แนะนำ 13 นาฬิกา Smart Watch รุ่นไหนดี ปี 2023 ฟังก์ชันครบ คุ้มราคา
22 ธ.ค. 2564
มาส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่กับไอเทม Must Have อย่างสุดยอดอุปกรณ์ Wearable อย่างสมาร์ทวอทช์กันหน่อยดีกว่า เชื่อว่าในปัจจุบันหลายคนมองไปทางไหนก็เจอแต่คนใส่นาฬิกาสมาร์ทวอทช์ จนทำให้คุณมีคำถามในใจขึ้นมาว่าควรเลือกนาฬิกา Smartwatch รุ่นไหนดี? เนื่องจากไอเทมชิ้นนี้นั้นนอกจากจะสามารถบอกเวลาได้แล้ว ยังสามารถรับการแจ้งเตือน, ตรวจจับอัตราการเต้นของหัวใจ, วัดปริมาณออกซิเจนในเลือด, ตรวจจับค่าต่าง ๆ ขณะออกกำลังกาย, ใช้จ่ายแบบ Cashless, และอื่น ๆ อีกมากมาย เรียกได้ว่าสมาร์ทวอทช์เป็นหนึ่งในอุปกรณ์สุดล้ำ เพียงมีเรือนเดียวในข้อมือก็สามารถตรวจจับค่าและใช้งานอื่น ๆ ได้อย่างหลากหลาย แต่จะเลือกซื้อสมาร์ทวอทช์รุ่นไหนดี? บทความฉบับนี้รวมไว้ให้คุณแล้ว บอกเลยว่าเป็นสมาร์ทวอทช์ รุ่นไหนดี 2023 ตัวท็อปแห่งปี ที่คุณเลือกซื้อไปใช้งานแล้วแฮปปี้แน่นอน
13 ตัวท็อป นาฬิกา Smartwatch รุ่นไหนดี? ปี 2023 ในบทความนี้
1. นาฬิกา Garmin Instinct 2 Smart Watch
สเปคเด่น
หน้าจอ : MIP ขนาด 23 x 23 มิลลิเมตร
เซนเซอร์ : GPS, GLONASS, GALILEO. PULSE OX BLOOD OXYGEN SATURATION MONITOR
แบตเตอรี่ : 28 วันในโหมด Smartwatch และ 65 วันในโหมด Save Battery
สำหรับสมาร์ทวอทช์ของ Garmin ตัวนี้ก็ถือว่าเป็นสุดยอดสมาร์ทวอทช์สายลุยแห่งปี 2023 เลยก็ว่าได้ เพราะ Garmin Instinct 2 เพราะด้วยวัสดุและดีไซน์ที่เน้นความแข็งแรงทนทาน กันน้ำได้ลึกเป็น 100 เมตร และระยะเวลาการใช้งานที่ยาวนาวสูงสุดถึง 65 วัน ส่วนการตรวจวัดต่างๆ ก็สามารถตรวจจับค่าสุขภาพได้อย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นอัตราการเต้นหัวใจ, ออกซิเจนในเลือด, ความเครียด, การนอนหลับ และค่าอื่นๆ อีกมากมาย พร้อมกับระบบ GPS ที่ามีความแม่นยำและเซนเซอร์ ABC ตรวจจับตำแหน่งจากภาคพื้นดินได้อีกด้วย แถมยังเอาใจสาย Sport ด้วยโหมดการออกกำลังกายอัตโนมัติ ไม่ว่าจะวิ่ง, ว่ายน้ำ, ปั่นจักรยาน และกีฬาอื่นๆ อีกมากมาย ถือแว่าเป็นนาฬิกา Smartwatch สำหรับสายอึดถึกทน ได้แบบสุดๆ
ข้อดี
- มีระบบ GPS ที่แม่นยำ
- ใช้งานได้นานเป็นเดือน
- เซนเซอร์ที่ยอดเยี่ยม
ข้อควรระวัง
- แผนที่แสดงผลได้ไม่ค่อยดีนัก
2. นาฬิกา Suunto 5 Peak Sport Watch
สเปคเด่น
หน้าจอ : LED ขนาด 1.1 นิ้ว
เซนเซอร์ : BEIDOU, Galileo, QZSS, GLONASS, GPS
แบตเตอรี่ : 40 ชั่วโมง
