Focusrite Vocaster ชุดอุปกรณ์ทำพอดแคสต์ระดับมืออาชีพ
รับประกันโดยศูนย์ไทย (Pro Innovation) ระยะเวลา 1 ปี
เป็นตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ
แชทคุยกับผู้เชี่ยวชาญเพื่อเลือกสินค้าที่ใช่สำหรับคุณ
สรุป Focusrite Scarlett Solo 3rd Gen USB Audio Interface เหมาะกับใคร ?
สรุป Focusrite Scarlett Solo 3rd Gen USB Audio Interface เหมาะกับใคร ?
การ์ดเสียง Focusrite Scarlett Solo 3rd Gen USB Audio Interface ราคา 5,490 บาทตัวนี้ เป็น Audio Interface จากแบรนด์ยอดนิยมที่ใช้กันอย่างแพร่หลายทั้งผู้ทำงานเสียงสมัครเล่น ไปจนถึงระดับ Professional Sound Creator ด้วยแนวเสียงสไตล์ Focusrite ที่มี Pre-Amps ที่โดดเด่นอย่าง AIR แต่สำหรับ Audio Interface Focusrite Scarlett Solo 3rd Gen ตัวนี้ อาจจะไม่เหมาะกับการใช้งานใน Studio เท่าไหร่นัก เพราะขนาดของตัวมันนั่นเอง โดยเจ้า Sound Interrface จะมาพร้อมกับช่องเชื่อมต่อ 2 Input แบ่งออกเป็น XLR และ 6.3 อย่างละ 1 ช่อง ทำให้เหมาะกับการใช้สำหรับ Home Studio เล็ก ๆ หรือใช้เป็นอุปกรณ์ประกอบงานอดิเรก
อุปกรณ์ภายในกล่อง
- 1 x การ์ดเสียง Focusrite Scarlett Solo 3rd Gen
- 1 x สายเชื่อมต่อ และสายพลังงาน USB
- 1 x เอกสารประกอบการใช้งาน
- 1 x เอกสารการรับประกัน
- 1 x คีย์สำหรับโปรแกรมทำงานเสียงต่าง ๆ
Key Highlight
- เสียงดีเกินราคา สีสันสวยงามดีไซน์ทนทาน
- ปรับโหมดมอนิเตอร์ได้ เพื่อความแม่นยำในการทำงาน
- มาพร้อมกับ Air mode ไมค์ Pre-Amp ตัวชูโรง
- ให้ Software และ Plug-in แถมถึง 7 ชิ้น
- ค่า Sampling สูงสุด: 24bit/192kHz
รายละเอียดทั่วไป
การใช้งาน
บนแผงควบคุมของ Focusrite Scarlett Solo 3rd Gen จะมี Knob ที่ สามารถปรับแต่ง Gain ของแชแนลนั้นได้ รวมไปถึงเปิดใช้งาน AIR Mode สำหรับใช้ Signature Pre-Amp ของ Focusrite ซึ่งในส่วนนี้จะรองรับการทำงานกับช่องที่เป็น XLR เพียงช่องเดียวเท่านั้น นอกจากนั้นแล้วก็ยังมี Instrument Mode โหมดสำหรับใช้งานกับเครื่องดนตรีที่มีค่า Impendence สูง เมื่อคุณต้องการใช้ตัวมันบันทึกเสียงเครื่องดนตรี นอกจากนี้ตัว Solo ก็ยังสามารถมอนิเตอร์เสียงแบบความหน่วงต่ำ ผ่านช่อง 6.3 ตรงฝั่ง Out ได้ด้วย โดยตัว Sound Interface Focusrite ตัวนี้ ก็มีคุณภาพการบันทึกเสียงสูงสุดถึง 24bit/192kHz
การเชื่อมต่อ
Focusrite Scarlett Solo 3rd Gen จะใช้งานได้โดยต่อ USB เข้าไปยัง PC ของคุณเพียงเส้นเดียว ทำให้ค่อนข้างสะดวกต่อการ Set Up ส่วนการเชื่อมต่อของตัวการ์ดเสียงจะประกอบไปด้วย 1 Output และ 2 Input เป็น XLR/TRS Combo 1 ช่อง และช่อง 6.3 มม. อีก 1 ช่อง โดยทั้ง 2 ช่อง Inputs สามารถจ่ายไฟ Phantom Power ให้กับไมโครโฟน Condenser ที่ต้องการกำลังไฟสูงกว่าปกติได้
Input:
- 1 x XLR/TRS Combo
- 1 x AUX 6.3 mm.
Output:
- 1 x USB
- 1 x Monitor Out (Standard Stereo phone jacks)
รองรับการใช้งานกับ iPad Pro
แถม Software สนับสนุนให้ถึง 7 ตัว
ชูโรงด้วยเสียงคุณภาพจาก Air Mode
บทความที่เกี่ยวข้อง