กล้อง GoPro HERO8 Black

"Action Camera ที่ถ่ายยังไงก็เหมือนโปร"

สำหรับ GoPro HERO8 Black ก็ยังยืนยันคำเดิมสำหรับกล้องที่ใคร ๆ ใช้ก็เป็นโปรได้ ฉะนั้นการพัฒนาของมันก็ยังคงเน้นไปที่ความเรียบง่ายในการใช้งาน ที่ต้องง่าย และง่ายขึ้นไปอีก กลับมาคราวนี้กล้องแอคชั่น GoPro HERO8 Black จะมีอุปกรณ์เสริมหรือ Mod Official ตัวประกอบสำหรับการใช้งานเสริมหลายหน้าที่ เรียกได้ว่าใช้งานได้ง่ายขึ้น และหลากหลายขึ้นโดยผู้ใช้งานไม่ต้องลงทุนไปซื้ออุปกรณ์ Hardware จากแบรนด์อื่น ๆ มาประกอบและเสี่ยงทายเอาว่าจะใช้งานเข้ากันได้กับ แอคชั่นแคมตัวโปรดของคุณหรือไม่ โดย Mod เหล่านี้นั้นจะเป็นอุปกรณ์เสริมในการใช้งานต่าง ๆ เช่น ไฟ จอ Display หรือแม้กระทั่งไมโครโฟน ด้วยขนาดเล็กคุณภาพเยี่ยม ทำให้คุณสามารถติดตั้ง Mod เหล่านี้และใช้งานมันได้ด้วยตัวคนเดียว สะดวกไปอีกสำหรับ Vlogger สายเดินเที่ยวแบบเหงา ๆ โสด ๆ ยิ่งมาพร้อมกับทำให้ฟังก์ชั่นการไลฟ์ แบบ Full HD ที่เป็นฟีเจอร์ใหม่ของเจ้า Action Camera ตัวนี้ยิ่งทำให้ Mod มีส่วนช่วยในการสร้าง Live ที่ยอดเยี่ยมกว่าคนอื่น

GoPro HERO7 หรือ HERO8

หลาย ๆ คนอาจจะมีคำถามโลกแตกจากความแตกต่างของกล้อง 2 รุ่นนี้ แม้ว่าทฤษฎีอย่างของใหม่ย่อมดีกว่าจะใช้ตอบโจทย์แกทเจทได้เกือบทุกตัว แต่ฟีเจอร์ของ GoPro HERO8 Black ตัวนี้ก็ดูเหมือนจะทำให้ผู้ใช้งานลังเล แม้ว่าคุณภาพของการถ่ายภาพนิ่ง กันสั่น และการล์ฟจะสูงกว่า แต่มันเปลี่ยนเลนส์เมื่อเสียหายไม่ได้ แม้ว่าผู้ผลิตจะบอกว่าตัวเลนส์กล้องทนทานมากกว่าเดิม 2 เท่า เรียกได้ว่าเอาไปเตะแทนลูกบอลเล่นก็ยังไม่แตก แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะไม่เกิดปัญหา คุณภาพกันสั่น และไลฟ์ที่เพิ่มขึ้นมาก็ไม่น่าจูงใจเท่ากับเจ้า GoPro HERO7 ที่ดูแล้วจะทนทานและมีอายุการใช้งานได้นานกว่าแม้ว่าจะต้องจ่ายค่า Maintenance เพิ่ม มีคะแนนตีตื้นขึ้นมา

สรุป กล้อง GoPro HERO8 เหมาะกับใคร ? 

