ทำความรู้จัก Digital Audio Player หรือ DAP คืออะไร?
24 ม.ค. 2566
จากแผ่นเสียง, เทปคาสเซ็ต, แผ่นซีดี, แผ่น MP3 ปัจจุบันการฟังเพลงเปลี่ยนรูปแบบมาเป็นการฟังผ่านไฟล์ดิจิทัลที่มาพร้อมกับความสะดวกสบาย อยากฟังตอนไหนเมื่อไรก็ได้ เพียงแค่มีสมาร์ตโฟนและอินเทอร์เน็ตก็สามารถเข้าถึงเพลงนับล้านบนแพลตฟอร์มมิวสิกสตรีมมิ่งได้ง่าย ๆ ด้วยปลายนิ้ว แม้ว่าทุกคนจะเข้าถึงการฟังเพลงได้ง่าย ๆ แค่มีสมาร์ตโฟนแต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะพึงพอใจกับคุณภาพเสียงของมัน ยิ่งเป็นคนที่รักเสียงเพลง รักการฟังเพลงแบบจริงจัง ซีเรียสเรื่องคุณภาพเสียงแบบสุด ๆ การฟังเพลงด้วยสมาร์ตโฟนไม่ใช่คำตอบแน่ ๆ ดังนั้นอุปกรณ์อย่างเครื่องเล่นเพลงพกพา หรือ DAP จึงเป็นทางออกที่ใช่ที่สุด
DAP คืออะไร?
DAP ย่อมาจาก Digital Audio Player แปลง่าย ๆ ตรงตัวคือเครื่องเล่นเพลงดิจิทัล หรือที่เข้าใจตรงกันโดยทั่วไปว่า "เครื่องเล่นเพลงพกพา" แบบมาเฉพาะเพื่อให้ได้คุณภาพเสียงดีกว่า โดยภายในของ DAP จะมีทั้ง CPU และ RAM เหมือนสมาร์ตโฟนและมีชิป DAC สำหรับการประมวลผลเสียงโดยเฉพาะ ชิป Amp สำหรับขยายกำลังเสียง ชิป DSP ปรับแต่งสัญญาณเสียง รวมถึงฟีเจอร์และเทคโนโลยีอื่น ๆ อีกมากมายแล้วผู้ผลิตจะออกแบบขึ้นมา ยิ่งสเปกสูงก็ยิ่งให้คุณภาพเสียงที่ดีและสามารถเล่นไฟล์เพลงความละเอียดสูง ๆ ได้ DAP มีหลายเกรดหลายราคาเริ่มตั้งหลักพันที่มาพร้อมสเปกพื้นฐานไปจนถึงหลักแสนที่ให้เสียงคุณภาพสูงระดับ Hi-Fi สำหรับนักฟังหูทองคำ
หน้าตาของ DAP
DAP มีรูปร่างหน้าตาหลากหลายรูปแบบตั้งแต่หน้าตาเรียบ ๆ ปราศจากหน้าจอที่ดูคล้าย Flash Drive (หาได้ยากแล้ว) แบบที่มีหน้าจอสีแสดงข้อมูลเพลงและปกอัลบั้ม (นึกถึง iPod) และแบบเครื่องสี่เหลี่ยมหนาที่มาพร้อมหน้าจอสัมผัสคล้ายสมาร์ตโฟน จุดสำคัญของ DAP ทุกรุ่นทุกแบรนด์ก็คือขนาดตัวเครื่องที่กะทัดรัด น้ำหนักเบา สามารถพกติดตัวไปไหนมาไหนได้สะดวก DAP ทุกรุ่นจะมีปุ่มควบคุมการทำงานพื้นฐาน อาทิ ปุ่มปรับระดับเสียงที่อาจจะเป็นวงล้อหมุนปรับหรือปุ่มกดแล้วแต่การออกแบบของผู้ผลิต ปุ่มเล่นเพลง/หยุดเพลง ปุ่มข้ามเพลง/ย้อนกลับ และที่ขาดไม่ได้คือช่องสำหรับเสียบหูฟังซึ่งมาตรฐานคือขนาด 3.5 มม. แต่ DAP หลายรุ่นก็มีช่อง 2.5 มม. และ 4.4 มม. รวมแจ็คแปลงมาให้เลือกใช้เช่นกัน
