ได้รับสินค้าภายในพรุ่งนี้ ไม่เกิน 22:00 น. เมื่อสั่งซื้อและชำระเงินไม่เกิน 23:59 น.
รับประกันโดยศูนย์ไทยระยะเวลา 1 ปี
เป็นตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ
แชทคุยกับผู้เชี่ยวชาญเพื่อเลือกสินค้าที่ใช่สำหรับคุณ
ถ้าพูดถึง Smart Speaker สักยี่ห้อ Sonos ก็น่าจะเป็นแบรนด์ที่หลาย ๆ คนการันตีว่าเป็นแบรนด์ที่ดีมาก ๆ ทั้งดีไซน์และคุณภาพเสียงอย่างแน่นอน ซึ่งล่าสุด Sonos ก็ออกลำโพง Smart Speaker ซีรีส์ใหม่อย่าง Era ออกมา 2 ไซส์ก็คือรุ่นเล็ก Era 100 และรุ่นใหญ่ Era 300 ที่ได้รับคำชมจากสื่อต่างประเทศว่าเป็น Smart Speaker ที่ดีที่สุดในขณะนี้ โดยในครั้งนี้ก็ได้หยิบลำโพงรุ่น Sonos Era 300 มารีวิว ๆ แบบเต็ม ๆ กันให้ได้ดู ด้วยจุดเด่นอย่างการเป็นลำโพงอัจฉรินยะที่มาพร้อมกับระบบเสียงรอบทิศทาง Dolby Atmos ใช้งานได้สะดวกและให้เสียงที่สมจริง โดยจะน่าสนใจแค่ไหนและมีฟังก์ชันใดเด่น ๆ บ้างนั้น เราไปดูกันเลยครับ
ลำโพงอัจฉริยะ เต็มกราฟทั้งราคาและฟีเจอร์
Key-Highlight
- ลำโพงอัจฉริยะพร้อมรูปทรงสุดหรูหราและทันสมัย
- ขนาดกะทัดรัดตั้งวางได้ทุกห้องภายในบ้าน
- เคลื่อนย้ายสะดวกด้วยน้ำหนักเพียง 4.47 กิโลกรัม
- เชื่อมต่อได้ครบครันทั้งมีสายและไร้สาย
- รองรับการเชื่อมต่อไร้สายภายในบ้าน Multi-Room
- ระบบเสียง Dolby Atmos ให้เสียงที่สมจริงรอบทิศทาง
- Tweeter ถึง 4 ตัวแยกขับเสียงเพื่อความสมจริง
- รองรับการใช้งานกับบริการ Streaming อย่างครบครัน
- ตั้งค่าการใช้งานได้อย่างง่ายดายผ่าน Sonos App
- รองรับการเล่นเพลงจากวิทยุ Sonos Radio
- ฟังก์ชัน Trueplay ปรับแนวเสียงให้เข้ากับห้อง
- ควบคุมง่ายดายผ่านปลายนิ้วด้วยระบบสัมผัส
- รองรับการควบคุมผ่านคำสั่งเสียง
- รองรับการสั่งการผ่านผู้ช่วยเสียง Amazon Alexa
- มาพร้อมปุ่มปิดไมโครโฟนเมื่อไม่ต้องการสั่งการด้วยเสียง
- รองรับการใช้งานร่วมกับ Sonos App
- ควบคุมตัวลำโพงได้ผ่านผ่าน App Streaming ต่าง ๆ
- เชื่อมต่อ Sonos Era 300 เข้าด้วยกันแบบไร้สายได้
- เชื่อมต่อเข้ากับลำโพง Sonos อื่น ๆ แบบไร้สายได้
การเชื่อมต่อ
- Wi-Fi
- Bluetooth 5.0
- USB C
อุปกรณ์ภายในกล่อง
- 1 x Sonos Era 300
- 1 x สายไฟ
- 1 x คู่มือการใช้งาน
จุดเด่นของ ลำโพง Sonos Era 300 Multi-Room Speaker
ลำโพงอัจฉริยะในรูปทรง Minimal