สมาร์ทวอทช์ รุ่นไหนดี 2023 ตัวต่อมาSuunto 5 Peak Sport Watch ถือว่าเป็นอีกหนึ่ง Smartwatch สำหรับสายกีฬาและการออกกำลังกายโดยเฉพาะ ด้วยดีไซน์ทรงสปอร์ต และน้ำหนักเบา หน้าจอกระจกกันรอยขีดข่วนได้ ส่วนโหมดออกกำลังกายเองก็มีให้เลือกใช้มากถึง 80 รูปแบบ ไล่าตั้งแต่การวิ่ง, ว่ายน้ำ, ปั่นจักรยาน, ปีนเขา และอื่นๆอีกมากมาย พร้อมกับความสามารถในการกันน้ำได้ถึง 50 เมตร และเซนเซอร์การตรวจจับสุขภาพได้อย่างแม่นยำ ไม่ว่าจะเป็นอัตราการเต้นของหัวใจ แคลอรี การนับก้าว การนอนหลับ และการหายใจ พร้อมกับระบบ GPS และแผนที่แบบ 3 มิติ ถือว่านาฬิกา Suunto 5 Peak Sport Watch เป็นสมาร์ทวอทช์ที่ตอบโจทย์คนรักสุขภาพสุดๆ อีกตัวหนึ่ง
ข้อดี
- GPS และระบบแผนที่แม่นยำ
- เบาสบาย ไม่อึดอัด
ข้อควรระวัง
- แบตเตอรี่ไม่ค่อยอึดนัก
3. นาฬิกา Xiaomi Watch S1 Smart Watch
สเปคเด่น
หน้าจอ : AMOLED ขนาด 1.43 นิ้ว
เซนเซอร์ : Heart Rate Sensor, Accelerometer, Gyroscope, Geomagnetic Sensor, Atmospheric Sensor, Ambient Light Sensor
แบตเตอรี่ : 12 วันในโหมดใช้งาน และ 24 วันในโหมดประหยัดพลังงาน
นาฬิกา Xiaomi Watch S1 Smart Watch จัดว่าเป็นาฬิกาของ Xiaomi ที่จัดว่าอยู่ในระดับ Luxury เลยทีเดียว ด้วยดีไซน์ที่ดูหรูหราและพรีเมียม และหน้าจอ AMOLED ที่ให้แสงสีที่คมชัด เสริมด้วยกระจกแซฟไฟร์กันรอยขีดข่วน สามารถใช้รับสายโทรศัพท์ได้อย่างสบายๆ พร้อมกับความสามารถในการตรวจจับสุขภาพตลอด 24 ชั่วโมง ไม่ว่าจะเป็นการเต้นของหัวใจ การนอนหลับ ความเครียดและค่าอื่นๆ รวมถึงโหมดการออกกำลังกายที่มีให้เลือกใช้งานถึง 117 รูปแบบ ตอบโจทย์ผู้ใช้งาน และยังกันน้ำได้ถึง 50 เมตร ถือว่าเป็นสมาร์ทวอทช์ทรงหรูที่สเปคดีใช้ได้เลย
ข้อดี
- แบตอึดพอสมควร
ข้อควรระวัง
- บอดี้พลาสติก ทำให้ลดความทนทานลง
4. Apple Watch Series 7
สเปคเด่น
เซนเซอร์ : ตรวจจับอัตราการเต้นของหัวใจ, ค่าออกซิเจนในเลือด, ฯลฯ
แบตเตอรี : ใช้งานได้ต่อเนื่องนานสูงสุด 18 ชั่วโมง
มาตรฐานกันน้ำ : 50 เมตร
เริ่มต้นกันที่สุดยอดสมาร์ทวอทช์อย่าง Apple Watch Series 7 ที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อไปเมื่อเดือนกันยา 2021 ที่ผ่านมา มีการปรับเปลี่ยนดีไซน์และเพิ่มความทนทานให้กับวัสดุ อีกทั้งมีสีของตัวเรือนให้เลือกมากถึง 7 สีเลยทีเดียว และสำหรับใครที่ใส่ใจเรื่องของสุขภาพเป็นพิเศษ เจ้าสมาร์ทวอทช์รุ่นนี้มีเซนเซอร์ที่สามารถตรวจจับค่าออกซิเจนในเลือดได้ด้วย เรียกได้ว่าล้ำกว่าใครเพื่อนเลยล่ะ แถมยังสามารถกันน้ำได้ลึกถึง 50 เมตรเลยทีเดียว โดนใจสายดำน้ำแน่นอน ใครที่ยังไม่รู้ว่าจะซื้อนาฬิกา Smartwatch รุ่นไหนดี? บอกเลยว่ายืนหนึ่งรุ่นนี้ไม่มีผิดหวัง
ข้อดี
- ดีไซน์เรียบหรู ตอบโจทย์ทุกการใช้งานหลากหลายสไตล์
- เน้นการตรวจจับค่าสุขภาพที่ละเอียดและแม่นยำมากขึ้น
ข้อควรระวัง
- แบตเตอรีใช้งานได้ไม่นาน เมื่อเทียบกับรุ่นอื่น
5. Samsung Galaxy Watch 4
สเปคเด่น
ระบบปฏิบัติการ : Wear OS จาก Samsung
เซนเซอร์ : Bioactive ตรวจจับค่าสุขภาพได้อย่างมีประสิทธิภาพ
แบตเตอรี : ใช้งานได้ต่อเนื่องนานสูงสุด 40 ชั่วโมง
สมาร์ทวอทช์ รุ่นไหนดี 2023 สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการออกกำลังกาย เราขอแนะนำสมาร์ทวอทช์รุ่นนี้แบรนด์ที่ได้รับความนิยมอย่าง Samsung มาพร้อมชิปเซนเซอร์ Bioactive ที่สามารถตรวจจับค่าต่าง ๆ ของร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นค่าออกซิเจนในเลือด, อัตราการเต้นของหัวใจ, ดัชนีมวลกาย, ไขมันในร่างกาย, ปริมาณน้ำในร่างกาย เป็นต้น อีกทั้งวัสดุและการดีไซน์ก็เน้นเพื่อให้คุณได้สวมใส่เพื่อการออกกำลังกายอย่างเต็มรูปแบบ เพราะตัวสายกันเหงื่อกันน้ำได้เป็นอย่างดี อีกทั้งหน้าจอยังเป็นแบบ Always On ทำให้คุณสามารถดูเวลาและอ่านค่าอื่น ๆ ได้อย่างสะดวกสบาย เป็นหนึ่งในสมาร์ทวอทช์ตัวท็อปสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการออกกำลังกายอย่างแท้จริง
ข้อดี
- ดีไซน์เรียบหรู วัสดุทนทาน
- ตรวจจับค่าสุขภาพต่าง ๆ ของร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ข้อควรระวัง
- ไม่รองรับผู้ช่วยคำสั่งเสียงที่ได้มาตรฐาน
6. Xiaomi Redmi Watch 2 Lite
สเปคเด่น
ตัวเรือน : Touch Screen ขนาด 1.55 นิ้ว
เซนเซอร์ : Accelerometer, Gyroscope, Electronic compass, Multi-System Standalone GPS
มาตรฐานกันน้ำ : 5ATM
ใครที่กำลังมองหานาฬิกา Smartwatch รุ่นไหนดี? ที่สเป็กเทพแต่ราคาคุ้มค่า? Xiaomi Redmi Watch 2 Lite ตอบโจทย์สุด ๆ แล้วในตอนนี้ เนื่องจากเจ้าสมาร์ทวอทช์รุ่นนี้นั้นมาในราคาสุดพิเศษไม่ถึง 2,000 บาท แต่ให้ฟีเจอร์มาอย่างจัดเต็ม มีระบบ GPS ในตัวสามารถระบุพิกัดตำแหน่งที่อย่างแม่นยำ รวมถึงสามารถตรวจจับค่าสุขภาพได้อย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นอัตราการเต้นของหัวใจ, ค่าออกซิเจนในเลือด, คุณภาพการนอนหลับ, รอบเดือน เป็นต้น และสำหรับใครที่ชื่นชอบการออกกำลังกาย สมาร์ทวอทช์ ราคาประหยัดรุ่นนี้ มาพร้อมโหมดการออกกำลังกายอัตโนมัติกว่า 100 รูปแบบ ให้คุณได้เลือกใช้งานตามความต้องการ รองรับการแจ้งเตือนข้อความและสายเรียกเข้าตลอดเวลา มีระบบ Find My Phone ติดตั้งมาบนตัวเครื่องด้วย เรียกได้ว่าเป็นนาฬิกา Smartwatch ที่ครบเครื่องทุกฟีเจอร์ เป็นตัวเริ่มต้นที่ไม่ทำให้คุณผิดหวังแน่นอน
