ถ้าชาร์จมือถือด้วยสายชาร์จเร็ว ทำให้แบตเสื่อมจริงไหม
7 มิ.ย. 2564
ในยุคปัจจุบันนี้ เรามีเทคโนโลยีที่ถูกพัฒนามาเพื่อเซฟเวลา ในการชาร์จแบตเตอรี่อย่าง ‘Fast Charge หรือ ระบบชาร์จเร็ว’ จากหัวชาร์จเร็วและสายชาร์จเร็ว ซึ่งหลายคนก็คงคุ้นเคยกันดีใช่ไหมล่ะครับ จากเดิมที่เราต้องรอชาร์จกันเป็นชั่วโมง ก็ลดเวลาเหลือเพียงไม่กี่นาที แถมในปัจจุบันเราก็หาซื้ออุปกรณ์หัวชาร์จเร็วและสายชาร์จเร็วกันง่ายขึ้น เพราะมักจะถูกติดตั้งมาพร้อมกับอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ เช่น USB Charger, Adapter Charger รวมถึงแบตเตอรี่สำรอง ทำให้ผู้ใช้ได้ทั้งความสะดวกและประหยัดเวลา เลยเป็นเหตุผลที่ทำให้เจ้า Fast Charge จากหัวชาร์จเร็วและสายชาร์จเร็ว กลายเป็นสิ่งที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากเลยทีเดียวครับ แต่ในอีกมุมหนึ่ง ระบบ Fast Charge กลับกลายเป็นกับดักของสมาร์ทโฟน ที่จะค่อย ๆ ทำลาย และลดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ลง โดยที่เราไม่รู้ตัวเลยล่ะครับ
ทำไม Fast Charge ถึงทำให้แบตเตอรี่เสื่อมได้นะ ?
ก็เพราะว่าในระหว่างที่ชาร์จแบตเตอรี่นั้น ระบบชาร์จเร็วจะมีการจ่ายไฟฟ้าเข้าสู่แบต ด้วยการเพิ่มแรงดันไฟฟ้า (V) และกระแสไฟฟ้า (I) มากขึ้น ทำให้สมาร์ทโฟนมีความร้อนสูงกว่าปกติ รวมทั้งเทคโนโลยีชาร์จเร็วก็ไม่ได้เหมาะกับสมาร์ทโฟนทุกเครื่องด้วยนะครับ และอีกหนึ่งข้อที่พวกเราควรรู้ คือทั้งอุปกรณ์ จากหัวชาร์จเร็วและสายชาร์จเร็ว แบตเตอรี่ของสมาร์ทโฟน จำเป็นต้องมีมาตรฐานเดียวกันเท่านั้น ถึงจะสามารถเริ่มชาร์จด้วยความเร็วสูงได้ครับ แต่ถ้าหากทั้งสองอุปกรณ์ของคุณคือ หัวชาร์จเร็วและสายชาร์จเร็ว มีมาตรฐานที่ไม่ตรงกัน ก็จะมีการจ่ายไฟขั้นต่ำสุดเหมือนการชาร์จแบตเตอรี่แบบทั่วไปแทน เรียกว่าทำให้แบตของเราทำงานหนักโดยเปล่าประโยชน์เลยล่ะครับ นอกจากนี้ ยังได้มีการทดสอบ ‘Fast Charge ทำให้ให้แบตเสื่อมจริงไหม ?’ โดยมีผลการทดสอบออกมาแล้วครับ ว่าเมื่อเราใช้กำลังไฟ 40W จากระบบชาร์จเร็ว แบตเตอรี่ของเราจะมีประสิทธิภาพการทำงานลดลงเหลือเพียง 70% เท่านั้น ในขณะที่หากเราใช้กำลังไฟเพียง 15W จากระบบชาร์จปกติ แบตเตอรี่จะมีประสิทธิภาพการทำงานสูงถึง 90% เลยทีเดียว และนั่นก็เป็นสาเหตุที่ทำให้แบตเตอรี่มีอายุการใช้งานน้อยลง หรือเรียกว่าแบตเสื่อมไวขึ้นนั่นเองครับ
อยากใช้ Fast Charge ให้ปลอดภัย ต้องทำยังไง ?
