แนะนำ 5 โปรเจคเตอร์ ปี 2023 รุ่นไหนดี รุ่นไหนน่าใช้
รับประกันโดยศูนย์ไทยระยะเวลา 1 ปี
เป็นตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ
แชทคุยกับผู้เชี่ยวชาญเพื่อเลือกสินค้าที่ใช่สำหรับคุณ
รีวิว ลำโพง Yamaha YAS 209 Soundbar Speaker
สรุป ลำโพง Yamaha YAS 209 Soundbar Speaker เหมาะกับใคร?
ลำโพง Yamaha YAS 209 Soundbar Speaker ราคา กำลังดี ด้วยความที่เป็นสินค้าจากแบรนด์ที่มีชื่อเสียงในด้านเครื่องเสียงอย่าง Yamaha ด้วยแล้วก็ต้องบอกเลยว่าราคาประมาณนี้ไม่สูงจนเกินไปอย่างแน่นอน โดย Yamaha YAS 209 เหมะกับผู้ที่กำลังมองหา ลำโพงบ้านประเภท Soundbar ไร้สายที่โดดเด่นด้วยการเชื่อมต่อที่ครบครันทั้งไร้สายและมีสาย แนวเสียงที่ยอดเยี่ยมหาแบรนด์ไหนๆ มาเทียบด้วยยากพร้อมสเปคและฟังก์ชันการใช้งานแบบจัดเต็มตั้งแต่เริ่มใช้งานทั้งการติดตั้งและตั้งค่าการใช้งานที่ง่ายดาย ใครๆ ก็สามารถทำได้ แนวเสียงที่ยอดเยี่ยมพร้อมโหมดเสียงที่หลากหลาย ทั้งโหมด Clear Voice เร่งเสียงสนทนาไม่ต้องมาคอยเพิ่ม-ลดเสียงระหว่างดูหนังไปมาให้วุ่นวาย รวมถึงยังเพิ่มเบสให้หนัก ลงได้ลึก และให้เสียงที่สมจริงแบบ 3D Sound รองรับการ Streaming เพลงจากบริการยอดนิยมทั้ง Spotify และ Amazon Music นอกจากนี้ยังควบคุมและตั้งค่าได้ง่ายด้วยการใช้งานร่วมกับ App Sound Bar Controller ที่ทำให้เป็นลำโพงซาวด์บาร์อีกรุ่นที่ห้ามพลาด
Key-Highlight
- ลำโพงซาวด์บาร์ไร้สายสุดพรีเมียม
- เชื่อมต่อครบครันทั้งไร้สายและมีสาย
- Subwoofer แบบไร้สายตั้งวางได้ทุกที่
- เหมาะใช้งานกับ TV ขนาด 40 นิ้วขึ้นไป
- รองรับผู้ช่วยเสียง Amazon Alexa แบบ Built-In
- ติดตั้งและตั้งค่าได้อย่างง่ายดาย
- รองรับระบบเสียงสมจริง DTS Virtual: X
- โหมดเสียง Clear Voice เน้นเสียงสนทนาคมชัด
- ให้เบสที่หนัก กระหึ่ม ลงได้ลึก
- Stream เพลงได้จากทั้ง Spotify และ Amazon Music
- ควบคุมได้ง่ายผ่าน App Sound Bar Controller
การเชื่อมต่อ
- Wifi
- Bluetooth 4.2
- HDMI
- Optical
อุปกรณ์ภายในกล่อง
- 1 x Yamaha YAS 209
- 1 x Subwoofer แบบไร้สาย
- 1 x รีโมทสำหรับควบคุม
- 1 x สาย Optical
- 1 x สายไฟ
- 1 x คู่มือการใช้งาน
Soundbar สุดพรีเมียมจาก Yamaha
Yamaha YAS 209 เป็น ลำโพงซาวด์บาร์ไร้สาย มาพร้อมรูปร่างหน้าตาสุดพรีเมียมตามไสตล์ของแบรนด์ Yamaha และมาพร้อมขนาดที่กำลังดี ตอบโจทย์การใช้งานในบ้านที่มีพื้นที่ไม่มาก, คอนโดมิเนียม และอพาร์ทเมนต์ โดยส่วนของซาวด์บาร์มีขนาดอยู่ที่ 930 x 62 x 109 มิลลิเมตร น้ำหนักอยู่ที่ 2.7 กิโลกรัม และยังมาพร้อม Subwoofer ไร้สายที่มีขนาดกำลังดีเช่นกันที่ 191 x 420 x 406 มิลลิเมตร น้ำหนักอยู่ที่ 7.9 กิโลกรัม ซึ่งด้วยขนาดที่กำลังดีและน้ำหนักปานกลางทำให้หยิบยกและเคลื่อนย้ายได้สะดวก
เชื่อมต่อ Wifi, Bluetooth และมีสาย