ข้อดี
- ฟีเจอร์ครบ ในราคามิตรภาพ
- โหมดการออกกำลังกาย 100 รูปแบบ
- มีระบบ GPS สามารถระบุพิกดัได้อย่างแม่นยำ
ข้อควรระวัง
- ไม่สามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชันอื่น ๆ เพิ่มเติมได้
7. Fitbit Versa 3
สเปคเด่น
หน้าจอ : AMOLED ระบบ Touch Screen
เซนเซอร์ : PurePulse 2.0 ตรวจจับค่าสุขภาพได้หลากหลาย
แบตเตอรี : ใช้งานได้ยาวนานต่อเนื่องสูงสุด 6 วัน
Fitbit Versa 3 เป็นสมาร์ทวอทช์ตัวท็อปที่โดดเด่นในเรื่องของดีไซน์เรียบง่ายแต่แฝงความหรูหราไว้ในตัว แม้จะคล้ายกับตัวรุ่นพี่อย่าง Fitbit Versa 2 แต่ต้องบอกเลยว่าฟังก์ชันตัวนี้คุ้มค่ากว่าเยอะ เพราะมาพร้อม GPS ในตัว และยังสามารถวัดอัตราการเต้นของหัวใจรวมถึงติดตามการนอนของคุณได้ตลอด 24 ชั่วโมงเลยทีเดียว สำหรับใครที่กำลังหันมาใส่ใจเรื่องสุขภาพมากขึ้น แต่ไม่รู้จะเลือกซื้อนาฬิกา Smartwatch รุ่นไหนดี? นาฬิกาสมาร์ทวอทช์รุ่นนี้ถือว่าเป็นตัวเริ่มต้นที่ดี เพราะสามารถตรวจจับค่าสุขภาพเบื้องต้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในงบไม่ถึง 10,000 บาทเท่านั้น
ข้อควรระวัง
- หน้าปัดมีขนาดเล็ก อาจอ่านค่าต่าง ๆ ได้ไม่ชัดเจน
8. Fitbit Sense
สเปคเด่น
หน้าจอ : AMOLED ระบบ Touch Screen
เซนเซอร์ : PurePulse 2.0 ตรวจจับค่าสุขภาพได้อย่างแม่นยำ
แบตเตอรี : ใช้งานได้ยาวนานต่อเนื่องสูงสุดถึง 6 วัน
สาย Healthy ไม่มีไม่ได้แล้วสำหรับสมาร์ทวอทช์รุ่นนี้ เพราะเขามีฟีเจอร์การทำงานในการดูแลสุขภาพอย่างเต็มรูปแบบ มีเซนเซอร์ตรวจจับสัญญาณ EDA หรือการตรวจจับความเครียดระหว่างวัน และยังสามารถตรวจจับอุณหภูมิของผิวหนัง รวมถึงอัตราการเต้นของหัวใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ เหมาะสำหรับผู้ชาวออฟฟิศเป็นอย่างมากเลยล่ะ นอกจากนั้นยังมาพร้อมไมโครโฟนและลำโพงในตัว ทำให้คุณสามารถรับสายเพื่อสนทนาได้ทุกเมื่อ แถมยังรองรับการแจ้งเตือนต่าง ๆ แต่หากยังมีแอปพลิเคชันไม่พอ สามารถดาวน์โหลดเพื่อใช้งานบนสมาร์ทโฟนเพิ่มเติมได้ทันที
ข้อดี
- มีระบบ GPS ในตัว ทำให้สามารถติดตามตำแหน่งได้อย่างถูกต้อง
- ตรวจจับความเครียด และค่าสุขภาพต่าง ๆ ได้อย่างหลากหลาย
ข้อควรระวัง
- ปุ่มสัมผัสอยู่ด้านซ้ายมือ อาจไม่ตอบโจทย์ผู้ใช้งานเท่าที่ควร
9. Garmin Venu 2
สเปคเด่น
ตัวเรือน : หน้าจอ AMOLED ขนาดตัวเรือน 45 มม.
