่นนี้ เนื้อเสียงมีความหนาและพุ่ง เก็บรายละเอียดได้ครบทุกเม็ด แต่จะไม่ได้ใสสว่างหรือกังวานมากนัก ตอบสนองเสียงร้องได้ชัดเจน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเสียง Distrotion ของกีตาร์เวลาเล่นริทึมหรือโซโล่ที่มีความพุ่ง แรง และคมชัด ได้ใจคนชอบดนตรีร็อก
เสียงแหลม ย่านแหลมโดดเด่นที่รายละเอียดและเนื้อเสียงที่มีความหนา คมชัด มีความใสเคลียร์พอประมาณ รายละเอียดเสียงพวก Hi-Hat ฉาบ แฉต่างๆ ของกลองชุด สามารถเก็บได้ครบและชัดเจน ตอบสนองเสียงกีตาร์อะคูสติกกรุ้งกริ๊งได้ไพเราะน่าฟัง
เวทีเสียง ลำโพง Stanmore III ให้เวทีเสียงที่กว้างและโอบล้อมกว่า Stanmore II มากพอสมควรซึ่งเป็นผลมาจากการออกแบบและจัดวางไดรเวอร์ภายในใหม่ เสียงที่ได้จึงมีมิติ แยกซ้าย-ขวาชัดเจนขึ้น การแยกชิ้นเครื่องดนตรีต่างๆ ทำได้ชัดเจน วางเป็นระเบียบไม่ซ้อนหรือปนกัน และยังแยกเสียงร้องออกมาให้ลอยเด่นด้านหน้า
โดยรวมแล้ว Marshall Stanmore III เป็นลำโพงที่เหมาะกับการฟังเพลงมากที่สุด เสียงที่ออกมามีความหนักแน่น ทรงพลัง รายละเอียดดี จุดเด่นที่พัฒนาขึ้นจากรุ่นก่อนหน้าที่เวทีเสียงที่กว้างและโอบล้อมมากขึ้น แยกรายละเอียดได้ชัดเจนขึ้น จุดนี้ช่วยให้อรรถรสในการฟังเพลงดีมากขึ้นตามไปด้วย สามารถฟังได้กับทุกแนวดนตรีไมว่าจะ Pop, Acoustic, EDM, Blues, Jazz โดยเฉพาอย่างยิ่งดนตรี Rock ที่เป็นเหมือนคู่แท้ของลำโพงแบรนด์นี้ เปิดฟังเมื่อไรรับรองว่ามันส์ถูกในชาวร็อกแน่นอน
ลำโพง Marshall Stanmore III เหมาะกับใคร ?
ลำโพง Marshall Stanmore III ไม่ทำให้สาวกลำโพง Marshall ผิดหวังด้วยการอัปเกรดสเปกหลายอย่าง พร้อมกับหน้าตา วัสดุ การเชื่อมต่อ การควบคุม รวมถึงการปรับปรุงเสียงให้มีคุณภาพดียิ่งขึ้น ให้เวทีเสียงที่กว้างและดังกระหึ่งปกคลุมไปทั่วทั้งห้อง แนวเสียงฟังสนุกโดยเฉพาะเพลงร็อกที่ต้องบอกว่าถึงอารมณ์ นี่จึงเป็นลำโพงบลูทูธที่เหมาะกับคนชอบฟังเพลงหรือ Music Lover ตัวจริง จะเปิดเพลงชิลๆ ฟัง หรือจะจัดหนักด้วยบทเพลงร็อกจากอัลบัมโปรดก็เข้าท่าดีไม่น้อย อีกทั้งรูปลักษณ์ของลำโพงรุ่นนี้ยังเหมาะกับการตั้งวางเท่ๆ เป็นของตกแต่งภายในห้องด้วย ใครที่พร้อมจะเป็นเจ้าของลำโพงบลูทูธสไตล์วินเทจสุดเท่ที่มีทั้งดีไซน์และโทนเสียงที่เป็นเอกลักษณ์อยู่ละก็ Marshall Stanmore III นี่แหละที่จะปลุกเร้าวิญญาณ Rock & Roll ในหัวใจคุณให้ลุกโชนขึ้นอีกครั้ง
สินค้ารุ่นอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
บลูทูธ, RCA, AUX (3.5mm)
รองรับ
5.2
Active
35.0 x 20.3 x 18.8 ซม.
45 - 20,000 Hz
80W
4.25 kg