คุณภาพเสียงของ DAP ต่างกับฟังผ่านมือถือแค่ไหน
DAP Player คืออุปกรณ์ที่ออกแบบมาเพื่อการฟังเพลงโดยเฉพาะดังนั้นมันจึงมีจุดเด่นในเรื่องของคุณภาพเสียงมากที่สุด เมื่อเทียบกับสมาร์ตโฟนแล้วเรียกได้ว่าคุณภาพเสียงที่ออกมานั้นคนละเรื่อง แม้สมาร์ตโฟนรุ่นนั้นจะเคลมว่าเสียงเทพเพียงใดก็ยังสู้ DAP ได้ยาก อธิบายง่าย ๆ คือจุดประสงค์การใช้งานหลักของสมาร์ตโฟนนั้นคือการทำได้ทุกอย่างได้เหมือนคอมพิวเตอร์ ใช้งานกว้าง ๆ ได้หลายหน้าที่ในเครื่องเดียว การฟังเพลงเป็นเพียงแค่ความสามารถหนึ่งที่ต้องพึ่งพาแอปพลิเคชันมารองรับ ข้อดีคือความง่ายและสะดวก ฟังเพลงได้ทั้งออนไลน์ได้ไม่จำกัด แต่จะมีข้อจำกัดด้านคุณภาพเสียงซึ่งล้วนเกี่ยวข้องกับปัจจัยด้านประสิทธิภาพของฮาร์ดแวร์ภายใน และความเร็วการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
ในขณะที่ DAP ได้รับการออกแบบมาเพื่อใช้ฟังเพลงโดยเฉพาะ ฮาร์ดแวร์ภายในจึงถูกออกแบบมาให้ทำหน้าเกี่ยวกับการประมวลผลเสียงโดยตรง ไม่ต้องไม่ยุ่งกับการทำงานด้านอื่น DAP รุ่นใหม่จะมี CPU, RAM, และพื้นที่เก็บข้อมูลเหมือนสมาร์ตโฟน เสริมด้วยฮาร์ดแวร์ด้านการประมวลผลเสียง อาทิ ชิป DAC, ชิป Amp, DSP รวมถึงชิ้นส่วนพิเศษ วงจรพิเศษ เทคโนโลยีช่วยเสริมคุณภาพเสียง ฟีเจอร์การทำงานด้านเสียง ซึ่งทั้งหมดช่วยให้เสียงเพลงออกมามีคุณภาพสูงกว่าสมาร์ตโฟนมาก นอกจากนี้ DAP ยังรองรับการเล่นไฟล์เพลงได้หลากหลายนามสกุลกว่า รองรับความละเอียดของไฟล์เสียงได้มากกว่า เล่นไฟล์เสียงชนิดไม่ถูกบีบอัดได้
ทำไมต้องใช้ DAP
DAP ให้ประสบการณ์การฟังเพลงที่เหนือระดับขึ้นไปอีกขั้นด้วยคุณภาพเสียงที่สูงกว่าการฟังเพลงด้วยสมาร์ตโฟนทั่วไป เสียงเพลงที่ได้จาก DAP มีความคมชัดสูง มีความเที่ยงตรงเหมือนต้นฉบับ รายละเอียดครบถ้วนชัดเจน ส่วนเรื่องโทนเสียงก็แล้วแต่สเปกของฮาร์ดแวร์ที่ผู้ผลิตจะปรับจูนมา เหมาะกับคนที่ฟังเพลงในระดับจริงจัง นักฟังหูทองคำ นักเลงเครื่องเสียงที่ให้ความสำคัญกับคุณภาพเสียงเป็นอันดับหนึ่ง นอกจากจะใช้ฟังเพลงได้ดีมาก ๆ แล้ว DAP ยังพกพาสะดวกเพราะมีขนาดเล็ก พกใส่กระเป๋าทำงานติดตัวได้ทุกวัน เปิดฟังเพลงที่ชอบได้ทุกที่ทุกเวลาตามต้องการ