แบตเตอรี : ใช้งานได้ยาวนานต่อเนื่องสูงสุด 11 วัน
มาตรฐานกันน้ำ : 5ATM
หากพูดถึงสมาร์ทวอทช์ รุ่นไหนดี 2023 แบรนด์รุ่นพี่อย่าง Garmin ต้องขึ้นในท็อปลิสต์อยู่แล้ว ซึ่ง Garmin Venu 2 นั้นนอกจากจะได้รับความนิยมในปีนี้แล้ว เชื่อว่าต้องมีขึ้นเรือธงไปยังปี 2023 เป็นแน่ เพราะฟังก์ชันการทำงานของสมาร์ทวอทช์รุ่นนี้ถือว่าสามารถเป็นโค้ชให้กับการออกกำลังกายของคุณได้เป็นอย่างดี เพราะสามารถติดตามค่าการออกกำลังกายของคุณได้ทั้งรูปแบบ Indoor และ Outdoor อีกทั้งยังสามารถตรวจจับค่าต่าง ๆ ของร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่วนในเรื่องของการดีไซน์บอกเลยว่าเป็นสมาร์ทวอทช์ที่โดดเด่นไม่แพ้ใคร แม้จะเน้นเรื่องการออกกำลังกาย แต่การดีไซน์นั้นสามารถสวมใส่ได้ทุกวัน
ข้อดี
- ติดตามค่าสุขภาพได้อย่างแม่นยำ
- น้ำหนักเบา ใส่สบายได้ตลอดทั้งวัน
ข้อควรระวัง
- หน้าจอ Always On อาจทำให้แบตเตอรีหมดไว
10. Garmin Venu 2 Plus
สเปคเด่น
วัสดุเลนส์ : Corning® Gorilla® Glass 3
ประเภทหน้าจอ : AMOLED Always-on
การเชื่อมต่อ : Bluetooth®, ANT+®, Wi-Fi®
มาต่อกันที่นาฬิกา Smartwatch จาก Garmin ที่เพิ่งเปิดตัวมาไม่นานมานี้ และได้รับกระแสตอบรับเป็นอย่างดีกับรุ่น Garmin Venu 2 Plus ที่มาพร้อมการดีไซน์เรียบหรูดูแพง สามารถสวมใส่ได้ในทุกโอกาส ปรับเปลี่ยนสายได้ตามต้องการ มีฟีเจอร์ที่ครอบคลุมทุกการใช้ชีวิตตลอด 24 ชั่วโมง เช่น การตรวจจับค่าสุขภาพต่าง ๆ, โหมดการออกกำลังกาย, เป็นต้น รองรับการแจ้งเตือนสายเรียกเข้าและข้อความได้ตลอดเวลา แถมยังสามารถพูดคุยได้แบบเรียลไทม์ และเอาใจการใช้จ่ายผ่านระบบ Casheless ได้มากยิ่งขึ้น เพราะในสมาร์ทวอทช์รุ่นนี้นั้นรองรับการใช้จ่ายผ่าน Garmin Pay ได้ทุกเวลาโดยไม่ต้องหยิบเงินสด สามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชันเพิ่มเติมได้ตามต้องการ หากคุณกำลังมองหา Smartwatch รุ่นไหนดีที่สามารถใช้งานได้ครอบคลุมทุกการเคลื่อนไหวตลอด 24 ชั่วโมง เลือกซื้อ Garmin Venu 2 Plus ไปใช้งานเลย ประทับใจชัวร์!