Sonos Era 300 เป็นลำโพงไร้สายอัจฉริยะ หรือ Smart Speaker มาพร้อมรูปร่างหน้าตาและการออกแบบที่ทันสมัยตามสไตล์ของแบรนด์ Sonos และไม่เพียงแต่ตัวลำโพงจะมีรูปร่างหน้าตาที่ทันสมัยเท่านั้น แต่ทางแบรนด์ยังคำนึงถึงการรักษ์โลกด้วยการผลิตจากวัสดุพลาสติกรีไซเคิลถึง 40% เลยทีเดียว ตัวลำโพงมาพร้อมรูปทรงที่แปลกใหม่ไม่ซ้ำใคร ในขณะเดียวกันก็ยังคงมีกำลังดีอยู่ที่ H: 160 x W: 260 x D: 185 มิลลิเมตร รวมถึงเคลื่อนย้ายสะดวกด้วยน้ำหนักเพียง 4.47 กิโลกรัม
ควบคุมได้จากทุกห้องด้วยระบบ Multi-Room
สำหรับการเชื่อมต่อของ Sonos Era 300 ก็ต้องบอกเลยว่าครบครันและทันสมัย ตอบโจทย์ในทุกความต้องการเพราะไม่เพียงแต่มาพร้อมการเชื่อมต่อไร้สายผ่าน Bluetooth 5.0 และเชื่อมต่อมีสายผ่าน USB-C และ AUX/3.5 mm. (ต้องซื้อ Adapter เพิ่ม) ได้เท่านั้น แต่ยังรองรับการเชื่อมต่อไร้สาย Multi-Room ผ่านการเชื่อมต่อ Wi-Fi ทั้ง 2.4 และ 5 GHz อีกด้วย อีกทั้งผู้ใช้งานยังสามารถตั้งค่าการใช้งานได้ง่ายๆ ผ่านทาง Sonos App ซึ่งด้วยการเชื่อมต่อ Multi-Room ทำให้ควบคุมลำโพงอย่างอิสระได้จากทุกห้องภายในบ้าน
ตอบโจทย์การ Streaming อย่างครบครัน
ด้วยความที่ Sonos Era 300 เป็นลำโพงไร้สาย Multi-Room ที่รองรับการเชื่อมต่อกับ Wi-Fi จึงทำให้ตัวลำโพงรองรับการ Streaming เสียงจากบริการและ App ต่าง ๆ อย่างครบครันไม่ว่าจะเป็นในส่วนของวิทยุ Sonos Radio ส่วนของ App Streaming เพลงอย่าง Amazon Music, Apple Music, Tidal และ Spotify เป็นต้น ซึ่งไม่เพียงจะสตรีมมิ่งเพลงได้เท่านั้น แต่ผู้ใช้งานยังสามารถ ควบคุมตัวลำโพงได้ผ่าน App เหล่านี้อีกด้วย ที่สำคัญคืลำโพงยังสามารถแชร์เสียงจากอุปกรณ์ของ Apple ด้วย Apple AirPlay 2 อีกด้วย
ควบคุมง่ายดายเมื่อใช้งานร่วมกับ Sonos App
ในส่วนของการควบคุมตัวลำโพง Sonos Era 300 นั้นไม่เพียงแต่ผู้ใช้งานจะควบคุมผ่านระบบ Multi-Room หรือควบคุมผ่านแอป Streaming ต่าง ๆ ได้เท่านั้น แต่ตัวลำโพงยังมาพร้อมการควบคุมด้วยระบบสัมผัสผ่านปลายนิ้วที่สะดวกและง่ายดายแบบสุด ๆ หรือจะควบคุมผ่านคำสั่งเสียงก็ได้เช่นกัน ด้วยการรองรับการสั่งการด้วยเสียง และผู้ช่วยเสียงอัจฉริยะ Amazon Alexa รวมถึงตัวลำโพงยังมาพร้อมเทคโนโลยี Trueplay เมื่อใช้งานกับแอป Sonos ที่จะปรับเสียงจากตัวลำโพงให้พอดีกับห้องที่ตั้งวางลำโพงโดยอัตโนมัติ
รายละเอียดการใช้งานของ ลำโพง Sonos Era 300 Multi-Room Speaker
ภาพรวมและดีไซน์