ปัจจุบัน DAP รุ่นใหม่ยังมีการพัฒนาให้ล้ำยิ่งขึ้นพร้อมกับความสามารถที่เข้าใกล้สมาร์ตโฟนเข้าไปทุกที อาทิ หน้าจอสัมผัสความละเอียดสูง ระบบปฏิบัติการ Android ที่ปรับแต่งมาอย่างเหมาะสมให้ใช้งานง่ายและลื่นไหล รองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth สำหรับฟังกับหูฟังไร้สายพร้อม Codec เสียงความละเอียดสูงอย่าง aptX, aptX HD, LDAC รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi สำหรับฟังเพลงผ่านแพลตฟอร์มมิวสิกสตริ่มมิ่งชื่อดังอย่าง Spotify, YouTube Music, Tidal อัปเดตระบบได้ โหลดแอปฯ มาใช้งานเพิ่มเติมได้ ทั้งยังมีความจุข้อมูลสูง แบตเตอรี่อึด และรองรับการชาร์จเร็ว ทำให้การใช้งาน DAP ในทุกวันนี้สะดวกสบายและได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ
สิ่งที่ต้องดูก่อนซื้อ DAP
รู้จัก DAP กันไปแล้วหากต้องการเป็นเจ้าของสักรุ่นหนึ่งต้องรู้อะไรบ้าง มีวิธีดูอย่างไร มาหาคำตอบกัน
หน่วยประมวลผล
DAญ ในปัจจุบันมีเทคโนโลยีใกล้เคียงกับคอมพิวเตอร์เข้าไปทุกทีแล้ว ส่วนนึงเป็นเพราะมี CPU และ RAM ในการประมวลผลการทำงานโดยรวมของตัวเครื่อง ตรงจุดนี้จะใช้หลักการเดียวกับคอมพิวเตอร์และสมาร์ตโฟนเลยคือยิ่ง CPU มีความเร็วสูง RAM มีความจุสูง เครื่องยิ่งทำงานได้เร็ว โดยทั่วไปแล้ว DAP มักจะใช้ CPU ของสมาร์ตโฟน ที่พบเห็นได้บ่อยจะเป็นตระกูล Snapdragon ลองดูทีตัวเลขรหัสรุ่นของ CPU ยิ่งตัวเลขสูงยิ่งหมายถึงความแรงของ CPU ที่มากกว่า
ความสามารถในการอ่านไฟล์
สิ่งหนึ่งที่ใช้เป็นตัวชี้วัดประสิทธิภาพของ DAP รุ่นนั้น ๆ ก็คือความสามารถในการเล่นไฟล์เพลงสกุลต่าง ๆ ปกติแล้วไฟล์เพลงดิจิทัลพื้นฐานพวก MP3, WMA, WAV นั้น DAP ทุกรุ่นในปัจจุบันอ่านได้หมดแล้ว แต่ DAP ระดับกลางไปจนถึงระดับไฮเอนด์จะมีความสามารถในการเล่นไฟล์เพลงแบบไม่บีบอัดข้อมูลหรือ Lossless ได้ เช่น ALAC หรือ FLAC ขณะที่บางรุ่นโดยเฉพาะตัวเทพ ๆ ท็อป ๆ ของแบรนด์ ยังสามารถเล่นไฟล์ความละเอียดสูงพวก DSD หรือ MQA ได้ ซึ่งไฟล์พวกนี้จะมีคุณภาพเสียงที่สูงมากและไม่มีการบีบอัดให้สูญเสียรายละเอียดใด ๆ จากกระบวนการบันทึกเสียงในสตูดิโอเลย ผู้ฟังจะได้ยินในสิ่งที่นักดนตรี โปรดิวเซอร์ ซาวด์เอนจิเนียร์ต้องการให้ได้ยินจริง ๆ