ฉะนั้นถ้าจะให้สรุปแล้ว ถ้าวัดกันที่สเปคกล้อง GoPro HERO8 Black นั้นยังไงก็มีภาษีดีกว่ามาก ๆ แต่สำหรับการใช้งานระยะยาวก็ต้องยอมรับกว่า GoPro HERO7 แม้จะใช้งานได้ไม่สะดวกเท่า แต่การที่รู้ว่าเลนส์สามารถเปลี่ยนได้ก็สบายใจกว่ามาก ๆ ถึงแม้ว่าการรับประกันของทั้ง 2 ตัวจะเหมือนกันคือเมื่อมีความเสียหายครอบคลุมเงื่อนไขประกันจะได้รับตัวใหม่ไปแทนตัวเก่าเลย แต่สำหรับระยะเวลา 1 ปี ก็ดูจะน้อยเกินไป สำหรับกล้องราคาหลักหมื่นนั่นเอง ฉะนั้นแล้วสำหรับผู้ใช้งานมือใหม่ที่ตัดสินใจแล้วว่าไม่ต้องการคุณภาพไฟล์ภาพที่สูงสุด การใช้งาน HERO7 ดูจะเป็นทางเลือกที่ประหยัดตังและคุ้มค่ากว่า แต่ในขณะเดียวกันถ้าเกิดว่าชื่นชอบฟังก์ชั่นที่มีให้เลือกหลากหลาย และไม่ได้มีการใช้งานที่สุ่มเสี่ยงความเสียหายหนัก ๆ HERO8 น่าจะเป็นคำตอบที่คุ่มราคากว่ามาก ๆ นั่นเอง

​

เลนส์ 4 ระยะและฟังก์ชั่นการใช้งานมากมาย

นอกจาก นั้นเจ้า GoPro HERO8 ยังมาพร้อมกับเลนส์ดิจิตัล สามารถปรับระยะเลนได้ทั้งหมด 4 ระยะ เพิ่มความหลากหลายใก้การถ่ายทำ ทั้ง SuperView 16mm, Wide 16-34mm, Linear 19-39mm และ Narrow ที่ระยะ 27mm ทำให้ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมรูปแบบใดก็สามารถหามุมกล้องที่เหมาะสมได้ง่ายและสะดวกมากขึ้น ส่วนฟังก์ชั่นที่พัฒนาเสริมมายังมีอีก ไม่ว่าจะเป็น TimeWarp 2.0 ที่ตอนนี้สามารถเลือกสปีดความเร็วของวิดิโอได้อัตโนมัติหรือจะเปลี่ยนมาปรับสปีดด้วยตัวเองให้ช้าหรือเร็วขึ้นตามต้องการได้สะดวกขึ้น สำหรับโมเมนต์การถ่ายภาพแบบ Extreme GoPro HERO8 Black เองก็มี SuperPhoto + Improved HDR  ที่จะช่วยเพิ่มคอนทราสต์ภาพและเพิ่มความคมชัดให้มากขึ้น ทำให้ภาพทีได้ออกมามีชีวิตชีวามากขึ้นอีกด้วยในตัว

GoPro App โปรแกรมตัดต่อเทพ มือใหม่ใช้ง่าย

แน่นอนว่านอกจากสเปคกล้องแล้วการแข่งขันในตลาดเรื่องของ Application ก็เป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะกับ GoPro Max ที่ผลิตไฟล์ภาพที่แตกต่างไม่เหมือนใคร อย่างไฟล์ภาพเคลื่อนไหว 360 องศา ที่สามารถใช้ Application ตัดต่อ และเลือกมุมองศาที่เราต้องการได้เลยผ่านใน Application ทำให้สร้างสรรค์ไฟล์ได้แตกต่าง และแปลกใหม่ รวมไปถึงทำได้ง่าย ๆ ทั้งการใช้งานผ่านเครื่องมือ หรือการตัดต่ออัตโนมัติที่อยู่ภายในตัวเครื่อง ที่จะช่วยประกอบวีดีโอของคุณให้ดูน่าสนใจขึ้นมาในพริบตา หรือจะเป็นโหมดตัดต่อด้วยมือสำหรับผู้ที่ต้องการทำงานด้วยมือของตัวเอง เรียกได้ว่าไม่วา่จะเป็นมือใหม้หรือมือโปร เจ้ากล้อง GoPro HERO8 ก็สามารถตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานได้อย่างเต็มที่