ภาพรวมของ Sonos Era 300 ดีไซน์ออกมาได้เรียบหรูดูดีเลยทีเดียว ในส่วนของขนาดตัวทางผู้รีวิวก็ต้องบอกเลยว่ามีขนาดที่ใหญ่อยู่ในระดับหนึ่ง ตัวลำโพงมีความลึกสักเล็กน้อย ถ้าวางบนชั้นวางที่ไม่ลึกมากก็อาจจะไม่เหมาะสักเท่าไหร่ และแนะนำให้หาชั้นหรือโต๊ะที่มั่นคงสักหน่อยเพราะตัวลำโพงมีความหนักที่ 4.47 กิโลกรัม ด้านรายละเอียดและดีไซน์ตัวลำโพงมาพร้อมตะแกรงทั้งด้านบนและด้านข้างรวมไปถึงด้านหน้าด้วย ส่วนด้านหลังจะถูกออกแบบมาให้มีความเรียบหรูมีเพียงช่องเสียบสายไฟและปุ่มควบคุมเพียงแค่ 2 ปุ่มเท่านั้น
การควบคุม
ด้านการควบคุมของตัวลำโพงนั้นสามารถควบคุมได้เบื้องต้นจากที่ตัวลำโพงด้วยการควบคุมผ่านปุ่มควบคุมระบบสัมผัส สำหรับปรับเพิ่ม-ลดเสียง, เล่น-หยุดเพลงแบบพื้นฐาน และหากอยากควบคุมแบบเต็ม ๆ ควบคุมได้สะดวกรวมถึงสามารถปรับตั้งค่าต่าง ๆ ได้เพิ่มเติมก็สามารถควบคุมได้ผ่านการใช้งานควบคู่กับแอป Sonos ก็จะทำให้ควบคุมได้อย่างครบครันและสะดวกมากที่สุด
การเชื่อมต่อ
ในส่วนของการเชื่อมต่อก็เรียกได้ว่าเป็นจุดเด่นที่สุดของลำโพง Sonos Era 300 เลยก็ว่าได้ โดยมาพร้อมการเชื่อมต่อที่ครบครันทั้งไร้สายและมีสาย โดยส่วนของการเชื่อมต่อหลักจะเป็นการเชื่อมต่อแบบไร้สายผ่าน Wi-Fi ทำให้ตัวลำโพงรองรับการ Streaming เพลงจากบริการ Music Streaming หลากหลายเจ้าด้วยกัน เช่น Apple Music, Spotify, Tidal รวมไปถึงรองรับ Apple AirPlay 2 ด้วยเช่นกัน โดยการใช้งานก็สะดวกมาก ๆ ถ้าผู้ใช้งานใช้ระบบของ Sonos ไว้ที่บ้านอยู่แล้วเวลาอยากจะเลือกฟังจากลำโพงตัวไหนก็สามารถต่อ Wi-Fi บ้านที่ชื่อเดียวกับลำโพงได้เลย จากนั้นเลือก Source ลำโพงในหน้า App Music Streaming ก็สามารถเล่นเพลงได้ทันที
โดยการเชื่อมต่อแบบ Wi-Fi หากยังไม่เคยเชื่อมต่อมาก่อน จะต้องทำการตั้งค่าผ่าน Application Sonos เท่านั้น โดยตัวแอปของ Sonos จะเป็นเวอร์ชั่นที่ทางแบรนด์เรียกว่า Sonos S2 ที่ออกแบบมาเพื่อใช้จัดการ Ecosystem ทั้งหมดของผลิตภัณฑ์จาก Sonos ในปัจจุบัน รวมถึงการอัพเดทฟีเจอร์ต่าง ๆ ในอนาคตของตัวลำโพง Sonos ทั้งหมดก็จะทำผ่าน App นี้ โดยรวม ๆ แล้วหน้าต่างที่สำคัญในการตั้งค่าบนแอปนั้นจะอยู่ที่ System โดยจะทำหน้าที่บอก Product หรือสินค้าที่ผู้ใช้งานมีทั้งหมดและปรับแต่งรายละเอียดต่าง ๆ ของลำโพงได้ในหน้านี้ เช่น การต่อ Subwoofer เพิ่ม, การเชื่อมต่อลำโพงแบบ Stereo การปรับแต่ง EQ ต่าง ๆ รวมไปถึงฟังก์ชัน Trueplay หรือการปรับจูนเสียงให้เข้ากับห้องก็สามารถทำได้ภายในแอปนี้ สำหรับการควบคุมการฟังเพลงหากมีลำโพงจาก Sonos หลายตัวในหน้าต่าง System ก็สามารถเลือกได้ว่าให้เล่นเพลงนี้ที่ลำโพงตัวไหนบ้าง โดยสามารถ Custom และ Setup จุดต่าง ๆ ได้ค่อนข้างละเอียดมาก ๆ