ข้อดี
- ดีไซน์พรีเมียม สามารถปรับเปลี่ยนสายนาฬิกาได้ตามต้องการ
- รองรับการแจ้งเตือนสายเรียกเข้า
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชันเพิ่มเติมได้ผ่าน Connect IQ
ข้อควรระวัง
- ควรเลือกใช้สายนาฬิกาที่เหมาะกับการใช้งาน หากเลือกเป็นสายหนังไม่แนะนำให้สวมใส่ออกกำลังกาย เพราะอาจทำให้เกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้
11. Amazfit GTS 2 Mini
สเปคเด่น
เซนเซอร์ : BioTracker™ 2 PPG ตรวจจับค่าสุขภาพได้อย่างมีประสิทธิภาพ
มาตรฐานกันน้ำ : 5ATM
น้ำหนัก : 19.5 กรัม
ใครที่กำลังมองหานาฬิกา Smartwatch รุ่นไหนดี? ที่ราคามินิมอลแต่ฟังก์ชันจัดเต็ม ขอแนะนำรุ่นนี้เลย Amazfit GTS 2 Mini คุณสมบัติการทำงานจัดเต็มมาก เพราะสามารถตรวจจับการนอน, ความเครียด, รอบเดือน, และความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือดได้ นอกจากนั้นยังมีโหมดการออกกำลังกายมาให้ถึง 70 รูปแบบเลยทีเดียว แถมแบตเตอรีอึดสุด เพราะสามารถใช้งานยาวนานต่อเนื่องได้สูงสุดถึง 21 วันเลยทีเดียว เห็นฟังก์ชันเทพขนาดนี้ บอกเลยว่าราคามินิมอลเพียงพันต้น ๆ เท่านั้น กำแบงก์เทามา 3 ใบมีทอนแน่นอน
ข้อดี
- น้ำหนักเบา ดีไซน์ทันสมัย สวมใส่ได้ทุกเพศทุกวัย
- แบตเตอรีใช้งานได้ยานานสูงสุด 21 วัน
ข้อควรระวัง
- ไม่รองรับการทำงานด้วยคำสั่งเสียง
12. Amazfit GTR 3 Pro
สเปคเด่น
หน้าจอ : ขนาด 1.45 นิ้ว AMOLED Multi Touch
การเชื่อมต่อ : Bluetooth 5.0
แบตเตอรี : สูงสุด 12 วัน
ติดตามได้ทุกการเคลื่อนไหว สวมใส่สบายตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ต้องยกให้ Amazfit GTR 3 Pro เพราะมาพร้อมการดีไซน์ที่เรียบง่ายแต่แฝงไปด้วยความพรีเมียมโดดเด่นไม่แพ้ใคร หน้าจอเป็น AMOLED Multi Touch ให้สีสันที่คมชัด อ่านค่าได้อย่างสบายตา มีระบบ GPS ในตัว สามารถกันละอองฝุ่นและน้ำได้ที่ระดับ 5ATM สามารถสวมใส่ขณะออกกำลังกายได้อย่างสบายใจ มีโหมดการออกกำลังกายมาให้คุณได้เลือกใช้กว่า 150 รูปแบบ เป็นอีกหนึ่งสมาร์ทวอทช์ที่รองรับการตรวจจับค่าสุขภาพอย่างค่าออกซิเจนในเลือด ต้องบอกเลยว่าใครที่กำลังมองหานาฬิกา Smartwatch รุ่นไหนดีที่สามารถวัดค่าออกซิเจนได้ Amazfit GTR 3 Pro จากแบรนด์ Amazfit พร้อมตรวจจับได้ตลอดทั้งวัน สามารถใช้งานได้นานสูงสุดถึง 12 วันเลยทีเดียว มาในราคาเอื้อมถึงแบบนี้ ไม่ซื้อไม่ได้แล้ว