นอกจากความสามารถในการอ่านไฟล์แล้ว อีกจุดที่ต้องดูคือความสามารถในการรองรับความละเอียดของไฟล์เพลง ซึ่งต้องมาดูที่ค่า Bit Depth กับ Sample Rate ว่า DAP รุ่นนั้น ๆ รองรับได้ที่เท่าไรบ้าง ยิ่งรุ่นแพง ๆ ก็ยิ่งรองรับได้สูง เช่น HiBy R8 ที่รองรับได้สูงถึง 32bit/768kHz และรองรับไฟล์ DSD512 และ MQA 16x ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นความละเอียดไฟล์ระดับ Hi-Res ต้องฟังร่วมกับหูฟังที่รองรับถึงจะได้ยินรายละเอียดทุกอย่างครบถ้วนชัดเจนที่สุด และแน่นอนว่ายิ่งรองรับ Bit Depth กับ Sample Rate ได้สูงเท่าไร ราคาของ DAP รุ่นนั้นก็จะสูงขึ้นตามไปด้วย
ชิปเสียง
ชิปเสียง หรือ DAC (Digital to Analog Converter) คือตัวชี้วัดเรื่องคุณภาพเสียงของ DAP แต่ละรุ่น มีความสำคัญมากและส่งผลต่อคุณภาพเสียงกับโทนเสียงโดยรวม หน้าที่ของมันคือการแปลงข้อมูลดิจิทัลเป็นสัญญาณแอนะล็อกก่อนจะเข้าสู่กระบวนการประมวลผลในส่วนอื่น ๆ ต่อไปซึ่งรายละเอียดค่อนข้างลึกมาก เอาเป็นว่ายิ่ง DAC มีคุณภาพดีเท่าไหร่ คุณภาพเสียงที่ออกมาก็จะยิ่งดีมากขึ้นเท่านั้น และยิ่งชิป DAC ดีเท่าไรก็จะยิ่งมีราคาสูงเป็นเงาตามตัว และเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ DAP มีราคาแพงนั่นเอง
ความจุ
ความจุอีกหนึ่งจุดสำคัญที่ต้องดู ยิ่ง DAP มีความจุสูงก็จะยิ่งใส่ไฟล์เพลงได้มาก ตรงนี้ดูตามความเหมาะสมและลักษณะการใช้งานได้เลย อย่างไรก็ตาม DAP ในปัจจุบันจะมีทั้งความจุตัวเครื่องและช่องสำหรับใส่การ์ด Micro SD แนะนำว่าเลือกรุ่นที่ใส่การ์ดเพิ่มความจุได้น่าจะอุ่นใจกว่า ใส่เพลงได้มากกว่า
ชนิดของหน่วยความจำก็มีผลต่อความเร็วในการดึงข้อมูลไฟล์เพลงมาอ่านเช่นกัน โดย DAP ในปัจจุบันจะมีทั้งรุ่นที่ใช้หน่วยความจำแบบ Flash Memory กับ Harddisk แบบจานหมุน โดยแบบแรกนั้นได้เปรียบในเรื่องความเร็วการอ่าน/เขียนข้อมูล ไม่มีชิ้นส่วนเคลื่อนไหวทำให้เสียหายได้ยากกว่า แบบหลังนั้นมีจุดเด่นที่ความจุสูงจึงเหมาะกับนักฟังประเภท import ไฟล์เพลงก็บไว้ในเครื่องแบบยาว ๆ ฟังจนลืม