นอกจากนี้สำหรับผู้ใช้งานที่ใช้ Voice Assistant เป็นหลักนั้น ในลำโพง Sonos Era 300 จะมีการตัดผู้ช่วยเสียงอย่าง Google Assistant ออกไป คงเหลือเพียงแค่ Amazon Alexa เท่านั้น
สำหรับการเชื่อมต่อแบบอื่น ๆ ในรุ่นนี้นั้นก็มาพร้อมการเชื่อมต่อผ่าน Bluetooth เวอร์ชัน 5.0 ที่เชื่อมต่อไม่ได้ยากเพียงกดปุ่ม Bluetooth ที่ตัวลำโพงค้างเอาไว้จนมีเสียงจากตัวลำโพงพร้อมไฟสถานะสีฟ้ากระพริบ ก็สามารถเลือกเชื่อมต่อกับที่ Smartphone ได้เลย ซึ่งจุดนี้ถือว่าดีขึ้นมาก ๆ เพราะ Smart Speaker รุ่นก่อน ๆ ของ Sonos จะไม่ได้มีบลูทูธมาให้แบบในรุ่นนี้ ส่วนการเชื่อมต่อแบบมีสายมาพร้อมการเชื่อมต่อผ่าน Port USB C หรือหากอยากจะเชื่อมต่อกับ AUX/3.5 mm. ก็ทำได้โดยการซื้ออุปกรณ์สำหรับเชื่อมต่อเพิ่มต่างหาก (ไม่มีแถมมาให้)
เทคโนโลยี
ด้านเทคโนโลยีของ Sonos Era 300 นั้นมีมากมายด้วยกันประกอบไปด้วย ระบบเสียงรองทิศทางที่สมจริงแบบ Dolby Atmos ซึ่งมีไดรเวอร์อยู่รอบตัวยิงเสียงได้ทั้งด้านหน้า ด้านข้าง และด้านบน ทำให้มิติของการฟังเพลงนั้นดีขึ้นมาก ๆ ยิ่งถ้าใช้ Apple Music แล้วฟังเพลงแบบ Spatial Audio ก็จะยิ่งมีมิติมากกว่าฟังแบบธรรมดา และสำหรับใครที่อยากฟังแบบ Stereo ก็สามารถจับคู่ลำโพง 2 ตัวมาเล่นเพลงซ้าย-ขวาเป็น Stereo ก็จะได้มิติเสียงที่ดีขึ้นกว่าเดิมมาก ๆ ไม่เพียงเท่านี้เพราะยังสามารถนำไปเชื่อมต่อกับลำโพง Soundbar อย่าง Sonos Arc สำหรับเป็นลำโพง Surround ตั้งไว้ข้าง ๆ หรือด้านหลังได้อีกด้วย
และอีก 1 เทคโนโลยีที่ดีมาก ๆ จาก Sonos ก็คือเทคโนโลยี Trueplay ที่จะช่วยปรับเสียงให้เข้ากับให้เข้ากับจุดที่ผู้ใช้งานตั้งวางลำโพงเอาไว้ให้มากที่สุด โดยการกด Calibrate ที่ตัวแอป Sonos ได้ตามต้องการ
รีวิวเสียงของ ลำโพง Sonos Era 300 Multi-Room Speaker
ในด้านของสเปกเสียง Sonos Era 300 ก็ให้มาในแบบที่เรียกได้ว่าจัดเต็มด้วยไดรเวอร์ Tweeter มากถึง 4 ตัว โดยตัวบนทำหน้าที่ยิงเสียงขึ้นด้านบน ช่วยสะท้อนเสียงจากเพดาน ตัวด้านหน้าขับเสียงเพื่อสร้างอิมเมจ และตัวด้านซ้ายกับขวาจะช่วยยิงเสียงให้ครอบคลุมทั้งพื้นที่ห้อง และยังมีไดรเวอร์ Woofer อีก 2 ตัวทำหน้าที่ยิงเสียงออกด้านซ้ายและขวาโดยจะเน้นไปที่เสียงเบสและเสียงกลาง โดยรวมทดสอบใช้งานภายในห้องขนาด 30 ตารางเมตร ก็สามารถขับเสียงได้ในห้องได้แบบเอาอยู่ครับ