ส่วนของการเชื่อมต่อ Yamaha YAS 209 ก็รองรับอย่างครบครัน สมกับเป็นลำโพง Soundbar สมัยใหม่ โดยรองรับทั้งไร้สายและมีสายอย่างครบถ้วน โดยด้านการเชื่อมต่อไร้สายนั้นรองรับทั้ง WiFi สำหรับใช้งาน Streaming เพลงต่างๆ จาก Spotify และ Amazon Music และส่วนของไร้สายยังรองรับ Bluetooth 4.2 สำหรับเชื่อมต่อกับ Smartphone, Tablet, PC, Laptop และอุปกรณ์อื่นๆ ที่รองรับ นอกจากนี้ยังมาพร้อมการเชื่อมต่อมีสายที่ก็มีทั้ง HDMI สำหรับเชื่อมต่อกับ TV รวมถึง Optical สำหรับต่อเสียงแยกด้วย
ควบคุมสะดวก ตอบโจทย์ทุกการใช้งาน
การใช้งานของ Yamaha YAS 209 ก็พูดได้ว่าตอบโจทย์ Home Entertainment อย่างจัดเต็มทั้งขนาดของตัวลำโพงที่กำลังดี เหมาะกับ TV ขนาด 40 นิ้วขึ้นไปทุกยี่ห้อ และยังสามารถติดตั้งรวมถึงตั้งค่าการใช้งานได้อย่างง่ายดาย ใครๆ ก็สามารถทำได้ ส่วนของการควบคุมก็ทำได้อย่างสะดวกเพราะควบคุมได้ทั้ง ผ่านปุ่มกดที่ตัวลำโพง, ควบคุมผ่านรีโมท, ควบคุมผ่าน Smartphone, ควบคุมผ่านแอป Sound Bar Controller ไปจนถึงควบคุมด้วยเสียงผ่าน Amazon Alexa ที่มาแบบ Built-In ก็ยังได้
เสียงรอบทิศทางแบบ 3 มิติ
ด้านเสปคเสียงของ Yamaha YAS 209 ก็ต้องบอกเลยว่าไม่ธรรมดาจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นส่วนของสเปคเสียงที่ประกอบไปด้วยไดรเวอร์แบบโคนขนาด 1 ¾ นิ้ว 4 ตัว Tweeter แบบโดมขนาด 1 นิ้ว 2 ตัว และ Subwoofer แบบโคนขนาด 6 ½ นิ้ว 1 ตัว มาพร้อมแรงขับที่ 200W สำหรับตัว Soundbar และ 100W สำหรับ Subwoofer ให้เสียงรอบทิศทางที่มีความสมจริงแบบ 3D ด้วยการรองระบบเสียงแบบ DTS Virtual: X ที่มั่นใจได้เลยว่าประสบการณ์เสียงจะไม่แพ้การรับชมในโรงภาพยนตร์อย่างแน่นอน
รีวิวเสียง
สำหรับแนวเสียงก็ต้องบอกเลยว่ายังคงเอกลักษณ์ของแบรนด์ Yamaha เอาไว้อย่างครบถ้วน และยังสามารถปรับโหมดเสียงให้เหมาะกับกิจกรรมที่กำลังรับชมในขณะนั้นได้มากถึง 5 โหมดประกอบไปด้วย Music, TV program, Movie, Sports และ Game รวมถึงยังมาพร้อมฟังก์ชัน Clear Voice ที่จะเน้นไปที่เสียงพูดและเสียงสนทนาในภาพยนตร์ให้มีความคมชัด ไม่เบาจนเกินไปหรือถูกเสียงอื่นๆ กลบจนต้องเพิ่ม-ลดเสียงไปมาให้วุ่นวาย และสำหรับรายละเอียดเสียงในโหมดทั่วๆ ไปนั้น จุดเด่นคือเบสลึกถึงใจแม้เปิดแล้วห้องต้องมีสะเทือน เบสลึกและให้อิมแพคที่เด่นมากๆ อีกจุดเด่นคือเวทีเสียงที่จัดว่ากว้างและให้รายละเอียดได้ครบ ให้ความรู้สึกว่าเสียงอ้อมมาด้านหลัง เสียงกลางจะอยู่กึ่งกลางระหว่างเครื่องดนตรี ออกแนวคมชัด โดยโดดเด่นที่เสียงสูง และแจกแจงรายละเอียดได้ดี เสียง Effect ต่างๆ ในหนังจะชัดเหมือนอยู่ร่วมในสถานที่จริง เหมาะกับการเอาไปดูหนังเอฟเฟ็คต์มันๆ หรือเอาไปใช้ฟังเพลงก็ฟังได้เพราะเช่นกัน
ไร้สาย
4.2
บลูทูธ, ไวไฟ, Optical TOSLINK, HDMI
2.1
Active
200 W (ลำโพงกลาง : 50 W x 2-ch , ซับวูฟเฟอร์ : 100 W)
-Alexa voice control -Immersive 3D sound -App control -Clear Voice -Pump up the bass -Music streaming
Center : 93.0 x 62 x 10.9 cm / Subwoofer : 19.1 x 42.0 x 40.6 ซม.