การเชื่อมต่อ
โดยทั่วไปแล้ว DAP ทุกรุ่นจะมีเอาต์พุตเป็นช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มม. มาเป็นมาตรฐานอยู่แล้วซึ่งแน่นอนว่ามันเพียงพอกับการฟังด้วยหูฟังมีสายได้ทุกตัว แต่ใน DAP รุ่นสูงจะมีเอาต์พุตมากกว่า 1 อย่าง เช่น มีช่องเสียบหูฟังขนาด 2.5 มม. กับ 4.4 มม. เพิ่มเข้ามา บางรุ่นอาจจะมีช่อง Line Out แยกมาให้สำหรับการต่อ DAC/Amp หูฟังหรือต่อเข้ากับเข้ากับลำโพงเป็นต้น และในยุคนี้ยังไงก็ต้องมีบลูทูธสำหรับเชื่อมต่อกับหูฟังไร้สาย ซึ่ง DAP รุ่นสูง ๆ จะรองรับ Codec ความละเอียดสูงพวก AptX HD และ LDAC ด้วย ทำให้ฟังเพลงคุณภาพ Hi-Res ได้แม้จะต่อกับหูฟังไร้สายนั่นเอง เรื่องช่องเชื่อมต่อจะมากจะน้อยขึ้นอยู่กับสเปกและราคาของ DAP แต่ละรุ่น ยิ่งรุ่นสูงก้มีจะช่องเชื่อมต่อครบตามที่กล่าวมา ใช้งานได้ตามความเหมาะสมและอุปกรณ์ที่มีได้เลย
ความสะดวกในการใช้งานและซอฟต์แวร์
โดยทั่วไปแล้วการใช้งานของ DAP แต่ละรุ่นจะไม่ต่างกันมากนัก สามารถควบคุมการเล่นเพลงได้จากปุ่มควบคุมรอบตัวเครื่องและสัมผัสบนหน้าจอ สิ่งที่ต้องดูคือเรื่องของความลื่นไหลของระบบการทำงาน หน้าตาเมนู ฟังก์ชัน และฟีเจอร์การทำงานต่าง ๆ โดย DAP รุ่นสูงมักจะมาพร้อมระบบที่ดีกว่า ลื่นไหลกว่า มีการจัดการไฟล์ที่ละเอียดกว่า อีกหนึ่งฟังก์ชันที่ควรมีคือ EQ สำหรับปรับเสียงตามต้องการ โดย DAP รุ่นสูงมักจะปรับได้ละเอียดว่ารุ่นประหยัด บางรุ่นอาจมีมีฟังก์ชันช่วยจัดระดับความดังของแต่ละเพลงให้ใกล้เคียงกันเพื่อความสมูธต่อเนื่องในการฟัง
DAP รุ่นใหม่ ๆ ในตอนนี้รองรับ Wi-Fi ได้แทบทุกรุ่นแล้วทำให้สามารถฟังเพลงออนไลน์จากแพลตฟอร์มมิวสิกตรีมมิ่งต่าง ๆ ได้ โหลดแอปฯ จาก Play Store ได้ อัปเดตเฟิร์มแวร์ใหม่ ๆ ได้ สำหรับระบบปฏิบัติการภายในเครื่องนั้นก็เป็นอีกสิ่งที่น่าสนใจ DAP ส่วนใหญ่มีระบบปฏิบัติการของใครของมันตามค่ายผู้ผลิต แต่บางแบรนด็เลือกใช้ Android ในการควบคุมการทำงานซึ่งข้อดีคือคนใช้สมาร์ตโฟน Android อยู่แล้วจะไม่ต้องปรับตัวอะไรมาก มีแอปฯ รองรับเยอะ ใช้งานง่าย สะดวก ลื่นไหล ส่วน OS ของผู้ผลิตแต่ละค่ายก็จะมีหน้าตาเมนูแบบเฉพาะตัว ความสมูธลื่นไหลก็ไม่ต่างกันมาก ตรงจุดนี้เลือกดูได้ตามความถนัดได้เลย