- เสียงกลาง: ในส่วนของเสียงเสียงกลางจะเน้นไปในทางเสียงเคลียร์ เสียงร้องมีความคมชัด รายละเอียดเสียงต่าง ๆ ที่ได้ฟังนั้นมีความชัดเจนไม่อู้อี้
- เสียงสูง: ในส่วนของเสียงสูงนั้นมีความใสมาก ๆ เสียงสูงทอดออกไปได้ไกล หางเสียงทอดยาว เนื้อเสียงเป็นประกายไม่ได้แสบหู เป็นเสียงสูงที่ออกไปในโทนนุ่ม ๆ เนื้อเสียงเคลียร์ไม่มีสากเสี้ยนบาดหู
- เสียงเบส: สำหรับส่วนของเสียงเบสต้องชมในรุ่นนี้เลยว่ามีมวลที่ใหญ่มาก ๆ เสียงนุ่ม และแม้จะเสียงออกไปในทางนุ่มแต่ในเรื่องของความกระชับก็ทำได้ดีมาก ๆ ด้วยเช่นกัน ปลายเสียงสามารถเก็บตัวได้ไว ไม่ว่าจะฟังเพลงสไตล์ไหนก็เก็บตัวได้ครบเอาอยู่ทั้งหมด รวมถึงลงได้ลึกมาก ๆ เลยทีเดียว
- เวทีเสียง: ส่วนของเวทีเสียงมีความกว้าง แต่ละย่านเสียงนั้นทำบาลานซ์ออกมาได้ดี ภาพรวมเสียงจากที่ได้ทดสอบฟังก็ต้องบอกเลยว่าเสียงกระจายตัวได้ค่อนข้างกว้าง ให้ความรู้สึกครอบคลุมทั้งพื้นที่รวมถึงให้ความรู้สึกที่ Immersive มาก ๆ ด้วยเช่นกัน
แนวเพลงที่เหมาะสม: Pop / Pop-Rock / Jazz / Rock
สรุป ลำโพง Sonos Era 300 Multi-Room Speaker เหมาะกับใคร?
ลำโพง Sonos Era 300 Multi-Room Speaker ราคา จัดอยู่ในระดับปานกลาง - สูง ซึ่งก็เป็นราคามาตรฐานของแบรนด์ Sonos ก็ว่าได้ ในขณะเดียวกันก็มาพร้อมจุดเด่นมากมายไม่ว่าจะเป็นในส่วนของการออกแบบที่มีความพรีเมียมตามสไตล์ของแบรนด์ Sonos แบบที่เห็นเพียงครั้งแรกก็รู้ได้ในทันทีว่าเป็นลำโพง Sonos ฟังก์ชันการใช้งานที่ครบครันและทันสมัยตอบโจทย์ทุกความต้องการในการใช้งาน สเปกภายในที่ต้องบอกเลยว่าให้มาแบบจัดเต็มไม่มีกั๊ก และส่วนของแนวเสียงที่ทำได้ยอดเยี่ยมแบบที่ฟังเพียงครั้งเดียวก็ติดใจได้ในทันที โดย Sonos Era 300 เหมาะกับผู้ใช้งานที่กำลังมองหา ลำโพงไร้สายแบบ Multi-Room ที่มาในรูปลักษณ์สุดพรีเมียมและทันสมัย มาพร้อมการเชื่อมต่อที่ครบครันทั้งไร้สายและมีสาย โดยเฉพาะการเชื่อมต่อแบบ Multi-Room หรือการเชื่อมต่อเข้ากับระบบอินเตอร์เน็ตในบ้านเพื่อใช้งาน Streaming เสียงจาก App เพลงยอดนิยมต่าง ๆ และผู้ใช้งานยังสามารถสั่งการตัวลำโพงได้จากทุกห้องภายในบ้านได้อีกด้วย รวมไปถึงฟังก์ชันการใช้งานอื่น ๆ อีกมากมายที่บอกได้เลยว่าเมื่อเทียบระดับราคากับความสามารถแล้วคุ้มค่า คุ้มราคา ไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน
ไร้สาย
2
บลูทูธ, ไวไฟ, USB
รองรับ
รองรับ
AirPlay, Spotify Connect, Party Mode, Multi-Room, Stereo mode
ลําโพง Bluetooth
26.0 x 18.5 x 16.0 ซม
4.47 kg