ข้อดี
- กันน้ำได้ที่ระดับ 5ATM สามารถสวมใส่ว่ายน้ำได้
- โหมดการออกกำลังกาย 150 โหมด
ข้อควรระวัง
- หากใช้หน้าจอแบบ Always-on ตลอดเวลาอาจทำให้แบตเตอรีหมดไว
13. HUAWEI WATCH GT 3
สเปคเด่น
ขนาดตัวเรือน : 46 มิลลิเมตร
เซนเซอร์ : เซนเซอร์ตรวจจับแม่เหล็กไฟฟ้า, เซนเซอร์ตรวจวัดการเต้นของหัวใจ, ฯลฯ
รองรับระบบ : Android 6.0 และ iOS 9.0 หรือใหม่กว่า
สำหรับใครที่กำลังมองหานาฬิกา Smartwatch รุ่นไหนดี ที่ในปี 2023 จะยังคงติดท็อปลิสต์อันดับต้น ๆ อยู่ล่ะก็ ต้องยกให้ HUAWEI WATCH GT 3 ตัวนี้เลย เพราะเพิ่งเปิดตัวไปเมื่อปลายปี 2021 นี่เอง ความพิเศษของสมาร์ทวอทช์รุ่นนี้คงต้องยกให้เซนเซอร์ตรวจจับค่าสุขภาพที่หลากหลายและแม่นยำ โดยเฉพาะการตรวจจับค่าออกซิเจนในเลือดได้ตลอด 24 ชั่วโมง และสามารถวัดอัตราการเต้นของหัวใจได้ตลอดขณะที่ออกกำลังกาย นอกจากนั้นยังมีฟังก์ชัน AI Running Coach ที่เปรียบเสมือนโค้ชส่วนตัวในการวิ่งของคุณ สามารถใช้งานได้ยาวนานสูงสุดถึง 14 วันเลยทีเดียว นอกจากจะสามารถใส่ออกกำลังกายได้แล้ว ยังสามารถใส่ใช้งานในชีวิตประจำวันได้อีกด้วย เพราะมีการดีไซน์ที่พรีเมียมสุด ๆ บอกเลยว่าใครเห็นเป็นต้องมองเหลียวหลังแน่นอน
ข้อดี
- รองรับโหมดการออกกำลังกายมากกว่า 100 ชนิด
- มี 3 ดีไซน์ให้เลือก ตอบโจทย์การใช้งานทุกไลฟ์สไตล์
ข้อควรระวัง
- ในรุ่น Huawei Watch GT 3 Classic Edition อาจเหมาะสำหรับคุณผู้ชาย เนื่องจากหน้าปัดมีขนาดใหญ่
เชื่อว่าใครที่กำลังมองหานาฬิกา Smartwatch รุ่นไหนดี? เข้ามาอ่านบทความนี้น่าจะได้สมาร์ทวอทช์ในใจกันไปบ้าง บอกเลยว่าทั้ง 10 รุ่นเป็นตัวท็อปของปี 2021 ที่จะก้าวข้ามไปยังปี 2023 แน่นอน เพราะด้วยฟังก์ชันที่จัดเต็มและดีไซน์ทันสมัยล้ำกว่าใคร ทำให้ยังคงติดอันดับอย่างต่อเนื่อง และถ้าคุณผู้หญิงสนใจสมาร์ทวอทช์อย่าง 5 อันดับ Smart Watch รุ่นไหนดี 2023 สำหรับผู้หญิง ใส่แล้วสวยเก๋ ก็สามารถอ่านข้อมูลเพื่อประกอบการตัดสินใจได้ นอกจากนาฬิกาสมาร์ทวอทช์แล้ว เรายังรวม หูฟัง True Wireless ที่ดีที่สุดในปี 2021 ไว้ให้คุณได้เลือกใช้งานควบคู่กับสมาร์ทวอทช์ไว้ด้วย บอกเลยว่าปี 2023 เราต้องไม่ตกเทรนด์! เลือกชอปที่ Mercular.com คุ้มค่าแน่นอน