ในทางที่ดี ผมขอแนะนำว่าให้ใช้อุปกรณ์หัวชาร์จเร็วและสายชาร์จเร็ว ที่ได้มาตรฐาน เหมาะกับ Smartphone ของเราถึงจะดีที่สุดครับ ซึ่งโดยปกติแล้วตัวอุปกรณ์เสริมที่อยู่ในกล่องตั้งแต่ตอนซื้อ ถูกผลิตมาเพื่อให้สอดคล้องกับเทคโนโลยีชาร์จไฟของอุปกรณ์นั้นมากที่สุด หรือหากต้องการซื้ออุปกรณ์เสริมที่มี Fast Charge จากหัวชาร์จเร็วและสายชาร์จเร็ว ก็อย่าลืมตรวจสอบระบบชาร์จไฟในสมาร์ทโฟนก่อนนะครับ ว่ารองรับกำลังไฟอยู่ที่เท่าไหร่ และตรงกับ Fast Charger จากหัวชาร์จเร็วและสายชาร์จเร็วของเราหรือเปล่า ระบบชาร์จเร็วนั้นถูกติดตั้งมาพร้อมกับอุปกรณ์ เพื่อให้ทั้งแบตเตอรี่ และระบบชาร์จไฟหัวชาร์จเร็วและสายชาร์จเร็ว มีมาตรฐานเดียวกัน เพื่อประสิทธิภาพที่ดีที่สุด ซึ่งปัจจุบันผู้พัฒนาก็ได้ผลิตระบบฟาสต์ชาร์จหัวชาร์จเร็ว และสายชาร์จเร็วออกมาหลายประเภทเลยล่ะครับ อย่างเช่น
Quick Charge
ระบบชาร์จเร็วจาก Qualcomm ซึ่งสามารถชาร์จได้สูงสุดถึง 27W แต่ข้อจำกัดก็คือต้องใช้ร่วมกับสมาร์ทโฟนที่ใช้ชิปเซต Qualcomm Snapdragon และหัวชาร์จที่รองรับ QC เท่านั้นนะครับ
USB Power Delivery (USB-PD)
ระบบชาร์จเร็วที่ไม่มีข้อจำกัดเรื่องแบรนด์ในการใช้งาน เพราะเจ้าตัวนี้สามารถรองรับการใช้งานได้กับทุกอุปกรณ์ ไม่ว่าสมาร์ทโฟนของคุณจะเป็นของผู้ผลิตรายไหน ก็สามารถใช้ได้แน่นอนครับ ส่วนความสามารถในการจ่ายไฟก็มีตั้งแต่ 15W และสูงสุดถึง 100W เลยทีเดียว นอกจาก 2 ตัวนี้ ก็ยังมีระบบชาร์จเร็วที่ถูกพัฒนา เพื่อใช้งานกับอุปกรณ์จากหัวชาร์จเร็วและสายชาร์จเร็ว ของแบรนด์นั้น ๆ โดยเฉพาะ เช่น
1. Super Charge จาก HUAWEI
2. VOOC Flash Charge จาก OPPO
3. Warp Charge จาก OnePlus
4. Adaptive Fast Charging จาก Samsung
ซึ่งแต่ละแบรนด์ก็จะมีข้อจำกัดเรื่องกำลังจ่ายไฟที่ต่างกันด้วยครับ และอีกหนึ่งเรื่องที่เราไม่ควรพลาดก่อนตัดสินใจซื้อ “อุปกรณ์หัวชาร์จเร็วและสายชาร์จเร็ว Fast Charger" นั่นคือการเลือกซื้อสายชาร์จเร็วที่ได้มาตรฐานนะครับ เพราะหากเรายังคงใช้หัวชาร์จเร็วและสายชาร์จเร็ว Fast Charger ที่ไม่ได้การรับรองคุณภาพ ก็เป็นสาเหตุให้ประสิทธิภาพการทำงานของแบตเตอรี่ของเราลดลง และนำมาสู่ภาวะแบตเสื่อมได้เช่นเดียวกันครับ
ทำไมต้องใช้ หัวชาร์จเร็ว กับสายชาร์จเร็ว
สำหรับการใช้ชีวิตที่อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเรา แล้วการที่เราต้องหยุดรอชาร์จแบตมือหรือ อุปกรณ์ Smart Gadget ของเรา 3 - 5 ชั่วโมงด้วยสายชาร์จทั่ว ๆ ไปอาจจะทำให้พลาดโอกาสดี ๆ หรือมีจังหวะชีวิตสะดุดกันได้ ซึ่งหลายแบรนด์หลายค่ายมือถือก็พยายามออกมาตรการในการช่วยเหลือผู้ใช้งาน ให้ได้รับประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมที่สุด ในการใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ของตัวเอง และฟีเจอร์ที่ทุกยี่ห้อเลือกใช้ก็คือ การชาร์จเร็ว (Fast Charging) ด้วยหัวชาร์จเร็ว กับสายชาร์จเร็ว ไปจนถึงเทคโนโลยีแบตชนิดใหม่ ทำให้เกิดเป็น สายชาร์จเร็ว และหัวชาร์จเร็ว ที่สามารถเร่งบรรจุพลังงานให้กับแบตเตอรี่ของคุณได้ในเวลาสั้น จากที่ต้องชาร์จแบตต่อเนื่อง 3 - 5 ชั่วโมงสำหรับมือถือสมาร์ทโฟน 1 เครื่อง ก็อาจจะลดเหลือเพียง ไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้นครับ
การชาร์จเร็วคืออะไร
สำหรับการชาร์จเร็วนั้น จะเป็นการเร่งแรงดันไฟเข้าแบตเตอรี่ให้เพิ่มมากขึ้น จนเกินจุดปลอดภัย ทำให้ไฟเต็มขึ้น แต่เมื่อ Keyword คือคำว่าเกินจุดปลอดภัยสำหรับแบตทั่ว ๆ ไป ทำไมเราถึงใช้การชาร์จเร็วได้ไม่ผิดกฎหมาย นั่นก็เพราะว่าตัวสายชาร์จเร็วอย่างสายชาร์จ Lightning และสาย Type C นั้นมีความสามารถในการสื่อสารข้อมูลระหว่างอะแดปเตอร์ และมือถือ ทำให้มันรู้ว่าเมื่อไหร่ควรจะหยุดรับไฟ ทำให้จริง ๆ แล้วเจ้าเทคโนโลยี Fast Charge ในสายชาร์จเร็วนั้น จะชาร์จมือถือได้เร็วในช่วงที่แบตเหลือต่ำเท่านั้น ซึ่งกลายเป็นอีกเทคนิคนึงของคนที่ต้องใช้มือถือบ่อย ๆ แต่ไม่มีเวลาชาร์จ คืออาจจะไม่ต้องชาร์จให้เต็ม แต่ใช้แบตในช่วงที่ต้อง Fast Charge เท่านั้นก็สามารถทำได้ แม้ว่าจะแลกมากับอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ที่ลดลงไปเล็กน้อย และอย่าลืมใช้สายชาร์จเร็วด้วยนะครับ
สรุปวิธีเลือกสายชาร์จเร็ว หัวชาร์จเร็ว
- สรุปวิธีเลือกสายชาร์จเร็ว สำหรับวิธีในการเลือกสายชาร์จเร็วนั้น ง่าย ๆ คือเลือกใช้สายชาร์จที่สามารถขับไฟได้มากกว่า 1A และมีตรามาตรฐานรองรับ สำหรับใครที่ใช้มือถือที่ยังเป็นสาย Micro USB ไม่แนะนำให้ใช้งานสาย Fast Charge เพราะส่วนมากจะเป็นสายไม่ได้มาตรฐาน และไม่รองรับการสื่อสารระหว่างเครื่องและอะแดปเตอร์ ทำให้อาจจะเป็นอันตรายต่อผู้ใช้งานได้
- สรุปวิธีเลือกหัวชาร์จเร็ว เลือกหัวชาร์จให้มีกำลังไฟขับสูงสุดเท่ากับ หรือมากกว่าสายชาร์จของเรา พยายามอ่านรีวิวก่อนว่าหัวชาร์จร้อนง่ายไหม หรือมีการระเบิดรึเปล่า เพราะอันตรายจากการชาร์จเร็วนั้นจะเกิดมาจากหัวชาร์จเป็นหลักไม่ใช่สายชาร์จแน่นอนว่าหัวชาร์จที่มีสัญลักษณ์หรือ Certified จาก FCC, CE หรือ RoHS และหน่วยงานอื่น ๆ เช่นเดียวกับสายชาร์จจะรองรับความปลอดภัย และคุณภาพได้ในระดับหนึ่งทีเดียว
ต่อจากนี้ไปก็ขอให้ทุกคนได้เจอสายชาร์จเร็วที่แข็งแรงทนทาน ไม่พังง่าย ซึ่งผมขอย้ำอีกครั้งนะครับ ว่าถ้าอยากใช้ระบบ Fast Charge ให้เป็นประโยชน์กับเรามากที่สุด ต้องอย่าลืมตรวจสอบระบบชาร์จไฟ ทั้งแบตเตอรี่และอุปกรณ์เสริมมือถือ และที่สำคัญ อุปกรณ์ต่าง ๆ ต้องได้การรับรองมาตรฐานมาแล้วเท่านั้น ถึงจะมั่นใจได้ว่าสมาร์ทโฟนและแบตเตอรี่ของเรา จะปลอดภัยจากกับดักร้ายตัวนี้ เพื่อที่อุปกรณ์อันเป็นที่รัก จะได้อยู่กับเรานาน ๆ โดยไม่ต้องเปลี่ยนบ่อยยังไงล่ะครับ