แบตเตอรี่
แบตเตอรี่เป็นปัจจัยที่แม้จะไม่เกี่ยวกับคุณภาพเสียงสำคัญกับมาก ๆ การใช้งาน ก่อนซื้อควรดูว่า DAP รุ่นนั้นมีความจุแบตเตอรี่เท่าไร ใช้งานได้กี่ชั่วโมง เพียงพอกับความต้องการหรือไม่ ถ้าเน้นฟังเยอะ ฟังบ่อย ฟังต่อเนื่องยาว ๆ ทุกวัน DAP ที่มีแบตฯ เยอะจะทำให้ไม่ต้องเสียบชาร์จไฟบ่อย ๆ ขณะเดียวกันฟีเจอร์ชาร์จเร็วก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่เหมาะกับผู้ใช้ประเภทนี้ ควรเลือกดูตามความเหมาสมกับการใช้งานของตัวเราเองมากที่สุด
ใครบ้างที่เหมาะกับ DAP
สำหรับคนที่รักการฟังเพลงเป็นชีวิตจิตใจ เสพติดรายละเอียดเสียงคุณภาพสูง เป็นนักเล่นเครื่องเสียงตัวยง หรือนักฟังระดับหูทองคำ คุณควรต้องมีเครื่องเล่นเพลงพกพาไว้ในครอบครองอย่างน้อย 1 ตัวเอาไว้ฟังเวลาออกไปนอกสถานที่หรือฟังในขณะเดินทาง คุณอาจจะมีชุดลำโพงเทพ ๆ ที่บ้านแล้วแต่การฟังเพลงผ่านนเครื่องเล่นเทพ ๆ หูฟังเทพ ๆ เป็นอีกประสบการณ์ที่ควรลองเช่นกัน เครื่องเล่นเพลงพกพาหรือ DAP Player ให้คุณภาพเสียงดีกว่าการฟังเพลงจากสมาร์ตโฟนปกติมาก ขอเพียงไฟล์เสียงที่มีคุณภาพกับหูฟังดี ๆ สักตัวก็เพลิดเพลินได้ทั้งวัน นอกจากนี้เครื่องเล่นเพลงพกพายังเหมาะกับผู้ที่ต้องการแยกการใช้งานระหว่างสมาร์ตโฟนกับเครื่องเล่นเพลงออกจากกัน เน้นฟังเพลงจากเครื่องเล่นมากกว่า ฟังแบบลงลึกถึงรายละเอียดและมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับ Audio ประมาณนึง
สำหรับผู้เริ่มต้นอยากได้ DAP มาใช้เป็นเครื่องแรก แนะนำว่าควรเลือกรุ่นที่ราคาไม่สูงมาทดลองเล่นลองศึกษาทำความเข้าใจมันก่อนแล้วค่อยขยับขยายเป็นรุ่นสูงต่อไป เรื่องราวของ DAP ยังมีอีกมาก แม้วงการนี้จะทรง ๆ ไม่หวือหวาเท่าแกดเจ็ตอิเล็กทรอนิกส์อื่น ๆ แต่ใครที่หลงเข้ามาบอกได้เลยว่าหาทางออกยากทุกคน DAP ตัวจบอาจจะมีอยู่จริงในแง่คำโฆษณา แต่สำหรับบางคนมันไม่มีจริง เพราะพวกเขายังคงสนุกกับการหา DAP ในอุดมคติ สนุกกับการได้ลองจับนั่นผสมนี่อยู่เรื่อย ๆ ซึ่ง DAP รุ่นใหม่ ๆ จะยังพัฒนาต่อไปพร้อมกับเทคโนโลยีด้านเสียงมาตรฐานใหม่ ๆ ให้คนรักเสียงเพลงได้ติดตามต่อไปอีกนาน ไม่หายไปไหนอย่างแน่นอน